คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5430/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำผิด: ร่วมกันออกติดตามและทำร้ายผู้ตาย
อ และจำเลยต่างออกตามหาผู้ตายและ อ. กับจำเลยออกมาพร้อมกันโดยต่างมีอาวุธ เมื่อมาพบผู้ตายระหว่างทาง อ. เป็นผู้เข้าทำร้ายผู้ตายแล้วจำเลยกับ อ. หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับ อ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันปล้นทรัพย์: เจตนาตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดถือเป็นตัวการร่วม
จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยมีห. และพ. นั่งซ้อนท้ายแล่นแซงหน้ารถยนต์ของผู้เสียหายจนผู้เสียหายหยุดรถเมื่อผู้เสียหายลงจากรถก็ถูกจำเลยชกที่ใบหน้า1ครั้งและต่อมาถูกรุมทำร้ายถึงหมดสติห. ขับรถยนต์ของผู้เสียหายออกไปจำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นตามไปครั้นรถยนต์ของผู้เสียหายยางล้อหลังด้านซ้ายแตกไม่อาจแล่นต่อไปได้จำเลยก็หยุดรถจักรยานยนต์รับห. ไปด้วยเมื่อพ. ลงจากรถจักรยานยนต์ก็บอกจำเลยว่าได้กระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายมาด้วยการที่ห. ขับรถยนต์ของผู้เสียหายไปนั้นจำเลยรู้เห็นด้วยจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามไปและเมื่อรถยนต์ของผู้เสียหายเกิดยางแตกแล่นต่อไปไม่ได้จำเลยก็จอดรถจักรยานยนต์รับห. ไปด้วยแล้วพากันหลบหนีไปพฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับพวกมาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลงถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับห. และส. กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันค้ายาเสพติด: จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานตัวการ ไม่ใช่ผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 และ บ.เป็นผู้ค้ายาเสพติดให้โทษ จำเลยที่ 3กับพวกนัดพบกันหลายครั้งและจำเลยที่ 3 รับเงินจาก บ.นำไปมอบให้แก่จำเลยที่ 1เพื่อเป็นค่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดหาลักลอบขนยาเสพติดให้โทษ มีการบรรทุกกระสอบซึ่งบรรจุตะเกียบไปส่งที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 กับที่ตึกแถวที่จำเลยที่ 1เช่า และมีการขนถ่ายสินค้าไปเก็บที่ตึกแถวที่เช่า มีคนงานบรรจุตะเกียบลงกล่องกระดาษและขนกล่องกระดาษใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือคลองเตย เจ้าพนักงาน-ตำรวจติดตามไปและได้ตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบเฮโรอีนของกลางอยู่ในกล่องกระดาษ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิด จำเลยที่ 3 ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการ หาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดไม่การลดโทษประหารชีวิตให้กึ่งหนึ่ง ศาลจะลดเหลือจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่24 ถึง 50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 52 (2) ย่อมเป็นดุลพินิจของศาลโดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันมียาเสพติดไว้เพื่อขาย และการใช้บทกฎหมายใหม่ที่มีผลต่อโทษ
พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกันมั่นคงโดยเห็นการกระทำของจำเลยที่2ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งหิ้วถุงพลาสติกซึ่งบรรจุยาม้าของกลางไปส่งให้จำเลยที่1นำไปซุกไว้ที่ใต้เบาะที่นั่งคนขับรถยนต์ของ ส.ชั้นจับกุมจำเลยที่2ก็ให้การรับสารภาพโดยเขียนบันทึกคำให้การด้วยตนเองแม้จำเลยที่2 จะให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ก็รับว่า บันทึกคำให้การดังกล่าวเป็นลายมือของจำเลยที่2 พยานหลักฐานของโจทก์ มีน้ำหนักและ เหตุผลฟังได้ว่าจำเลยที่2 กับพวก ร่วมกันมียาม้าของกลางไว้เพื่อขาย หลังจากที่จำเลยที่2กระทำความผิดได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่3)พ.ศ.2535แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518โดยเพิ่มเติมมาตรา13ทวิห้ามมิให้ผู้ใดผลิตขายนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2แยกจากเดิมซึ่งบัญญัติรวมไว้ในมาตรา13และแก้ไขโทษปรับขั้นสูงให้ต่ำลงถือว่าเป็นคุณแก่จำเลยจึงต้องใช้บทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่มาปรับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย การพิจารณาเจตนาเฉพาะตัวจำเลย
