คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รับฟังพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 93 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานบุคคลผู้พิการ (หูหนวก-ใบ้) โดยใช้ล่ามภาษามือ และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานอื่นประกอบ
คำเบิกความของพยานที่หูหนวกและเป็นใบ้ให้ถือว่าเป็นคำเบิกความของพยานบุคคล ส่วนวิธีถามหรือตอบนั้นอาจจะกระทำโดยวิธีเขียนหนังสือหรือโดยวิธีอื่นที่สมควรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานจากผู้พิการ (หูหนวกและใบ้) และการพิสูจน์ความผิดอาญา
คำเบิกความของพยานที่หูหนวกและเป็นใบ้ให้ถือว่าเป็นคำเบิกความของพยานบุคคล ส่วนวิธีถามหรือตอบนั้นอาจจะกระทำโดยวิธีเขียนหนังสือหรือโดยวิธีอื่นที่สมควรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 96.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: แม้ยังมิได้จดทะเบียนโอน แต่หากมีหลักฐานการแบ่งทรัพย์สินโดยสุจริต ศาลต้องรับฟังพยาน
ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดเดิมเป็นสินสมรสของจำเลยกับผู้ร้อง ต่อมาจำเลยกับผู้ร้องตกลงหย่าขาดจากกันและทำบันทึกยกที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ร้อง แต่ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของผู้ร้อง เช่นนี้หากฟังได้ดังที่ผู้ร้องอ้าง กรณีก็มิใช่เป็นการยกให้โดยเสน่หา แต่เป็นการแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1532 แม้ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาก็ต้องฟังพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความ การที่ศาลงดสืบพยานผู้ร้องและพิพากษาให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นย่อมเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4512/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานร่วมกระทำผิด, อำนาจสั่งคดีพนักงานสอบสวน, และสิทธิคู่ความในการดำเนินคดี
แม้พยานโจทก์จะมีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลย เมื่อพนักงานสอบสวนได้กันไว้เป็นพยาน คำเบิกความของพยานดังกล่าวอาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ แต่มีน้ำหนักน้อย มิใช่จะรับฟังไม่ได้เลยเสียทีเดียว ถ้าโจทก์มีพยานหลักฐานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้ ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ จึงมีสิทธิที่จะเรียงคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ตลอดทั้งมีสิทธิเรียงคำฟ้องอุทธรณ์และคำแก้ อุทธรณ์ได้ เหตุความผิดฐานฆ่าผู้ตายเกิดที่อำเภอ ก. ถือว่าความผิดฐานใช้จ้าง วาน ให้ฆ่าผู้ตาย เกิดในท้องที่ดังกล่าวท้องที่หนึ่งด้วยและคดีได้เริ่มทำการสอบสวนตั้งแต่จับจำเลยยังไม่ได้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ก. พบการกระทำผิดก่อนอยู่ในเขตอำนาจย่อมเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 ข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาเป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม ป.วิ.อ การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของข้อบังคับดังกล่าวหาทำให้อำนาจสั่งคดีของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ก. เสียไปไม่ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่ไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความ และการตีความการส่งสำเนาเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบันทึกต่ออายุสัญญานั้น ตามเอกสารท้ายฟ้องไว้กับโจทก์ เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีข้อความใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาหรือบันทึกต่ออายุสัญญาดังกล่าว จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาและบันทึกต่ออายุสัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องอาศัยพยานเอกสารทั้ง 2 ฉบับที่โจทก์มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมายมาประกอบการพิจารณาอีก
ศาลย่อมมีดุลพินิจที่จะรับฟังเอกสารที่คู่ความส่งเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้โดยอาศัยหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างส่งโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยนั้น จำเลยไม่ได้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงทั้งยังเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีด้วยแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 บัญญัติให้คู่ความส่งสำเนาเอกสารให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ในกรณีที่มีการระบุพยานเพิ่มเติมหมายความถึงให้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันที่ทำการนำสืบถึงพยานเอกสารนั้นจริง ๆ ไม่น้อยกว่า 3 วัน มิได้หมายความถึงก่อนวันทำการสืบพยานครั้งแรกของคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4273/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความ และการส่งเอกสารเพิ่มเติมก่อนวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและบันทึกต่ออายุสัญญานั้นตามเอกสารท้ายฟ้องไว้กับโจทก์เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีข้อความใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาหรือบันทึกต่ออายุสัญญาดังกล่าว จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาและบันทึกต่ออายุสัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว กรณีจึงไม่ต้องอาศัยพยานเอกสารทั้ง 2 ฉบับที่โจทก์มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมายมาประกอบการพิจารณาอีก
