พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชา: ผู้ถือของแต่ไม่ร่วมซื้อขาย ไม่เป็นตัวการ แต่เป็นผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลาง แต่เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 3 ถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งรถไปด้วยเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมครอบครองกัญชาของกลางเนื่องจากกัญชาของกลางยังคงอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 3 ตลอดเวลา จำเลยที่ 2จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด: ผู้ช่วยขนยาเสพติดมีความผิดฐานสนับสนุน แม้ไม่มีเจตนาจำหน่าย
จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลาง แต่เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 3 ถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งรถไปด้วยเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมครอบครองกัญชาของกลางเนื่องจากกัญชาของกลางยังคงอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 3 ตลอดเวลา จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุนศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุนศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2564/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามจำหน่ายเฮโรอีนร่วมกัน, การสนับสนุนความผิด, และการลงโทษตามปริมาณยาเสพติด
"การมีไว้ในครอบครอง" ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 มิได้บัญญัติให้มีความหมายพิเศษ จึงต้องถือว่ามีความหมายทั่วไปดังนี้ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ จึงมีความหมายเพียงว่ายาเสพติดให้โทษนั้นอยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของจำเลยทั้งสองโดยรู้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อปรากฏว่าเฮโรอีนของกลางจำนวน 60 ห่อ อยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของม. ที่ประเทศอินโดนีเซีย และโจทก์ไม่ได้นำสืบว่ามีความเกี่ยวพันกับจำเลยทั้งสองอย่างไร ส่วนจำเลยทั้งสองอยู่ในราชอาณาจักรไทยซึ่งห่างไกลกันโดยระยะทางย่อมไม่อาจที่จะยึดถือหรือปกครองดูแลเฮโรอีนดังกล่าวได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองรู้ที่เก็บเฮโรอีนและการนำเฮโรอีนออกมายังต้องจ่ายเงินให้ผู้เก็บรักษาก่อนจึงจะนำออกมาได้ บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองน่าจะไม่ใช่เจ้าของหรือมีสิทธิยึดถือปกครองดูแลเฮโรอีนอีกด้วยเช่นนี้ ข้อเท็จจริงย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบโดยร่วมกันครอบครองเฮโรอีนของกลางการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โจทก์มี ส. และ พ. ซึ่งได้ติดตามเฝ้าดูพฤติการณ์การเจรจาซื้อขายเฮโรอีนระหว่างจำเลยทั้งสองกับพวกและสายลับจนมีการตกลงในเงื่อนไขต่าง ๆ สำเร็จมาเบิกความ โดย ส. ได้บันทึกภาพและเสียงขณะมีการเจรจาไว้ด้วย คำเบิกความของ ส. และ พ. ที่ระบุถึงพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองที่จะมีการซื้อขายเฮโรอีนและส่งมอบจึงมีเหตุผลน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองติดต่อเจรจาเพื่อซื้อขายเฮโรอีนกับสายลับจริงและนัดให้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่เมื่อพฤติการณ์ในการจับกุมปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจของประเทศอินโดนีเซีย เข้าจับกุมขณะที่ผู้ซื้อเฮโรอีนกำลังตรวจสอบเฮโรอีนห่อหนึ่งอยู่ ดังนี้ เมื่อมีการตรวจสอบเฮโรอีนแล้ว ยังมิได้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อซึ่งอยู่ในกระเป๋าส่วนสายลับก็ยังมิได้นำเงินตามจำนวนที่ตกลงกันมอบให้ฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใด การซื้อขายเฮโรอีนจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ เมื่อผู้ขายถูกจับเสียก่อนที่จะส่งมอบเฮโรอีน การกระทำในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อ
จำเลยที่ 1 ร่วมเจรจากับสายลับมาแต่ต้น โดยแสดงพฤติการณ์ว่าเป็นเจ้าของเฮโรอีน ทั้งตกลงให้โอนเงินที่จำหน่ายเฮโรอีนเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำกับพวก มีความผิดฐานร่วมกับพวกพยายามจำหน่ายเฮโรอีน
ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าร่วมเจรจากับจำเลยที่ 1 และสายลับในระยะหลังตอนที่พวกของจำเลยที่ 1 นำเฮโรอีนจากผู้เก็บรักษามาไม่ได้ โดยผู้เก็บรักษาต้องการเงินก่อน แม้จำเลยที่ 2 จะไปช่วยเจรจากับสายลับ จนสายลับตกลงที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้เก็บรักษาแลกกับเฮโรอีนจำนวนหนึ่งก็ตาม พฤติการณ์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 สมคบโดยเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามจำหน่ายเฮโรอีน คงฟังได้แต่เพียงว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับ แต่เมื่อมีการกระทำผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามที่สมคบกัน จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯมาตรา 8 วรรคสอง
โจทก์มี ส. และ พ. ซึ่งได้ติดตามเฝ้าดูพฤติการณ์การเจรจาซื้อขายเฮโรอีนระหว่างจำเลยทั้งสองกับพวกและสายลับจนมีการตกลงในเงื่อนไขต่าง ๆ สำเร็จมาเบิกความ โดย ส. ได้บันทึกภาพและเสียงขณะมีการเจรจาไว้ด้วย คำเบิกความของ ส. และ พ. ที่ระบุถึงพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองที่จะมีการซื้อขายเฮโรอีนและส่งมอบจึงมีเหตุผลน่าเชื่อถือ รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองติดต่อเจรจาเพื่อซื้อขายเฮโรอีนกับสายลับจริงและนัดให้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่เมื่อพฤติการณ์ในการจับกุมปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจของประเทศอินโดนีเซีย เข้าจับกุมขณะที่ผู้ซื้อเฮโรอีนกำลังตรวจสอบเฮโรอีนห่อหนึ่งอยู่ ดังนี้ เมื่อมีการตรวจสอบเฮโรอีนแล้ว ยังมิได้มีการส่งมอบเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อซึ่งอยู่ในกระเป๋าส่วนสายลับก็ยังมิได้นำเงินตามจำนวนที่ตกลงกันมอบให้ฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใด การซื้อขายเฮโรอีนจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ เมื่อผู้ขายถูกจับเสียก่อนที่จะส่งมอบเฮโรอีน การกระทำในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 6 ห่อ
จำเลยที่ 1 ร่วมเจรจากับสายลับมาแต่ต้น โดยแสดงพฤติการณ์ว่าเป็นเจ้าของเฮโรอีน ทั้งตกลงให้โอนเงินที่จำหน่ายเฮโรอีนเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำกับพวก มีความผิดฐานร่วมกับพวกพยายามจำหน่ายเฮโรอีน
ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าร่วมเจรจากับจำเลยที่ 1 และสายลับในระยะหลังตอนที่พวกของจำเลยที่ 1 นำเฮโรอีนจากผู้เก็บรักษามาไม่ได้ โดยผู้เก็บรักษาต้องการเงินก่อน แม้จำเลยที่ 2 จะไปช่วยเจรจากับสายลับ จนสายลับตกลงที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้เก็บรักษาแลกกับเฮโรอีนจำนวนหนึ่งก็ตาม พฤติการณ์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 สมคบโดยเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามจำหน่ายเฮโรอีน คงฟังได้แต่เพียงว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับ แต่เมื่อมีการกระทำผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามที่สมคบกัน จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯมาตรา 8 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการผลิตยาเสพติด: จำเลยจัดหาสารเคมีแต่ไม่ร่วมผลิต ไม่ผิดฐานสนับสนุนการมีไว้ในครอบครอง และไม่สามารถปรับบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดได้
จำเลยเพียงแต่จัดหาสารเคมีเพื่อใช้ผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ให้แก่กลุ่มผู้ผลิต แต่มิได้เข้าไปร่วมผลิตหรือกระทำการใดอันเป็นการสนับสนุนให้จำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ในประเภท 2 ที่ผลิตขึ้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต คงมีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวผลิตเมทแอมเฟตามีน อีกทั้งจะนำ พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ. 2534 มาตรา 6 (1) มาปรับบทโดยระวางโทษจำเลยเช่นเดียวกับตัวการก็มิได้ เพราะคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้อ้างถึง พ.ร.บ. ฉบับนี้มาเป็นบทที่ขอให้ลงโทษจำเลย ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการผลิตยาเสพติด: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิมว่าจำเลยมีความผิดฐานสนับสนุนการผลิต แต่ไม่มีความผิดฐานสนับสนุนการครอบครอง
