พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อกับสิทธิการเรียกร้องคืนทรัพย์สิน: การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและการรู้เห็นเป็นใจ
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า กรณีเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างอายุสัญญา เช่น ถูกขโมย ต้องอัคคีภัย วาตภัยอุปัทวเหตุใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ จนทรัพย์สินที่เช่าซื้อเสียหายหรือสูญหาย ผู้เช่ายินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงวัตถุประสงค์อยู่ในตัวว่าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อต้องการราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญผู้เช่าซื้อจะนำทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อไปใช้อย่างไรก็ได้เมื่อทราบว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ผู้ร้องยังรับค่าเช่าซื้อต่อมาอีกไม่ได้บอกเลิกสัญญาหรือติดตามเอารถจักรยานยนต์คืน ทั้งไม่เคยขอรับคืนจากพนักงานสอบสวน การที่ผู้ร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ถือว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ-รู้เห็นเป็นใจ: ผู้ให้เช่าซื้อไม่สุจริต ขอคืนรถไม่ได้ แม้เกิดความเสียหาย
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ตั้งแต่วันที่ผู้เช่าซื้อได้รับมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นต้นไป หากเกิดความเสียหายใด ๆ แก่ทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งสิ้น ข้อสัญญาดังกล่าวแสดงวัตถุประสงค์อยู่ในตัวว่าผู้ให้เช่าซื้อต้องการราคาค่าเช่าซื้อเป็นสำคัญ เมื่อผู้ให้เช่าซื้อทราบว่ารถจักรยานยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อก็ยังคงรับค่าเช่าซื้อต่อมาอีกไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือติดตามเอารถจักรยานยนต์คืน ทั้งผู้ให้เช่าซื้อไม่เคยไปขอรับรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากพนักงานสอบสวนการที่ผู้ให้เช่าซื้อขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ถือได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ เมื่อไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกับจำเลยที่ 2ลักทรัพย์หรือรับของโจรเศษเหล็ก เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักเอาเศษเหล็ก และไม่ทราบว่าเศษเหล็กดังกล่าวที่ซื้อไว้จากจำเลยที่ 2 ที่บรรทุกใส่รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อจำเลยที่ 1กับภรรยามายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง จึงเป็นผลให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับภรรยาไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่จำเลยที่ 1กับภรรยา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนิติบุคคลต่อการกระทำผิดฐานพนัน: การรู้เห็นเป็นใจของผู้แทน
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลยื่นคำร้องขอให้คืนของกลางแก่ผู้ร้องในการที่จะพิจารณาว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดหรือไม่นั้น ต้อง พิจารณาจากผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง คดีนี้การจัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ อยู่ในวัตถุประสงค์ของผู้ร้อง ผู้ที่ดูแล โต๊ะสนุกเกอร์ จึงต้อง ถือ ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4791/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา และประเด็นการรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด
ข. ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางกับผู้ร้อง เมื่อข. ผิดสัญญา ผู้ร้องก็ให้ ข. ทำสัญญาเช่าซื้อใหม่ หลังจากนั้นชง ก็ผิดสัญญาอีก และสัญญาก็ระบุไว้ทำนองว่า ไม่ว่ารถยนต์บรรทุกของกลางจะเกิดความเสียหายหรือสูญหายไปด้วยประการใด ผู้เช่าซื้อก็ต้องชำระหนี้เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ แสดงว่าผู้ร้องประสงค์จะได้ค่าเช่าซื้อเท่านั้น ผู้ร้องไม่ประสงค์จะยึดรถยนต์บรรทุกของกลางคืนเมื่อ ข. ผิดสัญญาพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์ของ ข. แต่ฝ่ายเดียวจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต แม้ขณะเกิดเหตุผู้ร้องยังคงเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลาง แต่ผู้ร้องก็ไม่มีพยานมาสืบว่า ผู้ร้องและ ข. มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางกระทำผิด ซึ่งผู้ร้องมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ความดังกล่าวผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดฐานการพนันของผู้เช่าซื้อ แม้จะไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดโดยตรง
ผู้ร้องที่ 1 ซื้อเครื่องรับโทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเกมพร้อมอุปกรณ์มาให้ผู้ร้องที่ 2 เช่าซื้อจำนวน 5 เครื่อง โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ร้องที่ 2 จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าเล่น ดังนั้นการที่ผู้ร้องที่ 2 ให้จำเลยเช่าเครื่องเล่นวีดีโอเกมไปจากผู้ร้องที่ 2 ถึง 5เครื่อง นำมาตั้งให้เด็กเช่าเล่นเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าผู้ร้องที่ 1รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3819/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิซื้อขายโดยไม่สุจริตของผู้ขายที่ปล่อยให้ผู้ซื้อค้างชำระนานปี และรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้ซื้อ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังเป็นของผู้ร้องตามข้อสัญญา เพราะผู้ซื้อยังค้างชำระราคาอยู่ แต่ผู้ร้องปล่อยให้ผู้ซื้อค้างชำระราคาอยู่จนถึงวันเกิดเหตุเป็นเวลา 4 ปีเศษแล้ว มิได้บังคับตามสัญญาซื้อขายแก่ผู้ซื้อโดยการบอกเลิกสัญญาและเรียกเอาทรัพย์ที่ขายคืนอย่างใดคงปล่อยเนิ่นนานมาจนกระทั่งจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้ซื้อนำรถยนต์ของกลางไปกระทำความผิดแล้วผู้ร้องก็มอบอำนาจให้ผู้ซื้อนั้นเองมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง ทั้งตามสัญญาซื้อขายผู้ซื้อต้องรับผิดใช้ราคาที่ซื้อจนครบแม้รถยนต์ของกลางจะถูกริบ ดังนี้ การร้องขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ร้อง เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อได้รับรถยนต์ของกลางคืนไปในภายหลังหาใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเองไม่ จากพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้ซื้อใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกทรายเกินน้ำหนักในทางการค้าของผู้ซื้อ น่าเชื่อว่ากระทำไปตามคำสั่งของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจึงเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด เมื่อผู้ร้องขอคืนรถยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อ จึงถือได้ว่าเป็นการรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดคดีนี้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาของผู้ให้เช่าซื้อที่เพิกเฉยต่อการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อและรู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ ทำให้ไม่อาจขอคืนรถของกลางได้
ผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อรถพ่วงบรรทุก จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง 5 งวดแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีก แม้ตามสัญญาเช่าซื้อระบุว่า "ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระงวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด... ให้ถือว่าเป็นการผิดนัดผิดสัญญา และยอมให้สัญญาเช่าซื้อนี้เป็นอันมีผลบังคับได้ทันที โดยมิต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อน" แต่เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 6 ผู้ร้องยังยอมรับเช็คซึ่งชำระค่าเช่าซื้อในงวดต่อมาโดยนำเช็คไปเบิกเงิน ผู้ร้องก็มิได้เลิกสัญญา หรือยึดรถพ่วงบรรทุกคืนแสดงว่า ผู้ร้องมิได้ถือเอากำหนดเวลาที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดตามสัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญาและไม่ประสงค์จะเลิกสัญญาโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าว นอกจากนี้ สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ยังระบุว่า"ในระหว่างที่ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดและมีเหตุวิบัติทำให้ทรัพย์สินที่เช่าซื้อเป็นอันตรายหรือสูญหายโดยเหตุประการใด ๆแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ผู้เช่าซื้อก็ตกลงยินยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ยังค้างอยู่ทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วนโดยพลัน"ดังนั้นเมื่อผู้ร้องไม่บอกเลิกสัญญาและไม่ติดตามรถพ่วงที่เช่าซื้อคืน จึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า ผู้ร้องมีเจตนาเพียงต้องการได้รับค่าเช่าซื้อเท่านั้น เมื่อจำเลยนำรถไปใช้กระทำผิดและถูกริบและมีผู้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ผู้ร้องจึงมาขอรถของกลางคืน เป็นการขอคืนแทนผู้กระทำผิด ถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดไม่อาจขอคืนรถพ่วงของกลางได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด – การใช้รถยนต์ของผู้อื่นในการกระทำความผิด
จำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ร้องนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการบรรทุกไม้แปรรูปผิดกฎหมาย โดยผู้ร้องกับจำเลยพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน นอกจากนี้จำเลยเคยนำรถยนต์ของกลางไปใช้เป็นประจำดังนั้นที่ผู้ร้องกล่าวอ้างและนำสืบว่าจำเลยหลอกเอารถยนต์ของกลางไปจากนาย พ. ลูกจ้างของผู้ร้องในวันเกิดเหตุว่าผู้ร้องให้มาเอารถยนต์ของกลางไปธุระจึงไม่น่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระ ผู้ให้เช่าซื้อเพิกเฉยถือว่ารู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จึงไม่มีสิทธิขอคืนรถ
สัญญาเช่าซื้อกำหนดว่าหากผู้เช่าซื้อผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหรือผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่ สองงวดขึ้นไปให้สัญญาเช่าซื้อเป็นอันยกเลิกเพิกถอนทันที การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดค้างชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหลายครั้ง แต่ ผู้ให้เช่าซื้อยังยอมรับค่าเช่าซื้ออีกโดย มิได้เลิกสัญญาและยึดรถยนต์ ที่ให้เช่าซื้อคืนแสดงว่าผู้ให้เช่าซื้อมิได้ถือ เอากำหนดเวลาตาม สัญญาเช่าซื้อเป็นสาระสำคัญของสัญญา เพียงต้องได้ รับค่าเช่าซื้อให้ครบตาม สัญญา การที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติด กันหลายครั้ง ผู้ให้เช่าซื้อไม่บอกเลิกสัญญาเอารถยนต์ ที่เช่าซื้อ คืนมาจนกระทั่งจำเลยทั้งสองนำรถยนต์ ของกลางไปใช้ กระทำความผิดและถูก ริบ แล้วผู้ให้เช่าซื้อจึงได้ มาร้องขอรถยนต์ ของกลางคืน ดังนี้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยผู้กระทำความผิดพฤติการณ์ดังกล่าวถือ ได้ ว่า ผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วย ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจขอคืนรถยนต์ ของกลางได้.