คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเลยหน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากลูกจ้างละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดการทุจริตของผู้อื่น โจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันที่รู้ถึงการละเมิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบการปฏิบัติงานของ จ. ละเลยไม่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ จ. อันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ จ. ทุจริตเบียดบังรายได้ของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดนั้น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายต่อศาลแรงงานได้ แต่เมื่อโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก โดยมิต้องคำนึงว่าโจทก์จะทราบจำนวนค่าเสียหายที่ถูกต้องแท้จริงแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากลูกจ้างละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดการทุจริต – เริ่มนับแต่วันที่นายจ้างรู้ตัวผู้กระทำผิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบการปฏิบัติงานของ จ. ละเลยไม่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ จ. อันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ จ. ทุจริตเบียดบังรายได้ของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดนั้นโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายต่อศาลแรงงานได้แต่เมื่อโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก โดยมิต้องคำนึงว่าโจทก์จะทราบจำนวนค่าเสียหายที่ถูกต้องแท้จริงแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับไม้ผิดกฎหมาย ผู้ใหญ่บ้านละเลยหน้าที่ และการใช้กฎหมายป่าไม้ฉบับที่แก้ไข
กฎหมายเก่าที่ใช้อยู่ขณะกระทำผิดมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทส่วนกฎหมายใหม่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองแสนบาทกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ต่างเป็นคุณต่อผู้กระทำผิด แล้วแต่จะดูในแง่ขั้นสูงหรือขั้นต่ำของโทษ ถ้าศาลจะลงโทษจำคุกในอัตราขั้นสูงต้องใช้กฎหมายฉบับแรกเพราะเป็นคุณแก่จำเลย แต่ถ้าจะจำคุกจำเลยในอัตราขั้นต่ำต้องใช้กฎหมายฉบับหลังเพราะเป็นคุณแก่จำเลย คดีนี้ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี การวางโทษจึงอยู่ในระดับที่ใช้กฎหมายเก่าก็ได้หรือใช้กฎหมายฉบับใหม่ก็ได้ควรใช้กฎหมายเก่าอันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำผิดบังคับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1292/2500)
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ป. เป็นน้องเขยของภริยาจำเลยอาศัยอยู่ในบริเวณรั้วเดียวกันกับบ้านจำเลย และไม่มีรั้วกั้นระหว่างบ้านทั้งสอง ป. มีอาชีพทำโต๊ะและประตูไม้ขายซึ่งต้องใช้ไม้ปริมาณมาก เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบไม้หวงห้ามของกลางที่ยุ้งข้าวและห้องเก็บของใต้ถุนบ้านจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งไม้ของกลาง โดยจำเลยรู้ว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯซึ่งเป็นความผิดฐานเป็นตัวการตาม มาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติ ป่าไม้แล้ว เพราะเพียงแต่รับไว้ด้วยประการใดๆก็เป็นความผิดไม่ต้องถึงกับร่วมกันกระทำผิด
จำเลยมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ปราบปรามการกระทำผิดแต่กลับกระทำผิดเสียเอง และความผิดที่จำเลยถูกฟ้องก็เป็นความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติอันควรรักษาไว้จึงไม่มีเหตุที่จะลงโทษให้เบาลง และรอการลงอาญาให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2916/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า กรณีลูกจ้างฝ่าฝืนระเบียบและละเลยหน้าที่
แม้ผู้ที่จะกระทำการแทนบริษัทจำเลยได้ต้องมีกรรมการ 2คนลงชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลย แต่วันเดียวกับที่ว. กรรมการของจำเลยลงชื่อในคำให้การ แต่ผู้เดียวโดยมิได้มีตราสำคัญประทับนั้น จำเลยได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้พ. เป็นผู้มาชี้แจงให้ถ้อยคำและต่อสู้คดีแทนจำเลยด้วยเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาสั่งให้จำเลยแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องอำนาจผู้ยื่นคำให้การได้
