คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาตัวแทน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 63 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2272/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องตัวแทนรับผิดตามสัญญาตัวแทน ไม่ใช่การเรียกค่าของตามปพพ.มาตรา 165(1)
จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของโจทก์ โดยหาผู้เช่าซื้อมาทำสัญญากับโจทก์โดยตรงและรับรถยนต์ไป ในการนี้จำเลยมีสิทธิได้รับเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 1,000 บาท ต่อรถ 1 คัน และจำเลยหาผู้ใดมาเช่าซื้อ จำเลยต้องทำสัญญาค้ำประกันชดใช้เงินให้แก่โจทก์ในเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาทุกกรณี ส่วนการเก็บเงินค่าเช่าซื้อตามงวด จำเลยเป็นผู้เก็บส่งโจทก์ หากผู้เช่าซื้อผิดสัญญา จำเลยก็ยึดรถที่เช่าซื้อนั้นคืนโจทก์หรือใช้ราคาให้ตามสัญญา ในการนี้โจทก์คิดค่าตอบแทนให้จำเลย 7 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ ต่อมาผู้เช่าซื้อรถยนต์บางรายชำระเงินค่าเช่าซื้อไม่ครบ โจทก์ทวงถามอยู่เสมอ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยติดค้างโจทก์ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นสัญญาชดใช้ค่าสินค้าที่ผู้เช่าซื้อรถยนต์ค้างชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์รวมเป็นเงิน 210,500 บาท ฉบับที่ 2 เป็นสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยไปยึดรถยนต์คืนจากผู้เช่าซื้อที่ผิดสัญญาเช่าซื้อมาแล้วปล่อยให้รถตากแดดตากฝนจนได้รับความเสียหายเป็นเงิน 28,500 บาทกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยยอมรับผิดชำระค่าเช่าซื้อแทนผู้เช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่รวมทั้งยอมชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ในฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์การฟ้องจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นการฟ้องตัวแทนให้รับผิดตามสัญญาตัวแทน หาใช่เป็นเรื่องที่พ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556-1557/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันหลังสิ้นสุดสัญญาตัวแทน และระยะเวลาความรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
สัญญาค้ำประกันที่มีข้อความว่า ถ้านาย ธ.พ้นจากหน้าที่ตัวแทนในการขายของบริษัท เนื่องจากบริษัทบอกเลิกสัญญาหรือด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดก็ตาม สัญญาค้ำประกันฉบับนี้ยังไม่ยกเลิกจนกว่าจะครบกำหนด 6 เดือนนับตั้งแต่นาย ธ.ได้พ้นจากหน้าที่นั้น หมายความว่า แม้นาย ธ.จะพ้นหน้าที่ตัวแทนไปแล้วก็ตาม หนี้อันเกิดจากสัญญาตัวแทนที่จะต้องชำระก็หาได้หมดสิ้นไปทันทีไม่อาจมีหนี้ที่นาย ธ.ทำขึ้นหลังที่สัญญาตัวแทนระงับลงแล้วอีกบางประการก็ได้ซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อไปอีก 6 เดือน หาใช่ว่าพอพ้น 6 เดือนแล้ว ความรับผิดใด ๆ ที่ผู้ค้ำประกันมีอยู่เดิมก็จะยกเลิกไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556-1557/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันหลังสัญญาตัวแทนระงับ และระยะเวลาผูกพันตามสัญญาค้ำประกัน
