พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209-1210/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี การอายัดทรัพย์ และการชำระหนี้นอกศาล ศาลมีอำนาจยกคำร้องขอถอนอายัดได้หากยังไม่มีหลักฐานการชำระหนี้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่2ตามคำพิพากษาเมื่อจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่2เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้การที่จำเลยที่2ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วโดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่2ว่าการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาลเมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วดังนี้จำเลยที่2จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่2เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5105/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจนแสดงโอกาสชนะคดี หากไม่มี ศาลยกคำร้องได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้ เป็นการ กล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรจึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีแรงงานหลังชี้สองสถาน ศาลต้องยกคำร้องหากโจทก์ทราบสิทธิเรียกร้องแต่แรก
โจทก์ถูกจำเลยเลิกจ้างและฟ้องเรียกค่าชดเชยที่ขาดจากจำเลยหลังจากศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเพิ่มเติมข้อหาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม ขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วยดังนี้ มูลกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าชดเชยที่ขาดกับค่าเสียหายเนื่องจากเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เป็นมูลกรณีเดียวกัน โจทก์ย่อมทราบถึงสิทธิเรียกร้องทั้งสองประเภทดีอยู่แล้วขณะยื่นฟ้องจึงอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน และเมื่อคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน การแก้ไขฟ้องดังกล่าวจึงไม่ชอบเมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีแรงงานหลังชี้สองสถาน ศาลต้องยกคำร้องหากสิทธิเรียกร้องทราบตั้งแต่แรก
โจทก์ถูกจำเลยเลิกจ้างและฟ้องเรียกค่าชดเชยที่ขาดจากจำเลยหลังจากศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเพิ่มเติมข้อหาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม ขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วยดังนี้ มูลกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าชดเชยที่ขาดกับค่าเสียหายเนื่องจากเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เป็นมูลกรณีเดียวกันโจทก์ย่อมทราบถึงสิทธิเรียกร้องทั้งสองประเภทดีอยู่แล้วขณะยื่นฟ้องจึงอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน และเมื่อคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน การแก้ไขฟ้องดังกล่าวจึงไม่ชอบเมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี – เหตุผลไม่ชัดเจน – ไม่โต้แย้งคำพิพากษา – คำร้องขอพิจารณาใหม่ไม่ชอบ
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่มาศาลไม่ทันกำหนดเวลา และไม่ได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่าไม่ถูกต้องอย่างไรจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ศาลชอบที่จะยกคำร้องขอนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอดำเนินคดีอนาถาต้องแสดงเหตุผลมีมูลคดี หากไม่มีมูล ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน และต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน
คำร้องให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมคดีอนาถาซึ่งไม่มีเหตุที่จะชนะคดีศาลไม่ต้องไต่สวนก็ได้ การอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำขอต้องร้องต่อศาลอุทธรณ์ใน 7 วัน ถ้ายื่นคำร้องเกิน 7 วัน ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ฎีกาได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิร้องขัดทรัพย์โดยไม่สุจริตเพื่อประวิงคดี ทำให้ศาลยกคำร้องขัดทรัพย์
คดีได้มีการประกาศขายทอดตลาดแล้ว และเลื่อนการขายทอดตลาดเรื่อยมาโดยเฉพาะผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกศาลสั่งจำหน่ายคดี ครั้งที่ 2 ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา คดีถึงที่สุด ศาลกำหนดให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วัน มีการประกาศขายทอดตลาดอีก แต่ก่อนวันนัดซึ่งล่วงเลยเวลาที่ศาลให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาเสียเกือบ 3 เดือนผู้ร้องขัดทรัพย์กลับมายื่นฟ้องขัดทรัพย์ใหม่เป็นครั้งที่ 3 พฤติการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมีเจตนาที่จะประวิงคดีมิให้ศาลขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ถูกยึดเท่านั้น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ต้องยกคำร้องขัดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2812/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจนข้อหาฝ่าฝืนมาตรา 26 พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ศาลยกคำร้อง
