พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ถูกต้องและการขาดนัดยื่นคำให้การ/ขาดนัดพิจารณาคดี ทำให้จำเลยจงใจขาดนัด
การปิดหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ ณ สำนักงานบริษัทอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ตามคำสั่งศาลเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 แล้วเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยื่นคำให้การและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฎีกาเนื่องจากโจทก์ไม่ดำเนินการเมื่อศาลสั่งให้แถลงวิธีดำเนินการเมื่อส่งหมายนัดจำเลยไม่ได้
เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ศาลชั้นต้นให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 7 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วไม่แถลงภายในเวลาที่กำหนดถือว่าโจทก์ทิ้งฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6551/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์:หน้าที่โจทก์ในการส่งหมายแจ้งและสำเนาคำฟ้อง และผลของการไม่กำหนดระยะเวลา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174ที่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องมีอยู่ 2 กรณี กรณีแรกตามมาตรา 174(1) เป็นการทิ้งฟ้องเพราะโจทก์เพิกเฉยไม่ร้องขอให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีแก่จำเลยตามมาตรา 173 วรรคแรก ซึ่งเป็นคำฟ้องในศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องให้การแก้คดี มิใช่ฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาที่จำเลยไม่จำต้องแก้คดี กรณีที่สองเป็นเรื่องโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตามมาตรา 174(2) ในกรณีฟ้องอุทธรณ์จำเลยจะยื่นคำแก้อุทธรณ์หรือไม่ก็ได้ จึงไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ส่งหมายและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยเพื่อแก้คดีตามมาตรา 173 ที่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174(1)ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์โดยให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ แต่มิได้กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งเมื่อโจทก์มิได้นำส่งจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตามมาตรา 174(2) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3178/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมายและการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การในคดีภาษีอากร
เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ไว้ที่สำนักงานบริษัทจำเลยซึ่งกรรมการผู้จัดการและพนักงานของจำเลยอยู่อาศัยในสถานที่ดังกล่าวจึงเป็นการส่งที่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 74 และ มาตรา 79 เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การในกำหนดและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่มีเหตุสมควรประการอื่น ต้องถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3178/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ส่งที่สำนักงานและจำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา แต่มีคนอยู่ ณ ที่นั้น ถือว่าจำเลยได้รับหมายแล้ว
เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ไว้ที่สำนักงานบริษัทจำเลย ซึ่ง กรรมการผู้จัดการและพนักงานของจำเลยอยู่อาศัยในสถานที่ดังกล่าว จึงเป็นการส่งหมายโดย ชอบ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 และมาตรา 79 เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ถือได้ ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4352/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดพิจารณาคดีผ่านทนาย แม้จำเลยขัดแย้งกับทนาย ก็ยังถือเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยขัดแย้งในการดำเนินคดีกับทนายจำเลย และทนายจำเลยไม่ได้แจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทราบ ขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่โดยที่จำเลยมิได้จำกัดอำนาจของทนายหรือถอนทนายจำเลยในขณะเกิดเหตุขัดแย้งกัน คงปล่อยให้ทนายจำเลยทำหน้าที่ทนายต่อไปย่อมไม่อาจรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยไม่ได้อยู่ที่ภูมิลำเนา การขอพิจารณาใหม่ชอบแล้ว
ขณะที่โจทก์นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องส่งให้แก่จำเลยณ ภูมิลำเนาตามหลักฐานทางทะเบียน โจทก์ทราบดีว่าจำเลยพักอยู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะมิใช่ภูมิลำเนาทางทะเบียนแต่ถือได้ว่าเป็นสำนักทำงานการของจำเลยได้ การที่โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ ณ ที่ใดในราชอาณาจักรขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงไม่ชอบ ข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลเพียงแต่กล่าวอ้างไว้ในคำขอก็ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ไม่จำเป็นต้องนำสืบในชั้นไต่สวน และเมื่อจำเลยยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ต้องระบุเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้อง: ศาลยืนยันคำสั่งให้โจทก์แถลงหลังส่งหมายไม่ได้ แม้ไม่มีการแจ้งซ้ำ โจทก์ทราบคำสั่งจากคำฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า รับคำฟ้อง หมายเรียกส่งสำเนาให้จำเลยไม่มีผู้รับโดยชอบ และไม่มีภูมิลำเนาแห่งอื่นให้ปิดหมายถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ และข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกด้วยกัน เมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องแถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานการเดินหมายอีกว่าให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ก็เป็นเพียงการยืนยันถึงคำสั่งในคำฟ้องเท่านั้นซึ่งหากศาลชั้นต้นจะไม่มีคำสั่งในรายงานการเดินหมาย โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งในคำฟ้องอยู่เช่นเดิม โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องแจ้งคำสั่งในรายงานการเดินหมายให้โจทก์ทราบอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3004/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายศาลที่ถูกต้อง การส่งหมายปิดหน้าสำนักงานเมื่อผู้รับไม่ยอมรับถือว่าชอบแล้ว
บริษัทจำเลยที่ 2 มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกแถวชั้นที่สองตึกแถวชั้นล่างเป็นสำนักงานของอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมี ช. เป็นกรรมการของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองถูกฟ้อง เจ้าหน้าที่ศาลจะนำหมายศาลไปปิดไว้ที่ประตูบริษัทชั้นล่าง สำนักงานบริษัททั้งสองตามที่ได้จดทะเบียนต่อ กระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้แบ่งแยกออกจากกันให้เป็นสัดส่วน ป้ายแสดงชื่อสำนักงานบริษัททั้งสองต่างอยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงาน เช่นนี้ การที่โจทก์นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาพร้อมสำเนาคำฟ้อง หมายเรียก หมายนัดสืบพยานโจทก์ส่งให้บริษัทจำเลยที่ 2 โดยการปิดหมายที่หน้าประตูสำนักงานชั้นล่าง เนื่องจากคนในสำนักงานไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ไม่อยู่ จึงเป็นการส่งหมายนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา สำเนาคำฟ้อง หมายเรียก และหมายนัดสืบพยานโจทก์แก่จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ว่าจำเลยที่ 2 เพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เมื่อรับคำบังคับอันจะให้จำเลยที่ 2 ขอพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของจำเลยต่อการไม่ดำเนินการส่งหมายโดยทนายความ: ทนายความเป็นตัวแทนจำเลย
การที่จำเลยอ้างว่า ทนายจำเลยติดธุระส่วนตัว ไม่ได้จงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ เป็นความผิดส่วนตัวของทนายความ จะเอาความผิดดังกล่าวมาเป็นเหตุว่าจำเลยทิ้งฟ้องไม่ได้นั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมอบความไว้วางใจและตั้งใจให้ผู้ใดเป็นทนายความของตนแล้วทนายความก็เป็นคู่ความในคดี การกระทำการใด ๆ ของทนายความเกี่ยวกับคดีต้องถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยเอง จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของทนายความของตนมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้พ้นความรับผิดได้.(ที่มา-ส่งเสริม)