เจ้าพนักงานผู้ทำหน้าที่สืบสวนและจับกุมได้ดำเนินงานสืบสวนเป็นระบบขั้นตอนและต้องใช้ระยะเวลาต่อเนื่องนานถึงหนึ่งเดือนครึ่งจึงจับกุมจำเลยแปดคนในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง อีกทั้งในการปฏิบัติงานก็ได้มีการถ่ายรูปและทำรายงานการปฏิบัติงานไว้โดยตลอด ทั้งสารเคมีที่ตรวจยึดได้มีลักษณะเดียวกันกับถังสารเคมีที่มีผู้ไปรับจากจำเลย จึงมีน้ำหนักรับฟังได้แน่ชัดแล้วว่าจำเลยร่วมอยู่ในขบวนการของกลุ่มในการลักลอบผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยสนับสนุนจำเลยแปดคนในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งผลิตเมทแอมเฟตามีนตามฟ้อง ส่วนการที่เจ้าพนักงานมิได้จับกุมจำเลยในขณะที่เห็นเหตุการณ์นั้น เนื่องจากคนร้ายกลุ่มนี้กระทำผิดเป็นขบวนการ การที่เจ้าพนักงานจะเข้าจับกุมทันทีในเหตุการณ์ตอนหนึ่งตอนใดหรือไม่ ย่อมเป็นไปได้ที่จะต้องคำนึงถึงผลสำเร็จในการปราบปรามในภาพรวมทั้งหมดเป็นสำคัญการไม่เข้าจับกุมจำเลยทันทีจึงหาเป็นข้อผิดปกติไม่
จำเลยเพียงแต่จัดหาสารเคมีเพื่อใช้ผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ให้แก่กลุ่มผู้ผลิต แต่มิได้เข้าไปร่วมผลิตหรือกระทำการใดอันเป็นการสนับสนุนให้จำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ที่ผลิตขึ้นจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต คงมีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวผลิตเมทแอมเฟตามีน อีกทั้งจะนำพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 6(1) มาปรับบทโดยระวางโทษจำเลยเช่นเดียวกับตัวการก็มิได้ เพราะคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้อ้างถึงพระราชบัญญัติฉบับนี้มาเป็นบทที่ขอให้ลงโทษจำเลย ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
จำเลยเพียงแต่จัดหาสารเคมีเพื่อใช้ผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ให้แก่กลุ่มผู้ผลิต แต่มิได้เข้าไปร่วมผลิตหรือกระทำการใดอันเป็นการสนับสนุนให้จำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ที่ผลิตขึ้นจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต คงมีความผิดฐานสนับสนุนจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวผลิตเมทแอมเฟตามีน อีกทั้งจะนำพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 6(1) มาปรับบทโดยระวางโทษจำเลยเช่นเดียวกับตัวการก็มิได้ เพราะคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้อ้างถึงพระราชบัญญัติฉบับนี้มาเป็นบทที่ขอให้ลงโทษจำเลย ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดลักทรัพย์: คำรับสารภาพและพยานหลักฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 2 ได้ร่วมเจรจาและคัดเลือกสร้อยคอทองคำอยู่ด้วยกับจำเลยที่ 1 ครั้นจำเลยที่ 1 ลักเอาสร้อยคอทองคำของกลางแล้วพากันออกจากร้านของผู้เสียหายไปพร้อมกัน เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมในข้อหาลักทรัพย์และในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหาลักทรัพย์และนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพโดยสมัครใจ คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 มีรายละเอียดสอดคล้องต้องกันกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1พยานโจทก์ย่อมมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไปจริง แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุมาเบิกความก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิด: ผู้ขับรถรับส่งกลุ่มคนร้ายไม่ใช่ตัวการร่วม แต่เป็นผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ขับรถรับส่งกลุ่มคนร้ายด้วยกัน โดยไม่ปรากฏว่าได้แบ่งหน้าที่กันทำหรือได้ร่วมอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุขณะผู้เสียหายถูกกลุ่มคนร้ายร่วมกันปล้นรถจักรยานยนต์ผู้เสียหาย แม้ว่าหลังจากกลุ่มคนร้ายปล้นรถจักรยานยนต์ได้แล้วนำไปเก็บที่ไร่ของจำเลยที่ 2 ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับพวกกระทำผิด การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเพียงการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่กลุ่มคนร้ายในการปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวตาม ป.อ.มาตรา 86 เท่านั้น แม้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2เป็นตัวการร่วมกับพวกกระทำความผิดศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดเป็นผู้สนับสนุนได้ กรณีเป็นการวินิจฉัยคดีโดยยกบทกฎหมายขึ้นปรับกับการกระทำของจำเลยที่ 2 มิใช่กรณีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, การสนับสนุน, ความยินยอม, การโทรมหญิง, ภาวะจำยอม
