คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอนุญาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 201 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ถอนฟ้องก่อนยื่นคำให้การ - ศาลอนุญาตแล้วจำเลยคัดค้านไม่ได้
ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 175 วรรคหนึ่ง ก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาล และศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อน เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ในการถอนฟ้องก่อนจำเลยให้การ ศาลอนุญาตชอบแล้ว แม้จำเลยอ้างใช้สิทธิไม่สุจริต
ตามนัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคหนึ่งก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาล และศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อนเมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิถอนฟ้องก่อนยื่นคำให้การ: โจทก์ใช้สิทธิได้โดยไม่ต้องสุจริต
ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา175วรรคหนึ่งก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาลและศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อนเมื่อศาลอนุญาตแล้วจำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ในการถอนฟ้องก่อนจำเลยให้การ ศาลอนุญาตได้โดยไม่ต้องฟังความจำเลย
ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา175วรรคหนึ่งก่อนจำเลยยื่นคำให้การโจทก์มีสิทธิถอนคำฟ้องได้โดยยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือต่อศาลและศาลไม่จำต้องฟังหรือสอบถามจำเลยก่อนเมื่อศาลอนุญาตแล้วจำเลยจะมาคัดค้านภายหลังโดยอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิในสัญญาประกันภัย: ศาลอนุญาตให้ใช้พยานเอกสารแม้กรมธรรม์ขาดอากรแสตมป์
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟัองจำเลยโดยอาศัยอำนายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880มิใช่เป็นการฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันจึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคหนึ่งและไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธินำสืบพยานเอกสารคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกอบพยานอื่น ๆ ในข้อรับช่วงสิทธิเพื่อแสดงว่าโจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุได้แม้ว่าคู่ฉบับหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยจะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์: ศาลอนุญาตได้หากเจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้
ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่2อ้างในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ว่าผู้ร้องไม่มีทางบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่2ได้จำเลยที่2ไม่โต้เถียงในคำคัดค้านว่าตนมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องอาจบังคับชำระได้ฟังได้ว่าจำเลยที่2ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องอาจยึดมาชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิงผู้ร้องจึงขอเฉลี่ยในทรัพย์ที่ถูกยึดได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคสองห้ามศาลอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์หากยังสามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้นั้นมิได้หมายถึงลูกหนี้อื่นแม้จะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกับจำเลยที่ถูกยึดทรัพย์ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีมีเหตุสมควร แม้ไม่ได้รับอนุญาตให้สืบพยาน ไม่ถือเป็นการประวิงคดี
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แสดงว่าผู้ร้องยังใส่ใจในคดี เมื่อผู้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกด้วยเหตุที่ผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนด ซึ่งแม้โจทก์จะแถลงคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้แถลงคัดค้านว่าข้ออ้างของผู้ร้องไม่ความจริง จึงนับได้ว่ามีเหตุจำเป็น แม้ผู้ร้องจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลสั่งไม่รับ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ร้องประวิงคดี จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีติดประกาศดูหมิ่นนายจ้าง ศาลอนุญาตเลิกจ้างได้
กฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องในหมวดว่าด้วยวินัยและโทษทางวินัยกำหนดไว้ว่า ความผิดเกี่ยวกับ การจัดการประชุม หรือชุมนุม เขียน แจกจ่าย ติดประกาศ หรือ พิมพ์โฆษณา ถ้อยคำหรือบทความภายในบริเวณที่ทำงานหรือโรงงาน หรือบริษัท โดยไม่รับอนุญาต จะได้รับการพิจารณาโทษปลดออก ดังนี้ การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นลูกจ้างของผู้ร้องหากผู้คัดค้านทั้งสี่หรือลูกจ้างอื่นของผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ในฐานะกรรมการลูกจ้างก็มีสิทธิดำเนินการใด ๆ ภายในขอบเขตของกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นธรรมได้ แต่การที่ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้ร่วมกันเขียนประกาศพิพาทที่มีข้อความ ดูหมิ่น เสียดสีและเหยียดหยามผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและผู้บังคับบัญชาดังกล่าวไปปิดไว้ที่บอร์ด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ร้องย่อมทำให้พนักงานของผู้ร้องขาดความเคารพยำเกรงเป็นการส่งเสริมและยั่วยุให้พนักงานกระด้างกระเดื่องต่อผู้ร้อง ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างผู้ร้องกับพนักงานอันจะส่งผลเสียหายต่อผู้ร้องและพนักงานในที่สุด เมื่อผู้ร้องสั่งให้เอาออก ผู้คัดค้านทั้งสี่ก็มิได้ปฏิบัติตาม เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งโดยชอบของผู้บังคับบัญชา กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้อง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้อง และไม่เกรงกลัวความผิดที่ตนได้กระทำ จงใจให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้าง ผู้คัดค้านทั้งสี่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินของผู้เยาว์โดยได้รับอนุญาตจากศาล และผลผูกพันต่อผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะ
จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์ค้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยมีจำเลยที่ 2 และนาง อ. บิดามารดาของจำเลยที่ 3เป็นหุ้นส่วนเพียงสองคน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2ผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในขณะนั้นทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3บุตรผู้เยาว์ได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ทำนิติกรรมจำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 เพื่อเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่กู้จากโจทก์เพื่อนำเงินไปลงทุนสร้างปั๊มน้ำมัน ถือได้ว่าเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต เป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 3 โดยชอบย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 3 แม้ในการทำนิติกรรมจำนองที่ดินดังกล่าวนาง อ. มารดาจำเลยที่ 3 จะได้ลงนามร่วมกับจำเลยที่ 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เป็นผู้จำนองที่ดินของจำเลยที่ 3 แทนจำเลยที่ 3 ได้ก็ตาม แต่นาง อ. ก็ได้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายของจำเลยที่ 3 ด้วยคนหนึ่ง ทั้งสัญญาที่ นาง อ. ร่วมลงนามก็ไม่มีการกระทำนอกเหนือไปจากคำสั่งอนุญาตของศาล การกระทำของนาง อ. ดังกล่าวจึงไม่ทำให้นิติกรรมที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์แทนจำเลยที่ 3 ต้องเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขรายละเอียดในฟ้องหลังชี้สองสถาน ศาลอนุญาตได้หากไม่ใช่การแก้ไขคำฟ้องตามมาตรา 179
คำร้องขอแก้ไขวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยอ้างว่าพิมพ์ผิดพลาดนั้น เป็นการขอแก้ไขรายละเอียดในฟ้องมิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180และศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตได้โดยไม่ต้องฟังจำเลยก่อน
of 21