พบผลลัพธ์ทั้งหมด 111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย: การสลักหลังต่อเนื่องและการครอบครองเช็ค
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ และไม่เข้าข่ายที่จะเป็นตั๋วเสีย ทั้งมีการสลักหลังไม่ขาดสาย โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมิได้ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ จำเลยให้การว่า มิได้สลักหลังเช็คพิพาท แต่กลับนำสืบว่าจำเลยสลักหลังเช็คเพียงเพื่อแสดงว่าเช็คพิพาทผ่านห้างหุ้นส่วนมามิใช่สลักหลังเพื่อรับผิดนั้น จึงเป็นการสืบนอกเหนือและขัดกับคำให้การ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้สลักหลังเช็คเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ และขอบเขตความรับผิดต่อเจ้าของเช็คเดิม
จำเลยนำเช็คซึ่งบริษัท พ. สั่งจ่ายให้จำเลยมาสลักหลังแล้วแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เนื่องจากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ให้จำเลยเอาเงินมาคืนและมอบเช็คให้จำเลยไปติดต่อกับบริษัท พ. เอง เพราะโจทก์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่าย แต่เลือกที่จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากจำเลยซึ่งเป็นผู้สลักหลัง ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้ จำเลยจึงเป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีสิทธิที่จะนำไปเรียกเก็บเงินเอาจากผู้สั่งจ่ายได้ แต่จำเลยยังคงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาแลกเช็คกับเงินสดที่ทำไว้ต่อโจทก์ เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินจำนวนที่รับมาดังกล่าวไปมอบให้แก่โจทก์ แม้ฟังว่าจำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เสียเองไม่นำไปมอบให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้กู้ยืม การลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คทำให้มีผลผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทมิใช่ของตนโจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาท และในสำนวนมีลายมือชื่อแท้จริงของจำเลยที่ 2 ในสัญญาจำนอง ใบแต่งทนาย และคำให้การ เมื่อเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรง ศาลมีอำนาจอาศัยลายมือชื่อดังกล่าวตรวจเปรียบเทียบ เพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่า เพียงพอให้เชื่อฟังได้หรือไม่
มูลหนี้คดีนี้เป็นหนี้กู้ยืมเงิน 1,000,000 บาท มิได้ทำสัญญากู้กันไว้ แต่มีการจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงิน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นเงิน 1,000,000 บาท มอบให้โจทก์อีกโดยตกลงว่าเพื่อเป็นประกัน เช็คพิพาทจึงออกเพื่อประกันการกู้ยืมเงินด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน
การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งจ่ายระบุชื่อ โจทก์ขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือออก และมุม ซ้ายบนของด้านหน้ามีข้อความว่าเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่านั้นห้ามเปลี่ยนมือ และในเช็คไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำสำนวนว่าใช้ได้เป็นอาวัล หรือสำนวนอื่นใดทำนองเดียวกัน จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับอาวัลแต่การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและจำเลยทั้งสองนำเช็คไปมอบให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจที่จะผูกพันต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ในอันที่จะรับผิดตามข้อความในเช็คอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายด้วยการลงลายมือชื่อของตนในเช็คตามมาตรา 900 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ย
คำขอให้โจทก์ทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดเพราะโจทก์มีเพียงคนเดียวจะขอให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ย่อมไม่ได้ ทั้งในที่อื่นตามฟ้องทั้งหมดได้ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขอให้ชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จนถึงวันที่ชำระเสร็จตามคำพิพากษาได้.
มูลหนี้คดีนี้เป็นหนี้กู้ยืมเงิน 1,000,000 บาท มิได้ทำสัญญากู้กันไว้ แต่มีการจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงิน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นเงิน 1,000,000 บาท มอบให้โจทก์อีกโดยตกลงว่าเพื่อเป็นประกัน เช็คพิพาทจึงออกเพื่อประกันการกู้ยืมเงินด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน
การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งจ่ายระบุชื่อ โจทก์ขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือออก และมุม ซ้ายบนของด้านหน้ามีข้อความว่าเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่านั้นห้ามเปลี่ยนมือ และในเช็คไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำสำนวนว่าใช้ได้เป็นอาวัล หรือสำนวนอื่นใดทำนองเดียวกัน จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับอาวัลแต่การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและจำเลยทั้งสองนำเช็คไปมอบให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจที่จะผูกพันต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ในอันที่จะรับผิดตามข้อความในเช็คอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายด้วยการลงลายมือชื่อของตนในเช็คตามมาตรา 900 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ย
คำขอให้โจทก์ทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดเพราะโจทก์มีเพียงคนเดียวจะขอให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ย่อมไม่ได้ ทั้งในที่อื่นตามฟ้องทั้งหมดได้ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขอให้ชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จนถึงวันที่ชำระเสร็จตามคำพิพากษาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 'เปลี่ยนมือไม่ได้' ต้องทำเป็นหนังสือ การสลักหลังและส่งมอบไม่สมบูรณ์
การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงด้านหน้าว่า"เปลี่ยนมือไม่ได้" จะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญตาม ป.พ.พ. มาตรา 985,917,306 การโอนระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนจึงต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน มิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เมื่อปรากฏเพียงว่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกหนี้เป็นผู้ออกนั้น ผู้โอนได้โอนให้เจ้าหนี้ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้น การโอนดังกล่าวย่อมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เจ้าหนี้ยังไม่เป็นผู้ทรง แม้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้แล้ว ผู้โอนจะได้ทำคำบอกกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบถึงการสลักหลังและส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ก็หาทำให้เจ้าหนี้กลับเป็นผู้ทรงโดยชอบไม่ ดังนี้ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ และไม่อาจนำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คโดยกรรมการคนเดียวและการให้สัตยาบันของบริษัท
จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัท น. ลงชื่อสลักหลังและประทับตราสำคัญของบริษัทในเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งนำเงินมาฝาก แม้ข้อบังคับของบริษัทจะต้องมีกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันพร้อมกับประทับตราสำคัญก็ตาม แต่การที่บริษัทได้นำเงินฝากของโจทก์มาใช้ในกิจการของตนโดยนำไปปล่อยให้กู้และรับดอกเบี้ยส่วนเกินจากผู้กู้เป็นผลประโยชน์ของบริษัท ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัท จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ผู้ทรงเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันตามเช็ค: แม้ข้อเท็จจริงต่างจากฟ้องก็ไม่ทำให้คดีเสีย หากจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลัง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลัง เป็นอาวัล แม้โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 2 นำเช็คของจำเลยที่ 1 มาชำระหนี้ของจำเลยที่ 2เองต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังไว้เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังเช็คและจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คแล้วเป็นอันถือได้ว่าจำเลยที่ 2 มีความผูกพันต่อโจทก์ตามเช็คพิพาทแม้การที่โจทก์ได้เช็คไว้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะแตกต่างไปจากคำฟ้องบ้าง ก็ไม่ถึงกับทำให้คดีโจทก์เสียไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงิน: การสลักหลังมอบตั๋วและการพิสูจน์มูลหนี้ที่แท้จริงของผู้ทรง
โจทก์มอบเงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่งแล้วจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ และโจทก์ได้สลักหลังมอบให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตกลงกันให้จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมาหักหนี้ค่าซื้อหลักทรัพย์ที่โจทก์ค้างชำระ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ซื้อหลักทรัพย์ให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยรับไว้ จึงปราศจากมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย จำเลยจึงไม่เป็นผู้ทรง และมีตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินคงเป็น เพียงผู้ยึดถือตั๋วสัญญาใช้เงินไว้แทนโจทก์เท่านั้น โจทก์ยังคงเป็น ผู้ทรงและมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายได้ ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5614/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อหลักประกัน – การสลักหลัง – สิทธิผู้ทรงเช็ค – การเรียกเงินคืน
หากได้ความตามความเป็นจริงดังที่โจทก์ฟ้องและฎีกาว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่บริษัท ส. เพื่อเป็นหลักประกันในการเข้าทำงานของโจทก์ แล้วจำเลยนำไปเข้าบัญชีของจำเลยโดยบริษัท ส. มิได้สลักหลังโอนเช็คให้ก็ถือได้ว่าไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทและจำเลยไม่ใช่ผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยหามีสิทธิเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ โจทก์ย่อมเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่ดำเนินการพิจารณาต่อไปให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ แต่มีคำสั่งงดสืบพยานของโจทก์จำเลยเสีย จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการลงลายมือชื่อหลังเช็ค: ผู้สลักหลัง (อาวัล) ไม่ใช่ตัวการร่วม
โจทก์ฝากเงินไว้กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1ออกเช็คล่วงหน้าให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 3 และที่ 4 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อด้าน หลังเช็คพิพาทและประทับตราจำเลยที่ 1 การปฏิบัติเช่นนี้เป็นไปตามปกติในการรับฝากเงินอันเป็นกิจการของจำเลยที่ 1 แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาเพียงเพื่อกระทำการแทนจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งมีความหมายว่าเป็นผู้สลักหลังย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย จึงจะฟังว่าจำเลยที่ 2เป็นตัวการร่วมในการออกเช็คพิพาทไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเช็คจากผู้อื่นโดยไม่ตรวจสอบที่มาและไม่ขอสลักหลัง ทำให้ไม่เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริต
โจทก์มีอาชีพเป็นพ่อค้าย่อมจะทราบถึงวิธีการเรื่องเช็คเป็นอย่างดีว่า การรับเช็คโดยไม่รู้จักตัวผู้สั่งจ่ายนั้นย่อมเป็นการเสี่ยงเพราะไม่มีโอกาสทราบฐานะการเงินของผู้สั่งจ่ายได้ฉะนั้น การที่โจทก์รับเช็คซึ่งผู้มีชื่อ นำมาแลกเงินโดยไม่ได้ให้ผู้นั้นสลักหลังเช็คเอาไว้เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย ทั้งไม่ได้นำมาเบิกความอธิบายถึงวิธีการที่ผู้มีชื่อ ได้รับเช็คมาพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นพิรุธ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่ตน ได้.