พบผลลัพธ์ทั้งหมด 103 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3306/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติ: จำเลยมีสิทธิก่อนโจทก์ การเปลี่ยนแปลงพฤติการณ์เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โรงร้านที่จำเลยปลูกอยุ่ในที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหน้าที่ดิน โจทก์มิได้เกี่ยวกับที่ดินโจทก์และจำเลย ได้ปลูกโรง ร้านพิพาทในที่ชายตลิ่งมาก่อนโจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิในที่ชายตลิ่งดีกว่าโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ยังสามารถเข้าออกที่ดินโจทก์ ได้สะดวก เพราะยังมีที่ว่างที่เหลือคือที่จำเลยที่ 4 ได้รื้อไปแล้วและที่ถูกพายุพัดพังไปซึ่ง เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ ที่ได้ เปลี่ยนแปลงไปยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยรื้อถอน โรงร้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกำหนดชำระหนี้ และผลกระทบต่อสิทธิในการริบเงินตามสัญญาจะซื้อขาย
สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยข้อ 2 กำหนดว่าโจทก์ผู้จะซื้อตกลงจะชำระเงินค่าซื้อที่ดินโดยแบ่งเป็น 3 งวด งวดที่ 3 ชำระในวันที่ 10 กรกฎาคม 2522 และข้อ 5 กำหนดว่า 'ผู้จะซื้อให้สัญญาว่า ถ้าผู้จะซื้อ ผิดนัดการชำระเงินตามที่ระบุไว้ในข้อ 2. ผู้จะซื้อยินดี ให้ผู้จะขายถือว่าผู้จะซื้อผิดสัญญา และยินดีให้ผู้จะขาย ริบเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมด โดยมิต้องบอกกล่าวใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ถือว่าสัญญาฉบับนี้สะดุดหยุดลงด้วย'. การ ที่จำเลยยินยอมให้โจทก์แก้วันที่ในเช็คซึ่งชำระเงินงวดที่ 3 จากวันที่ 10 กรกฎาคม 2522 เป็นวันที่ 10 กันยายน 2522 เป็นการตกลงเลื่อนกำหนดการชำระเงินออกไปโดยกำหนดวันชำระเงินใหม่ไว้แน่นอนเช่นเดิมไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีไม่ถือเคร่งครัดตามกำหนดการชำระเงิน ความตกลงเช่น นี้แปลได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงกันเปลี่ยนกำหนดชำระเงินงวดที่ 3 ในข้อ 2 แห่งสัญญาเสียใหม่เท่านั้นหากระทบกระทั่ง ถึงสัญญาข้อ 5 ไม่ ดังนั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินในบัญชีของโจทก์ไม่พอจ่าย เป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้รับชำระเงินงวดที่ 3 ตามกำหนดใหม่ จึงถือว่าโจทก์ผิดนัดชำระเงินตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 2 มีผลทำให้จำเลยมีสิทธิริบเงินที่โจทก์ชำระไปแล้วและสัญญาเป็น อันเลิกกันตามสัญญาข้อ 5 โดยหาต้องบอกกล่าวเลิกสัญญา อีกไม่ และจำเลยไม่ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ชำระหนี้ภายใน ระยะเวลาที่กำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการแก้คำให้การจากรับสารภาพเป็นปฏิเสธ หากมีเหตุผลสมควรและยังไม่ได้ปรึกษาทนายความ
ในตอนแรกที่ศาลชั้นต้นประทับฟ้อง จำเลยทั้งสองแถลงขอสู้คดีขอให้การในวันพิจารณาและจะหาทนายความเอง ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นได้จดคำให้การไว้ว่า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ ต่อมาทนายความจำเลยทั้งสองได้มาถึงศาลและยื่นใบแต่งทนายความพร้อมกับแถลงว่าที่มาศาลช้าเพราะไม่สบาย ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเองแต่ต้องเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันอื่น ก่อนถึงวันนัด 1 วันจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม และขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำความผิด คำร้องของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ย่อมมีผลเป็นการขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพ เป็นให้การปฏิเสธ และเหตุผลที่จำเลยทั้งสองอ้างก็เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ และน่าเชื่อว่าขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นยังมิได้ปรึกษากับทนายความประกอบกับในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่จะให้การต่อสู้ว่าอย่างไรหรือไม่ให้การเลยก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 165 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามแก้คำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการส่งตัวจำเลยไปสืบพยานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็นศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแก้คำให้การก่อนศาลพิพากษาและอายุความความผิดอันยอมความได้
ในคดีอาญากฎหมายหาได้จำกัดว่าจำเลยมีสิทธิขอแก้คำให้การได้เพียงครั้งเดียวไม่ ตราบใดที่ศาลยังมิได้พิพากษาแม้จะนัดฟังคำพิพากษาไว้แล้ว ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้คำให้การเมื่อมีเหตุอันควรในคดีความผิดอันยอมความได้ ศาลเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ตามกฎหมาย ย่อมมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การโดยการถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเพื่อยกข้อต่อสู้ใหม่ก่อนวันชี้สองสถาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนวันชี้สองสถานโดยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่อีกว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะการยึดถือที่พิพาทแล้ว จำเลยทำได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3),180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษตามกฎหมายป่าสงวนที่แก้ไข และสิทธิจำเลยในการมีทนาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ขอให้ลงโทษตามมาตรา31แต่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา31 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 แม้โจทก์จะมิได้อ้างกฎหมายฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมศาลปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีจึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องทนาย การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
การกระทำของจำเลยตามฟ้องมีโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 วรรคสอง ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีจึงเป็นกรณีที่จะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อยังไม่มีการสอบถามจำเลยเรื่องทนาย การพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบ สมควรจัดการให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การมีทนายก่อนการพิจารณาคดีและการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูง 15 ปี เมื่อศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ดำเนินการพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนาย แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงเป็นการพิจารณาฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดหน่วงโฉนดที่ดินเป็นประกันหนี้: สิทธิของจำเลยเกิดขึ้นเมื่อมีการจำนองที่จดทะเบียนแล้วเท่านั้น
โจทก์จำเลยตกลงกันจะให้มีการจำนองที่ดินตามโฉนดของโจทก์เป็นประกันหนี้เมื่อยังไม่มีการจำนอง จำเลยก็ยังไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินของโจทก์ และไม่มีสิทธิที่จะยึดโฉนดของโจทก์ไว้เพื่อบังคับชำระหนี้แก่จำเลย