ปัญหาว่า คำร้องของผู้ร้องชอบด้วยมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ ได้จำกัดประเภทของบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านไว้ ได้แก่ผู้เลือกตั้ง ผู้สมัคร และพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ในกรณีที่เห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้ง เป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26, 32, 34, 51 หรือมาตรา 52 ด้วย ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ มาตรา 26 บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครรับเลือกตั้งและการฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 84 คำร้องของผู้ร้องมีใจความสำคัญเพียงว่า ในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งผู้คัดค้านที่ 1 ผู้สมัครยังดำรงตำแหน่งกำนันตำบลอิสาณและนายทะเบียนตำบลอิสาณ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 96(7) ที่ว่าเป็นพนักงานของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ขอให้มีคำสั่งว่าการได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น คำร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดแห่งข้อหาว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 78 อย่างไร กล่าวคือมิได้บรรยายข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รู้แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 96(7) แล้วยังเข้าสมัครรับเลือกตั้งอีก ฉะนั้น คำร้องของผู้ร้องซึ่งบรรยายอ้างถึงแต่คุณสมบัติของบุคคลที่ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ แต่อย่างเดียว จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย มาตรา 78 ไม่มีเหตุที่จะรับไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
การคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ ได้จำกัดประเภทของบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านไว้ ได้แก่ผู้เลือกตั้ง ผู้สมัคร และพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ในกรณีที่เห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้ง เป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26, 32, 34, 51 หรือมาตรา 52 ด้วย ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ มาตรา 26 บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครรับเลือกตั้งและการฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 84 คำร้องของผู้ร้องมีใจความสำคัญเพียงว่า ในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งผู้คัดค้านที่ 1 ผู้สมัครยังดำรงตำแหน่งกำนันตำบลอิสาณและนายทะเบียนตำบลอิสาณ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 96(7) ที่ว่าเป็นพนักงานของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ขอให้มีคำสั่งว่าการได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น คำร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดแห่งข้อหาว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 78 อย่างไร กล่าวคือมิได้บรรยายข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รู้แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 96(7) แล้วยังเข้าสมัครรับเลือกตั้งอีก ฉะนั้น คำร้องของผู้ร้องซึ่งบรรยายอ้างถึงแต่คุณสมบัติของบุคคลที่ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ แต่อย่างเดียว จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย มาตรา 78 ไม่มีเหตุที่จะรับไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีตามคำสั่งศาล และการไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ ทำให้ศาลยกคำร้องได้
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่า ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาดังกล่าว แต่จำเลยไม่นำส่งหมายนัด และสำเนาคำร้องดังกล่าวให้โจทก์ภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งศาล ดังนี้เป็นกรณีที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด ศาลย่อมสั่งยกคำร้องได้
เมื่อศาลสั่งยกคำร้องดังกล่าวแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งกลับยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกนั้นอีก อ้างว่าทนายของจำเลยทิ้งคดีไม่ดำเนินการตามที่ศาลสั่ง และจำเลยอยู่ต่างจังหวัด ดังนี้ไม่เป็นเหตุให้จำเลยยกเป็นข้ออ้างขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ศาลยกไปแล้วอีกได้ เพราะเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเองที่ไม่เอาใจใส่ในคดีของตน และจำเลยจะอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมิใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย
เมื่อศาลสั่งยกคำร้องดังกล่าวแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งกลับยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องฉบับแรกนั้นอีก อ้างว่าทนายของจำเลยทิ้งคดีไม่ดำเนินการตามที่ศาลสั่ง และจำเลยอยู่ต่างจังหวัด ดังนี้ไม่เป็นเหตุให้จำเลยยกเป็นข้ออ้างขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ศาลยกไปแล้วอีกได้ เพราะเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยเองที่ไม่เอาใจใส่ในคดีของตน และจำเลยจะอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายมิใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องยึด/อายัดทรัพย์สินซ้ำโดยไม่มีเหตุผลพิเศษ ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน
โจทก์ได้ยื่นคำร้องเป็นกรณีมีเหตุฉุกเฉินขอให้ยึดหรืออายัดการทำเหมืองแร่ของจำเลย และทรัพย์สินต่าง ๆ ตามบัญชีท้ายฟ้องไว้ก่อนคำพิพากษาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็อ้างเหตุผลทำนองเดียวกันว่า จำเลยกำลังจะจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องตลอดจนอุปกรณ์การทำเหมืองแร่และรถยนต์ ในการไต่สวนคำร้องดังกล่าวครั้งแรกนั้น คำเบิกความของโจทก์เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากพยานหลักฐานสนับสนุน กล่าวคลุม ๆ ไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยกำลังจะจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ใดตามคำร้องให้แก่ผู้ใด เมื่อใด ยังไมได้ว่าคำขอนี้มีเหตุผลสมควรอันแท้จริงที่จะสั่งอนุญาตตามที่โจทก์ขอ เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องขออย่างเดียวกันนั้นอีก (แต่ไม่อ้างกรณีฉุกเฉิน) โดยอ้างเหตุผลในการขอทำนองเดียวกับการร้องขอครั้งแรกที่ศาลได้เคยไต่สวนไว้แล้ว โดยไม่มีเหตุผลพิเศษอื่นใดนอกเหนือไปกว่าเดิม ศาลจึงชอบที่จะสั่งยกคำร้องโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องอีกได้