สัญญาค้ำประกันที่มีข้อความว่า ถ้านายธ.พ้นจากหน้าที่ตัวแทนในการขายของบริษัท เนื่องจากบริษัทบอกเลิกสัญญาหรือด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดก็ตาม สัญญาค้ำประกันฉบับนี้ยังไม่ยกเลิกจนกว่าจะครบกำหนด 6 เดือนนับตั้งแต่นายธ.ได้พ้นจากหน้าที่นั้น หมายความว่าแม้นายธ.จะพ้นหน้าที่ตัวแทนไปแล้วก็ตาม หนี้อันเกิดจากสัญญาตัวแทนที่จะต้องชำระก็หาได้หมดสิ้นไปทันทีไม่ อาจมีหนี้ที่นายธ.ทำขึ้นหลังที่สัญญาตัวแทนระงับลงแล้วอีกบางประการก็ได้ ซึ่งผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันต่อไปอีก 6 เดือน หาใช่ว่าพอพ้น 6 เดือนแล้ว ความรับผิดใดๆที่ผู้ค้ำประกันมีอยู่เดิมก็จะยกเลิกไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกเงินชำระหนี้แทนกันตามสัญญาตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลย จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องชำระหนี้แทนกัน: สัญญาตัวแทนไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทนแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลยจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค้ำประกันหนี้ผิดสัญญาตัวแทน, อายุความ, จำนวนผู้ค้ำประกัน, และขอบเขตความรับผิด
ฟ้องระบุข้อหาหรือฐานความผิดว่าละเมิด แต่เนื้อแท้ของคำฟ้องเป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืนในกรณีผิดสัญญาตัวแทนจะนำอายุความ 1 ปีมาเป็นข้อตัดฟ้องไม่ได้
การเพิ่มจำนวนผู้ค้ำประกันขึ้นหาทำให้ผู้ค้ำประกันคนเดิมพ้นความรับผิดไม่
ค้ำประกันหนี้กรณีที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติหน้าที่ตัวแทนตามระเบียบของนายจ้างทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายผู้ค้ำประกันยอมรับผิดนั้นเป็นการค้ำประกันหนี้ที่ไม่มีลักษณะจะต้องชำระ ณ เวลากำหนดแน่นอนอันจะผ่อนเวลากันได้ จึงนำมาตรา 700 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับแก่กรณีนี้ไม่ได้ และแม้จะมีบันทึกของลูกหนี้ให้ไว้ก็เพียงแต่กำหนดเวลาให้เป็นที่แน่นอนหลังจากมีหนี้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
สัญญาค้ำประกันที่ไม่ได้จำกัดจำนวนจะเอาราคาหลักทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันมาจำกัดความรับผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาตัวแทนต้องแจ้งให้คู่สัญญาทราบ มิใช่บุคคลภายนอก
การตั้งตัวแทนนั้น แม้ตามกฎหมายจะให้สิทธิแก่ตัวแทนที่จะบอกเลิกสัญญาเสียเวลาใด ๆ ได้ก็ดี แต่การบอกเลิกสัญญานั้นจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 คือ ต้องแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง จะแสดงเจตนาแก่บุคคลภายนอกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาตัวแทนต้องแจ้งให้คู่สัญญาทราบ มิฉะนั้นสัญญายังมีผลผูกพัน
การตั้งตัวแทนนั้น แม้ตามกฎหมายจะให้สิทธิแก่ตัวแทนที่จะบอกเลิกสัญญาเสียในเวลาใดๆ ได้ก็ดีแต่การบอกเลิกสัญญานั้นจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 386 คือต้องแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง จะแสดงเจตนาแก่บุคคลภายนอกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนจำหน่ายสินค้า: หน้าที่, ความรับผิด, อายุความ และขอบเขตการฟ้องเรียกทรัพย์สิน