จำเลยที่ 2 ทำร้ายผู้ตายโดยการชกต่อย ส่วนจำเลยที่ 3 ทำร้ายผู้ตายโดยใช้ไม้ตี ซึ่งล้วนแต่มิได้ก่อให้เกิดบาดแผลแก่ผู้ตายถึงขนาดจะเป็นเหตุแห่งความตายได้ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1เข้ามาทำร้ายผู้ตายด้วยการเตะหาได้ใช้มีดที่พกติดตัวมาแทงทำร้ายผู้ตายทันทีไม่ แสดงชัดว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยเจตนาเพียงร่วมทำร้ายผู้ตายก่อน หลังจากนั้นเกิดการโต้ตอบเป็นเชิงต่อว่าระหว่างผู้ตายกับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 จึงชักมีดออกมาแทงผู้ตาย เป็นเจตนาเกิดขึ้นภายหลัง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2และที่ 3 ทราบถึงการมีอาวุธมีดติดตัวตั้งแต่ก่อนหรือแรกเกิดเหตุไม่มีเหตุที่จะคาดหมายหรือเล็งเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 อาจฆ่าผู้ตายได้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีเจตนาเพียงร่วมในการทำร้ายผู้ตายต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่วมกับผู้อื่น ไม่ถึงเจตนาฆ่า: การประเมินความผิดฐานร่วมกันฆ่า
การที่ ป. ใช้ไม้ตีผู้ตาย แล้วจำเลยเข้ามาชกต่อยผู้ตายที่ใบหน้า 1 ครั้ง นอกจากนั้นยังมีคนอื่นเข้ามารุมชกต่อยผู้ตายอีกคนละครั้งสองครั้ง แล้วพากันหลบหนีไป พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังได้เพียงว่าจำเลยชกต่อยผู้ตายเพียง 1 ครั้ง ในขณะที่ผู้ตายถูกคนหลายคนกลุ้มรุมทำร้ายและเกิดเหตุวุ่นวาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อนหรือมีอาวุธติดตัวมาแต่อย่างใด การที่ป. ใช้ไม้ตีผู้ตายโดยเจตนาฆ่าในระหว่างนั้น จึงเป็นการกระทำของป. โดยลำพัง น่าเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาเพียงร่วมกับ ป. กับพวกทำร้ายผู้ตายเท่านั้น แม้จำเลยกับ ป. เป็นพี่น้องกันและเข้าทำร้ายผู้ตายด้วย ก็ไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับ ป.ฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานขายยาเสพติดร่วมกัน โดยมีเจตนาดำเนินการตั้งแต่ต้นจนจบถือเป็นตัวการ
การที่จำเลยติดต่อขายเฮโรอีนให้ ห.พาส. มาเจรจาเรื่องราคากับ ห. โดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย เมื่อตกลงราคากันได้ก็นัดส่งมอบเฮโรอีนโดยมีเงื่อนไขว่า ห. ได้รับเฮโรอีนก่อนแล้วจึงจะนำเงินไปชำระที่บ้านจำเลย ถึงวันนัดจำเลยมาพบห. ตามนัด จำเลยบอกสถานที่ที่เก็บเฮโรอีนและให้คนที่มากับจำเลยนำทาง ห.ไปรับเฮโรอีนจากส. ซึ่งรออยู่เมื่อได้เฮโรอีนแล้ว ห.กับส. เดินทางไปบ้านจำเลยเพื่อชำระเงิน แสดงว่าจำเลยเป็นผู้ดำเนินการขายเฮโรอีนร่วมกับ ส.มาตั้งแต่ต้นจนมีการส่งมอบให้ห. จึงเป็นการกระทำในฐานะเป็นตัวการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการครอบครองยาเสพติด แม้ไม่ได้ถูกจับพร้อมกัน
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ร่วมและความรับผิดร่วมกันในสัญญา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ทำหนังสือสัญญาของผู้ได้รับทุนการศึกษาจำเลยที่ 2 ผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งให้ความยินยอมในการเข้าทำสัญญาและยินยอมรับชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ด้วย และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นทายาทของผู้ค้ำประกันให้ร่วมกันรับผิดใช้เงินทุนการศึกษาและค่าปรับ เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสามต้องรับผิดร่วมกันตามสัญญาอย่างลูกหนี้ร่วม และมูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ถือว่าจำเลยทั้งสามแทนซึ่งกันและกัน บรรดากระบวนพิจารณาซึ่งกระทำโดยจำเลยคนหนึ่งถือว่าได้กระทำโดยจำเลยคนอื่น ๆ ด้วย การที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบมาเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 จึงเป็นการชอบด้วยประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 (1) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยใช้อาวุธ แม้ไม่ได้ชักปืนแต่เตรียมพร้อมใช้ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยทั้งสามมีอาวุธปืนติดตัวขึ้นไปบนสถานีตำรวจ จำเลยที่ 1ขอให้ผู้เสียหายไปตรวจค้นบ้านบุคคลอื่น แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำตามจำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธปืนจี้บังคับไม่ยอมให้ผู้เสียหายออกจากห้องแล้วใช้มือล็อกคอและกอดปล้ำบังคับผู้เสียหายให้นั่งบนโซฟาโดยจำเลยที่ 2 ถืออาวุธปืนสั้นและจำเลยที่ 3 ยืนจับด้ามปืนสั้นที่เอว แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้ชักปืนออกมาก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยที่ 3 แสดงว่าจำเลยที่ 3 ได้เตรียมพร้อมที่จะใช้อาวุธปืนบังคับผู้เสียหายด้วย จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
of 23