จำเลยทั้งสามกับพวกได้ร่วมกันพาผู้เสียหายไปที่บ้านเกิดเหตุเพื่อกระทำชำเราจำเลยที่ 3 กระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอม จึงไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ออกไปจากห้องแล้วปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2และพวกอีก2 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องทีละคนโดยจำเลยที่ 3 มิได้ขัดขวางหรือห้ามปรามแต่อย่างใดถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และพวกอีก 2 คน ก่อนหรือขณะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะเป็นการโทรมหญิงจำเลยที่ 3 จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9558/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของตัวการร่วม โดยเจตนาสนับสนุนการใช้อาวุธปืน และข้อจำกัดในการพิสูจน์อาวุธปืนผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 2 กับพวกเตรียมอาวุธปืนพกให้จำเลยที่ 1 พาติดตัวไปแล้วเดินทางไปที่เกิดเหตุด้วยกันโดยเจตนาจะไปวิวาทกับผู้เสียหายกับพวก ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 กับพวกมีเจตนาใช้อาวุธปืนนั้นในการวิวาท เมื่อพวกของจำเลยทั้งสองเข้าชกต่อยกับผู้เสียหายและพวก จำเลยที่ 2 ก็ยืนอยู่กับจำเลยที่ 1 และการที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนพกที่เตรียมมายิงผู้เสียหายกับพวกก็อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยที่ 2แล้วจำเลยที่ 2 ยังหลบหนีไปกับจำเลยที่ 1 และพวก แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ร่วมชกต่อยและใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก แต่จำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุใกล้ชิดเพียงพอที่จะช่วยเหลือได้ ถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยมิได้รับอนุญาตด้วย
ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนพกที่ใช้กระทำผิดมาเป็นของกลาง โจทก์คงนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนให้มีและใช้อาวุธปืนขนาดใดเลยเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าอาวุธปืนพกที่ใช้กระทำผิดเป็นอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายหรือไม่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 ว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯมาตรา 72 วรรคสาม เท่านั้น และเมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานนี้ จึงเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนพกที่ใช้กระทำผิดมาเป็นของกลาง โจทก์คงนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนให้มีและใช้อาวุธปืนขนาดใดเลยเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าอาวุธปืนพกที่ใช้กระทำผิดเป็นอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายหรือไม่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยที่ 2 ว่าเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯมาตรา 72 วรรคสาม เท่านั้น และเมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานนี้ จึงเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6526/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธข้ออ้างโจทก์และการนำสืบพยานเพื่อสนับสนุนข้อปฏิเสธ ย่อมไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น
จำเลยให้การปฏิเสธเรื่องการซื้อขายกับโจทก์โดยอ้างเหตุว่าไม่เคยมีการสั่งซื้อหรือรับวัสดุก่อสร้างจากโจทก์เลย ทั้งยังให้การต่อไปอีกว่าจำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์มาก่อน โจทก์นำความเท็จมาฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง คำให้การของจำเลยดังกล่าวได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้น รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นแล้ว ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงนำสืบได้ว่า จำเลยได้ว่าจ้าง ล.รับเหมาก่อสร้างอาคารพาณิชย์ซึ่งรวมทั้งค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างด้วย ที่ ล.ติดต่อซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์ จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย อันเป็นการนำสืบในรายละเอียดเพื่อสนับสนุนข้อปฏิเสธของตน ไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น