(1) องค์การสรรพาหารเป็นราชการไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ ไม่ว่าเป็นเอกสารประเภทใด (2) กรณีที่จำเลยมิใช่แต่เพียงเป็นสื่อกลางให้เขาทำสัญญากัน หากแต่จำเลยยังรับสินค้าไปจำหน่าย และชำระเงินค่าสินค้าคืนให้ตัวการโดยจำเลยได้รับบำเหน็จเป็นผลประโยชน์ และจำเลยยังมีอำนาจครอบครองสินค้า แล้วส่งมอบแก่ผู้ซื้อเรียกและรับเงินค่าสินค้า ทั้งหนังสือก็ยังระบุว่าหนังสือสัญญารับเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า อนึ่งการจัดหาระวางเรือโดยจำเลยตกลงกับผู้รับผลแทน โดยองค์การสรรพาหารเสียค่าระวางเองนั้น ย่อมเป็นการที่จำเลยทำในฐานเป็นตัวแทน มิใช่เป็นนายหน้าส่วนการที่จำเลยรับสินค้าไป แม้จะมีผู้ควบคุมโดยต้องตกลงราคากับผู้ควบคุมก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำตามคำสั่งขององค์การ(ตัวการ) (3) การส่งสินค้า เมื่อมีข้อผูกพันอย่างใดก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงแม้บริษัทจำเลยจะมีวัตถุประสงค์ทำกิจการเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยรับสินค้าไปขายแล้ว หักเอาบำเหน็จออกจากเงินที่ขายสินค้าไว้แล้วก็ต้องคืนเงินค่าสินค้าที่รับไปจำเลยจะยกเรื่องวัตถุประสงค์ของบริษัทมาสู้ เพื่อไม่ต้องคืนค่าสินค้าให้เขาหาได้ไม่
อนึ่ง เป็นการมิชอบในการที่จะอ้างว่าองค์การตั้งขึ้นไม่ชอบ ได้เงินมาไม่ชอบ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องคืนเงินที่ตนรับไปในฐานตัวแทนให้แก่ตัวการตามกฎหมาย
(4) เมื่อองค์การสรรพาหารเป็นราชการในสังกัดสำนักคณะรัฐมนตรี โจทก์ โจทก์ ก็มีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สินที่ยังตกอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนได้ (5) ถึงแม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่า จำเลยละเมิดสัญญาตัวแทน คือ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาแต่โจทก์มิได้เรียกค่าเสียหายเนื่องจากตัวแทนทำให้เกิดขึ้นแก่ตัวการหากแต่เรียกเอาเงินที่จำเลยหักไว้เกินคืน คือ เรียกเอาทรัพย์ของตนซึ่งอยู่ที่จำเลยนั่นเองคืน นั้น คดีมีอายุความ 10 ปี (6) ถึงแม้เอกสารที่โจทก์อ้างท้ายฟ้องปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้รับสินค้าและการส่งสินค้าออกก็ทำในนามขององค์การสรรพาหาร โจทก์ก็ย่อมนำสืบถึงหน้าที่และความรับผิดของตัวแทนตามสัญญาได้ ไม่ใช่เป็นการสืบแก้ไขเอกสาร (7) การที่บริษัทขนส่งยอมรับสินค้าของจำเลยที่ 1 บรรทุกเพิ่มเติมลงไปอีก ก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับบริษัทรับขน ส่วนองค์การสรรพาหารมิใช่ผู้รับขน จะเรียกเอาค่าระวางจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้ถึงแม้องค์การสรรพาหารจะเถียงว่าเป็นผู้เหมาลำเป็นเจ้าของระวางคนอื่นไม่มีสิทธิบรรทุกก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะมิได้มีสัญญารับขนกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นเรื่องที่บริษัทรับขนจะต้องรับผิดต่อองค์การสรรพาหารเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาตัวแทนค้าต่างและการเสียอากรแสตมป์ กรณีไม่ใช่การซื้อขาย
จำเลยทำสัญญาตั้งผู้อื่นเป็นตัวแทนค้าต่าง จำหน่ายสินค้าและเก็บเงินให้ ดังนี้การส่งมอบสินค้ากับชำระราคาของไม่ใช่เป็นกรณีเรื่องซื้อขายอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์อ้างเอกสารสัญญาตั้งตัวแทนค้าต่างที่จำเลยทำไว้เป็นพะยานซึ่งมีข้อความชัดเจนนั้น โจทก์จะขอสืบพะยานแปลข้อความในเอกสารนั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้.
of 7