พบผลลัพธ์ทั้งหมด 95 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3372/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โจทก์ฟ้องคดีล่าช้าเกิน 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครอง ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2528 จำเลยไปยื่นคำขอรับการสงเคราะห์การทำสวนยาง ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม 2528 จำเลยนำเจ้าพนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางไปทำการรังวัดที่ดินที่ขอรับการสงเคราะห์การทำสวนยางดังกล่าว ซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วย จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงต่อเจ้าพนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางและบุคคลอื่นที่พบเห็นในวันที่ 16 กรกฎาคม 2528 ด้วยว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทเอง และในวันที่เจ้าพนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางไปทำการรังวัดที่ดินดังกล่าวนั้น โจทก์ได้ไปยังที่พิพาทและเห็นหลักแนวเขตที่ดินที่เจ้าพนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางปักไว้ด้วย จึงเป็นกรณีที่ปรากฏต่อโจทก์ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2528 แล้วว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาท ดังนั้นหากที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ก็ถูกจำเลยแย่งการครอบครองแล้ว ซึ่งเพียงนับแต่วันที่ 16 กรกฎาคม2528 ถึงวันฟ้องคือวันที่ 25 พฤศจิกายน 2529 ก็เกินกว่าปีหนึ่งแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้นได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าหนังสือของสำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2530 ศาลชั้นต้นไม่ได้หมายเอกสารดังกล่าวว่าโจทก์หรือจำเลยอ้าง ทั้งไม่มีการเสียค่าอ้างเอกสารด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็นำมาวินิจฉัยจึงไม่ถูกต้องนั้น แม้ไม่รับฟังเอกสารดังกล่าวก็หาทำให้ผลของคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปไม่ ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตขยายเวลาอุทธรณ์ที่ล่าช้าและการที่ศาลรับเรื่องเกินกำหนด ทำให้ฎีกาต้องห้าม
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งนั้น แล้วต่อมาจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อพ้นกำหนดอุทธรณ์ 1 เดือนแล้ว ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก่อนนั้นก็เป็นเรื่องที่ตามกฎหมายไม่จำต้องกระทำ การปฏิบัติของจำเลยดังกล่าวจึงหามีผลตามกฎหมายแต่อย่างใดไม่แม้ศาลชั้นต้นจะรับเป็นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ ก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเรื่องที่จำเลยขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์นี้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3941/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าในคดีภาษีอากร ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากเหตุผลไม่สมควร
โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8วรรคแรก โดยอ้างเหตุว่าจำวันนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไปและเพิ่งพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุพยานนั้น สำหรับข้ออ้างว่าจำวันนัดผิดมิใช่ข้ออ้างอันสมควรแก่เรื่องตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรส่วนที่อ้างว่าเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะขอระบุพยานนั้นเป็นข้ออ้างที่ไม่ตรงต่อความจริง กรณีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8วรรคสี่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยในการยื่นอุทธรณ์ล่าช้า: ความบกพร่องในการขนส่งทั่วไปไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ทนายจำเลยห่อคำฟ้องอุทธรณ์แล้วส่งให้จำเลยทางรถยนต์โดยสารประจำทาง ไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติวิสัยเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง ที่จำเลยไม่ได้รับห่อคำฟ้องอุทธรณ์ภายในกำหนดโดยอ้างว่าเป็นความผิดของพนักงานบริษัทรถยนต์โดยสารที่ค้นหาหรือส่งห่อคำฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยล่าช้าพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้เสมอในการขนส่งทั่วไป ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานการชี้ตัวผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์ที่เกิดเหตุล่าช้า
ขณะทำการปล้นทรัพย์ คนร้ายใช้อาวุธปืนส่าย ไปมา ผู้เสียหายและ ส. พยานย่อมตกใจกลัว ประกอบกับคนร้ายใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการปล้นทรัพย์ โอกาสที่ผู้เสียหายและ ส. จะเห็นหน้าคนร้ายจึงมีน้อยมาก ประกอบกับเจ้าพนักงานตำรวจจับคนร้ายได้หลังเกิดเหตุถึง 4 ปี 6 เดือน จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้เสียหายและ ส. จะจำหน้าคนร้ายได้ ถึงแม้ผู้เสียหายและ ส. จะชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้องแต่ก่อนจะชี้ตัวจำเลยก็ได้เห็นจำเลยมาก่อนแล้ว การชี้ตัวของผู้เสียหายและ ส. จึงมีพิรุธ พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ล่าช้า: เหตุพฤติการณ์นอกเหนือควบคุมและกรอบเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208
ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรก กำหนดระยะเวลาแก่คู่ความในการใช้สิทธิขอให้พิจารณาใหม่ไว้เป็น 2 ประการ กล่าวคือประการแรกจะต้องยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อส่งคำบังคับโดยวิธีส่งหมายธรรมดา หรือโดยวิธีอื่นแทนก็ให้นับแต่เมื่อการส่งคำบังคับมีผลใช้ได้ และประการหลังหากมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนเป็นเหตุให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดไม่อาจยื่นคำขอภายในเวลาที่กำหนดไว้ในประการแรกแล้วคู่ความฝ่ายนั้นมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณา ใหม่ภายใน15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ส่วนข้อความตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งห้ามมิให้ยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 2 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นมีความหมายว่า ห้ามมิให้ยื่นคำขอให้พิจารณา ใหม่เมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนทำให้การยื่นคำขอต้องล่าช้าเกิน 6 เดือนก็ตาม.
จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอให้พิจารณา ใหม่ล่าช้าเกิน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่คำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรก ซึ่งวรรคสองของมาตรา 208 บังคับให้ต้องกล่าว ศาลชอบที่จะสั่งยกคำขอให้พิจารณา ใหม่ได้แม้เป็นชั้นตรวจคำขอ.
จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอให้พิจารณา ใหม่ล่าช้าเกิน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่คำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรก ซึ่งวรรคสองของมาตรา 208 บังคับให้ต้องกล่าว ศาลชอบที่จะสั่งยกคำขอให้พิจารณา ใหม่ได้แม้เป็นชั้นตรวจคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำขอพิจารณาใหม่ล่าช้า - เหตุสุดวิสัยและการบรรยายเหตุผล
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกกำหนดระยะเวลาแก่คู่ความในการใช้สิทธิขอให้พิจารณาใหม่ไว้เป็น2 ประการ กล่าวคือ ประการแรกจะต้องยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยแต่ถ้าศาลได้กำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อส่งคำบังคับโดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน ก็ให้นับแต่เมื่อการส่งคำบังคับมีผลใช้ได้ และประการหลังหากมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนเป็นเหตุให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดไม่อาจยื่นคำขอภายในเวลาที่กำหนดไว้ในประการแรกแล้วคู่ความฝ่ายนั้นมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ส่วนข้อความตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าวซึ่งห้ามมิให้ยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น มีความหมายว่าห้ามมิให้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นแม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้จนทำให้การยื่นคำขอต้องล่าช้าเกิน 6 เดือนก็ตาม จำเลยที่ 3 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ล่าช้าเกิน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้แต่คำขอนั้นมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ซึ่งวรรคสองของมาตรา 208 บังคับให้ต้องกล่าว แม้เป็นชั้นตรวจคำขอ ศาลก็ชอบที่จะสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาฎีกา: เหตุล่าช้าจากการเปลี่ยนทนายความไม่ถือเป็นเหตุพิเศษ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2530ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม 2530 จำเลยได้มอบฉันทะให้ อ. มายื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยจะเปลี่ยนทนายใหม่และอยู่ในกรุงเทพมหานครก็สามารถยื่นฎีกาได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เหตุล่าช้าของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายเวลายื่นฎีกาให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยทำให้ส่งมอบสินค้าล่าช้า ไม่ถือเป็นผิดสัญญาและไม่ต้องรับผิดปรับ
จำเลยทำสัญญาขายชนวนลูกระเบิดซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท อ.ในประเทศออสเตรียให้โจทก์ กำหนดส่งมอบสินค้าให้ภายใน 180 วัน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าส่งเกินกำหนดจะถูกปรับ จำเลยส่งสินค้าแก่โจทก์เกินกำหนดสัญญาไป 308 วัน เพราะรัฐบาลออสเตรียระงับเรื่องที่บริษัทผู้ผลิตขออนุญาตส่งออกไว้เนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างจีนกับ เวียตนาม และเมื่อได้รับอนุญาตให้ส่งออกแล้วต้องส่งผ่านประเทศเยอรมันตะวันตก สถานฑูตไทยกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียก็ต้องรับรองต่อรัฐบาลเยอรมันตะวันตกอีกว่าชนวนลูกระเบิดจะส่งถึงโจทก์ ทำให้เสียเวลาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 332 วัน อันเป็นเหตุการณ์ที่จำเลยและบริษัท อ.ไม่อาจป้องกันได้และไม่อาจคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น ทั้งจำเลยไม่อาจจะส่งมอบชนวนลูกระเบิดที่มีแหล่งผลิตจากที่อื่นที่ผิดไปจากข้อสัญญาได้ การส่งสินค้าดังกล่าวล่าช้าจึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบและโจทก์ใช้สิทธิปรับจำเลยตามสัญญาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ถูกต้องเมื่อจำเลยย้ายภูมิลำเนา และการพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ที่ล่าช้า
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้ว การที่พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้อง พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่าบริษัทจำเลยย้ายไปแล้วประมาณ10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน จึงถูกต้อง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดา ศาลชั้นต้นสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดา จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา79 แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.