ศาลย่อมมีดุลพินิจที่จะรับฟังเอกสารที่คู่ความส่งเป็นพยานโดยไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งได้โดยอาศัยหลักตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างส่งโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยนั้น จำเลยไม่ได้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริง ทั้งยังเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีด้วยแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลย่อมรับฟังพยานเอกสารได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 บัญญัติให้คู่ความส่งสำเนาเอกสารให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งนั้น ในกรณีที่มีการระบุพยานเพิ่มเติมหมายความถึงให้ส่งสำเนาเอกสารนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันที่ทำการนำสืบถึงพยานเอกสารนั้นจริง ๆไม่น้อยกว่า 3 วัน มิได้หมายความถึงก่อนวันทำการสืบพยานครั้งแรกของคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระเบี้ยประกันภัยผ่านตัวแทนเชิด และการรับฟังพยานเกี่ยวกับสาเหตุมรณกรรม
ขณะศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำเด็กชาย ณ. เข้าสืบยังอยู่ระหว่างการนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ และโจทก์ยังไม่ได้แถลงหมดพยานทั้งหมดแม้จำเลยจะนำพยานเข้าสืบบ้างแล้วแต่ก็ไม่มีกฎหมายห้ามโจทก์นำ พยานมาสืบเพิ่มในกรณีนี้ทั้งการที่โจทก์นำเด็กชาย ณ. เข้าสืบเกี่ยวกับสาเหตุมรณกรรมของ ส.ผู้เอาประกันชีวิตไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะพยานที่จำเลยนำเข้าสืบก่อนเด็กชาย ณ. ไม่ได้นำสืบถึงสาเหตุมรณกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด และจำเลยมีโอกาสนำพยานมาสืบต่อเพื่อหักล้างคำพยานของเด็กชาย ณ. จึงรับฟังคำพยานของเด็กชาย ณ. ได้
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นภรรยาไปเก็บเบี้ยประกันภัย เมื่อโจทก์ชำระเบี้ยประกันภัยให้จำเลยที่ 3 แม้จำเลยที่ 1 จะยังไม่ออกหลักฐานการรับชำระเบี้ยประกันภัยให้ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับชำระเบี้ยประกันภัยแล้วโดยผ่านทางจำเลยที่ 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระเบี้ยประกันภัยผ่านตัวแทนเชิด และการรับฟังพยานเกี่ยวกับสาเหตุการตาย
ขณะศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำเด็กชาย ณ. เข้าสืบยังอยู่ระหว่างการนัดสืบพยานประเด็นโจทก์ และโจทก์ยังไม่ได้แถลงหมดพยานทั้งหมดแม้จำเลยจะนำพยานเข้าสืบบ้างแล้วแต่ก็ไม่มีกฎหมายห้ามโจทก์นำพยานมาสืบเพิ่มในกรณีนี้ทั้งการที่โจทก์นำเด็กชาย ณ. เข้าสืบเกี่ยวกับสาเหตุมรณกรรมของ ส.ผู้เอาประกันชีวิตไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะพยานที่จำเลยนำเข้าสืบก่อนเด็กชาย ณ. ไม่ได้นำสืบถึงสาเหตุมรณกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด และจำเลยมีโอกาสนำพยานมาสืบต่อเพื่อหักล้างคำพยานของเด็กชาย ณ. จึงรับฟังคำพยานของเด็กชาย ณ. ได้
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นภรรยาไปเก็บเบี้ยประกันภัย เมื่อโจทก์ชำระเบี้ยประกันภัยให้จำเลยที่ 3 แม้จำเลยที่ 1 จะยังไม่ออกหลักฐานการรับชำระเบี้ยประกันภัยให้ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับชำระเบี้ยประกันภัยแล้วโดยผ่านทางจำเลยที่ 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: การโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานและดุลพินิจการลงโทษ ถือเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าพนักงานจับกุมตัวจำเลยตามที่ผู้เสียหายแจ้งจำเลยหลบหนีไประหว่างที่เจ้าพนักงานควบคุมตัวจำเลยจำเลยฎีกาโต้แย้งว่าตามคำเบิกความของพยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ามีการจับกุมตัวจำเลยข้อโต้แย้งของจำเลยเป็นการโต้แย้งในเรื่องการฟังพยานว่าควรจะฟังไปในทางใดซึ่งเป็นดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356-2357/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลแรงงานในการยื่นบัญชีระบุพยาน และการรับฟังพยานหลักฐาน
การที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา 29ออกข้อกำหนดศาลแรงงาน ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงาน ข้อ10นั้น'เป็นกรณีที่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานออกข้อกำหนดให้ ศาลแรงงานกลางใช้ ดุลพินิจเลือกดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาบรรลุผลตามเจตนารมณ์ดังกล่าวหาใช่เป็นข้อกำหนดบังคับให้คู่ความถือ ปฏิบัติโดยที่ศาลแรงงานกลางมิได้มีคำสั่งไม่ เมื่อ ศาลแรงงานกลางมิได้มีคำสั่งตามข้อกำหนดดังกล่าว การยื่นบัญชีระบุพยานจำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งนำมาใช้บังคับโดยอนุโลม การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ ยื่นบัญชีระบุพยาน หลังจากจำเลยซึ่งนำสืบ ก่อนสืบพยานไปบ้างแล้วนั้น เป็นการใช้ดุลพินิจสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
of 10