พบผลลัพธ์ทั้งหมด 195 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760-2761/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยไม่สมเหตุผล แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วย และการกระทำความผิดต่อเสรีภาพ
จำเลยพาผู้เสียหายที่2ไปในที่ต่างๆโดยผู้เสียหายที่1ซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียหายที่2ไม่ทราบว่าผู้เสียหายที่2ไปไหนเป็นเวลาหลายชั่วโมงย่อมเป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของผู้เสียหายที่1แม้ผู้เสียหายที่2จะสมัครใจไปด้วยและจำเลยมิได้กระทำชำเราผู้เสียหายที่2ก็เป็นการพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากมารดาผู้ปกครองโดยปราศจากเหตุอันสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760-2761/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยปราศจากเหตุอันสมควร แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจไปด้วย
การที่จำเลยพาผู้เสียหายที่2อายุ14ปีไปในที่ต่างๆโดยบิดามารดาของผู้เสียหายที่2ไม่ทราบว่าไปไหนเป็นเวลาหลายชั่วโมงย่อมเป็นการละเมิดต่ออำนาจปกครองของผู้ปกครองแม้ผู้เสียหายที่2จะสมัครใจไปด้วยและจำเลยมิได้กระทำชำเราผู้เสียหายที่2ก็เป็นการพรากเด็กอายุไม่เกิน15ปีไปเสียจากผู้ปกครองโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8052/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาก่อนผิดนัดและการคืนเงินมัดจำ กรณีคู่สัญญาสมัครใจเลิกสัญญาโดยปริยาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญา และเรียกเงินมัดจำกับเบี้ยปรับจากจำเลยก็เพราะกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ที่โจทก์ฎีกาว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคแรก แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายแต่ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยสมัครใจเลิกสัญญาโดยปริยายแล้วโจทก์จึงขอให้จำเลยคืนเงินมัดจำและเบี้ยปรับแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยได้ จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นแม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้มาและโจทก์ฎีกาในข้อนี้อีก ก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าใช้ท่าเรือและความรับผิดในความเสียหาย: การยอมรับข้อบังคับและความสมัครใจ
จำเลยยื่นคำร้องต่อโจทก์ขอนำเรือเข้าท่าภายในอาณาบริเวณเขตการท่าเรือของโจทก์ โดยรับจะปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยระเบียบความปลอดภัยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือซึ่งได้ออกโดยโจทก์และยอมรับผิดในผลแห่งการละเมิดซึ่งเรือที่นำเข้าได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ถือได้ว่าจำเลยได้ทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร จึงเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายมีผลผูกพันกันระหว่างคู่สัญญา เมื่อปรากฏว่า เรือที่จำเลยนำเข้าเทียบท่าของโจทก์และก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6839/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามหมายบังคับคดีไม่ถือเป็นการชำระหนี้ด้วยความสมัครใจ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แม้ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยจะได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่จำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้นหาได้ชำระหนี้ด้วยความสมัครใจไม่ ดังนั้นคู่ความฝ่ายใดจะต้องรับผิดต่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไรในชั้นที่สุดจึงต้องถือตามคำพิพากษาของศาลที่สูงกว่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ได้มาโดยสมัครใจและพยานหลักฐานประกอบ เชื่อถือได้แม้ไม่มีประจักษ์พยาน
แม้ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งใน ชั้นจับกุมและ ชั้นสอบสวนจะเป็น พยานบอกเล่าที่ใช้เป็นพยานหลักฐานได้เพียงนำไปฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ก็ตามแต่ คำเบิกความพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ที่ว่าพยานเป็นผู้สอบสวนจำเลยและจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นคำเบิกความของ ประจักษ์พยานในข้อที่ว่ามีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนคนใดและจำเลยให้การชั้นสอบสวนว่าอย่างไร พนักงานสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ไปตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีส่วนได้เสียกับคู่กรณีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดและไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนข้อระแวงเรื่องจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยย่อมไม่มีทั้งคำเบิกความของพยานดังกล่าวที่เกี่ยวกับการสอบสวนจำเลยก็ไม่มีพิรุธที่ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่ชอบรูปคดีเชื่อได้ว่าจำเลยได้ ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน โดยสมัครใจตามความจริง แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการกระทำความผิดของจำเลยและพวกแต่เมื่อฟังคำเบิกความของพนักงานสอบสวนกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนประกอบกันเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกทำการลักรถยนต์ของผู้เสียหายไปจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5196/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อาจฟ้องหย่าโดยอ้างสมัครใจแยกกันอยู่ หากเป็นการไม่ออกเยี่ยมเยียนบุตรภริยา
โจทก์ย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่าง ๆ โดยจำเลยมิได้ติดตามไปด้วย โจทก์มีหน้าที่จะต้องกลับมาเยี่ยมเยียนดูแลบุตรภริยา การที่โจทก์ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมจำเลยและบุตรจะถือว่าเป็นการแยกกันโดยความสมัครใจของจำเลยด้วยไม่ได้ เมื่อเป็นความสมัครใจของโจทก์แต่ฝ่ายเดียว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4/2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5196/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าต้องพิสูจน์การแยกกันอยู่โดยสมัครใจของทั้งสองฝ่าย มิใช่เพียงฝ่ายเดียว
โจทก์กับจำเลยแยกกันอยู่มากว่า3ปีแต่การแยกกันอยู่นั้นมิใช่ด้วยความสมัครใจของจำเลยเป็นเพียงลำพังความสมัครใจของโจทก์ฝ่ายเดียวจึงหาทำให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องหย่าจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(4/2)ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5196/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกกันอยู่โดยการย้ายไปทำงาน และหน้าที่การกลับมาดูแลครอบครัว ไม่ถือเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย
โจทก์ย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆโดยจำเลยมิได้ติดตามไปด้วยโจทก์มีหน้าที่จะต้องกลับมาเยี่ยมเยียนดูแลบุตรภริยาการที่โจทก์ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมจำเลยและบุตรจะถือว่าเป็นการแยกกันโดยความสมัครใจของจำเลยด้วยไม่ได้เมื่อเป็นความสมัครใจของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(4/2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5008/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาเช่าซื้อโดยปริยาย: สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาเมื่อมีการคืนทรัพย์และผลกระทบต่อการชำระหนี้
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค1ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา238ประกอบด้วยมาตรา247 โจทก์ผู้เช่าซื้อและจำเลยผู้ให้เช่าซื้อต่างสมัครใจที่จะเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยายแล้วผลแห่งการเลิกสัญญาดังกล่าวคู่สัญญาจะต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมเมื่อโจทก์มิได้ผิดสัญญาก็ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายใดๆให้แก่จำเลยคงจะต้องรับผิดเฉพาะค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ของจำเลยผู้ให้เช่าซื้อในระหว่างที่โจทก์ยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์ดังกล่าวอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391วรรคสามและกรณีที่มีการเลิกสัญญากันแล้วเช่นนี้โจทก์มาฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยโดยไม่เสนอชำระหนี้ค่าเสียหายตอบแทนเพื่อให้แต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมแม้จำเลยจะไม่ได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินก็มีอำนาจพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้ตอบแทนแก่จำเลยได้ด้วย