การสืบพยานในศาลแรงงานนั้น ศาลแรงงานจะเป็นผู้ซักถามพยานเองตัวความหรือทนายความจะซักถามพยานได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน ดังนั้น เมื่อคดีนี้ศาลแรงงานกลางได้ดำเนินการซักถามพยานโจทก์จำเลยโดยตลอด และไม่ปรากฏตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าศาลแรงงานกลางได้ยกเอาคำซักถามพยานของพ. ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยซึ่งมิได้เป็นทนายความตอนใดขึ้นมาเป็นเหตุผลประกอบคำวินิจฉัย อุทธรณ์โจทก์จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นอย่างอื่น
ศาลแรงงานกลางมีอำนาจสั่งอนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมได้หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โดยเป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลางที่จะสั่งตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนั้น การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นจึงเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลอันเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง ของจำเลยทั้งละเลยการปฏิบัติหน้าที่ทำให้จำเลยเสียหายอย่างร้ายแรงจำเลยย่อมเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนผู้จัดการมรดกต้องมีเหตุละเลยหน้าที่หรือมีส่วนได้เสีย ไม่ใช่แค่การโต้แย้งสิทธิในทรัพย์มรดก
ผู้ร้องเป็นทายาทเจ้ามรดกอ้างว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่างให้ แต่ผู้จัดการมรดกไม่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกดังกล่าวให้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามที่อ้างเท่านั้น แต่หาใช่เหตุที่ผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือเป็นเหตุอื่นอันสมควรให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนผู้จัดการมรดกต้องมีเหตุละเลยหน้าที่ หรือมีส่วนได้เสีย มิใช่แค่โต้แย้งสิทธิในทรัพย์มรดก
ผู้ร้องเป็นทายาทเจ้ามรดกอ้างว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกเฉพาะสิ่งเฉพาะอย่างให้ แต่ผู้จัดการมรดกไม่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกดังกล่าวให้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามที่อ้างเท่านั้น แต่หาใช่เหตุที่ผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือเป็นเหตุอื่นอันสมควรให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2522 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยหน้าที่ปิดแผงกั้นทางรถไฟทำให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้รับผิดชอบต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย -จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ปิดกั้นแผงกั้นถนนเมื่อมีขบวนรถไฟวิ่งผ่านตรงที่ทางรถไฟตัดผ่านถนน ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ละทิ้งหน้าที่ไป ตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 มาตรา 72 บัญญัติว่า เมื่อทางรถไฟผ่านข้ามถนนสำคัญเสมอระดับ ให้ทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 3 ต้องป้องกันภัยในการที่จะเดินรถไฟตัดผ่านถนน การที่จำเลยที่ 2 ไม่นำแผงมาปิดกั้นถนนขณะที่ขบวนรถไฟจะแล่นผ่านจึงเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ถือได้ว่าเป็นการประมาทอย่างร้ายแรง ถ้าหากปิดแผงกั้นถนนแล้ว รถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ก็ไม่อาจขับผ่านเข้าไปถึงทางรถไฟจนเกิดเหตุชนกันได้ จำเลยที่ 2 มีส่วนประมาทมากกว่าโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยที่ 3 อ้างว่าวันเกิดเหตุพนักงานรถไฟบางส่วนนัดหยุดงาน ไม่สามารถหาคนมาปฏิบัติงานให้ทันท่วงทีได้นั้น จะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิด
โจทก์มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรักษาต่อที่บ้าน ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และค่าที่ต้องทนทุกข์เวทนาที่ได้รับจากการละเมิดของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2614/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่รถไฟและการละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถยนต์ ผู้ประกอบการต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ปิดกั้นแผงกั้นถนนเมื่อมีขบวนรถไฟวิ่งผ่านตรงที่ทางรถไฟตัดผ่านถนน ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ละทิ้งหน้าที่ไป ตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวงพระพุทธศักราช 2464 มาตรา 72 บัญญัติว่าเมื่อทางรถไฟผ่านข้ามถนนสำคัญเสมอระดับ ให้ทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 3 ต้องป้องกันภัยในการที่จะเดินรถไฟตัดผ่านถนนการที่จำเลยที่ 2 ไม่นำแผงมาปิดกั้นถนนขณะที่ขบวนรถไฟจะแล่นผ่านจึงเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ถือได้ว่าเป็นการประมาทอย่างร้ายแรงถ้าหากปิดแผงกั้นถนนแล้ว รถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ก็ไม่อาจขับผ่านเข้าไปถึงทางรถไฟจนเกิดเหตุชนกันได้ จำเลยที่ 2 มีส่วนประมาทมากกว่าโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยที่ 3 อ้างว่าวันเกิดเหตุพนักงานรถไฟบางส่วนนัดหยุดงาน ไม่สามารถหาคนมาปฏิบัติงานให้ทันท่วงทีได้นั้น จะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิด
โจทก์มีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรักษาต่อที่บ้าน ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และค่าที่ต้องทนทุกข์เวทนาที่ได้รับจากการละเมิดของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้จัดการมรดกจากกรณีละเลยหน้าที่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก และการโอนขายทรัพย์สินโดยไม่ชอบ
ผู้จัดการมรดกแถลงรับว่าไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728, 1729 แต่อ้างว่าเป็นคนจีนต้องให้ทนายความทำแทน ซึ่งไม่เป็นเหตุผลอันสมควรเพราะล่วงเลยเวลามาถึง 8 เดือนแล้ว และเมื่อศาลขยายเวลาให้อีก 1 เดือน ผู้จัดการมรดกก็ยังละเลยไม่จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกเช่นเดิม โดยอ้างว่าผู้คัดค้านไปร้องคัดค้านในการที่ผู้จัดการมรดกจะขายที่ดินมรดก ซึ่งก็ไม่เป็นเหตุที่ทำให้ผู้จัดการมรดกไม่สามารถยื่นบัญชีทรัพย์ได้ พฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำแถลงรับของผู้จัดการมรดกดังกล่าวข้างต้น เป็นการแสดงออกถึงความไม่สามารถอันเห็นประจักษ์ ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนสืบพยานอื่นอีกต่อไป
บัญชีทรัพย์มรดกที่ได้ยื่นไว้แล้วในวันยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไม่ใช่บัญชีทรัพย์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731 เพราะบัญชีทรัพย์มรดกตามมาตราดังกล่าว หมายถึงบัญชีทรัพย์มรดกซึ่งได้จัดทำขึ้นโดยผู้จัดการมรดกภายหลังที่ได้รับแต่งตั้งจากศาลแล้ว
การที่ผู้จัดการมรดกดำเนินการโอนขายที่ดินมรดกโดยยังไม่ได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1730, 1563 เพราะมิใช่เป็นการเร่งร้อนและจำเป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาต่อผู้ชำระบัญชี กรณีละเลยหน้าที่ตามกฎหมายห้างหุ้นส่วน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1250,1253,1254 และ 1255 บัญญัติถึงหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีไว้ และตามพระราชบัญญัติ กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ พ.ศ. 2499 บัญญัติถึงความรับผิดทางอาญาเกี่ยวกับการชำระบัญชีเป็นความผิดของผู้ชำระบัญชีมีบทลงโทษตามมาตรา 32,33 และ 35 โจทก์เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลซึ่งศาลได้พิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว และตั้งให้จำเลยเป็นผู้ชำระบัญชี โจทก์มีผลประโยชน์ได้เสียในห้างหุ้นส่วนอยู่ซึ่งผลประโยชน์ของโจทก์จะได้ผลประการใดนั้นอยู่ที่ผู้ชำระบัญชีจะต้องปฏิบัติตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้บัญญัติไว้ให้กระทำ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ชำระบัญชีไม่กระทำการตามที่ กฎหมายบังคับไว้ดังกล่าวแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องผู้ชำระบัญชีในทางอาญาเกี่ยวแก่ความผิดต่อพระราชบัญญัตินั้นได้
of 8