คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลีกเลี่ยงภาษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาขายสุราตามราคาตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเอเยนต์จำหน่ายสุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นผู้ขายส่งสุราแม่โขงและสุรากวางทองในเขตจังหวัดนั้นด้วย การที่โจทก์อ้างว่าได้ขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองให้แก่บริษัท ป. ซึ่งเป็นตัวแทนช่วงอีกทอดหนึ่งของโจทก์ไปในราคาเท่าทุน เพราะโจทก์ไม่ได้ไปตั้งร้านค้าในเขตจังหวัดสมุทรปราการ และเพื่อจูงใจให้บริษัท ป. ซื้อสุราขาวและสุราผสมของโจทก์ในราคาขายปลีกนั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของโจทก์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตั้งร้านค้าเท่ากับเป็นกำไรส่วนหนึ่งของโจทก์ เมื่อโจทก์เป็นเอเยนต์สุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัดสมุทรปราการแล้วอื่นก็ไม่สามารถนำสุราขาวและสุราผสมมาจำหน่ายในเขตจังหวัดนั้นได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่โจทก์จะจำหน่ายสุราแม่โขงและสุรากวางทองแก่บริษัท ป. ไปในราคาเท่าทุนราคาดังกล่าวจึงมิใช่เป็นราคาตลาดและเป็นการขายไปในราคาต่ำ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงค่าภาษีหรือชำระค่าภาษีให้น้อยลง เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินราคาขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองตามราคาตลาดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (4) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล: ราคาขายสุราต่ำกว่าตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เจ้าพนักงานประเมินประเมินราคาตามตลาดได้
โจทก์เป็นเอเยนต์จำหน่ายสุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัดสมุทรปราการและเป็นผู้ขายส่งสุราแม่โขงและสุรากวางทองในเขตจังหวัดนั้นด้วยการที่โจทก์อ้างว่าได้ขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองให้แก่บริษัท ป. ซึ่งเป็นตัวแทนช่วงอีกทอดหนึ่งของโจทก์ไปในราคาเท่าทุน เพราะโจทก์ไม่ได้ไปตั้งร้านค้าในเขตจังหวัดสมุทรปราการและเพื่อจูงใจให้บริษัท ป. ซื้อสุราขาวและสุราผสมของโจทก์ในราคาขายปลีกนั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของโจทก์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตั้งร้านค้าเท่ากับเป็นกำไรส่วนหนึ่งของโจทก์ เมื่อโจทก์เป็นเอเยนต์สุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัดสมุทรปราการแล้วผู้อื่นก็ไม่สามารถนำสุราขาวและสุราผสมมาจำหน่ายในเขตจังหวัดนั้นได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่โจทก์จะจำหน่ายสุราแม่โขงและสุรากวางทองแก่บริษัท ป.ไปในราคาเท่าทุน ราคาดังกล่าวจึงมิใช่เป็นราคาตลาด และเป็นการขายไปในราคาต่ำโดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงค่าภาษีหรือชำระค่าภาษีให้น้อยลง เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินราคาขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองตามราคาตลาดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (4) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาขายสุราตามราคาตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
โจทก์เป็นเอเยนต์ จำหน่ายสุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัด สมุทรปราการ และเป็นผู้ขายส่งสุราแม่โขงและสุรากวางทองในเขตจังหวัดนั้นด้วย การที่โจทก์อ้างว่าได้ ขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองให้แก่บริษัท ป. ซึ่ง เป็นตัวแทนช่วงอีกทอดหนึ่งของโจทก์ไปในราคาเท่าทุน เพราะโจทก์ไม่ได้ไปตั้ง ร้านค้าในเขตจังหวัด สมุทรปราการ และเพื่อจูงใจให้บริษัท ป. ซื้อ สุราขาวและสุราผสมของโจทก์ในราคาขายปลีกนั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของโจทก์ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตั้ง ร้านค้าเท่ากับเป็นกำไรส่วนหนึ่งของโจทก์ เมื่อโจทก์เป็นเอเยนต์ สุราขาวและสุราผสมในเขตจังหวัด สมุทรปราการ แล้ว ผู้อื่นก็ไม่สามารถนำสุราขาวและสุราผสมมาจำหน่ายในเขตจังหวัดนั้นได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่โจทก์จะจำหน่ายสุราแม่โขงและสุรากวางทองแก่บริษัท ป. ไปในราคาเท่าทุนราคาดังกล่าวจึงมิใช่เป็นราคาตลาดและเป็นการขายไปในราคาต่ำ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงค่าภาษีหรือชำระค่าภาษีให้น้อยลง เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินราคาขายสุราแม่โขงและสุรากวางทองตาม ราคาตลาดตาม ประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (4) ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับภาษี แม้มีระเบียบกรมสรรพากร และพฤติการณ์หลีกเลี่ยงภาษี
เบี้ยปรับที่ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 22 นั้น แม้มาตรา 27 ทวิวรรคสองแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวจะบัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีกรมสรรพากรวางระเบียบในการงดหรือลดเบี้ยปรับออกมาใช้บังคับก็ตาม ก็เป็นเพียงระเบียบที่เจ้าพนักงานประเมินจะต้องถือปฏิบัติ แต่ไม่มีผลผูกพันให้ศาลต้องปฏิบัติตามระเบียบเช่นว่านั้น การงดหรือลดเบี้ยปรับเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่า การที่เจ้าพนักงานงดหรือลดเบี้ยปรับมานั้นถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ และศาลยังมีอำนาจที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับได้เองในกรณีมีเหตุอันสมควรอีกด้วย
เมื่อปรากฏในชั้นไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินและในชั้นพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยว่า หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรในการส่งบัญชีเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์ไปให้เจ้าพนักงานตรวจสอบและโจทก์ไม่นำรายได้ลงบัญชีรายรับให้ครบถ้วน อันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118-1119/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามลักลอบนำเข้าสินค้าต้องควบคุมและหลีกเลี่ยงภาษี การลงโทษตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
จำเลยนำสินค้าควบคุมจากเขตจังหวัดอื่นเข้ามาในเขตท้องที่จังหวัดที่มีการประกาศเขตควบคุม แม้จะปรากฏว่าสินค้ายังอยู่ในเรือที่ได้บรรทุกมายังไม่มีการขนถ่ายสินค้าก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดแล้ว
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118-1119/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามนำเข้าสินค้าหลีกเลี่ยงภาษี และขนย้ายสินค้าควบคุม ความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ศาลปรับบทลงโทษ
จำเลยนำสินค้าควบคุมจากเขตจังหวัดอื่นเข้ามาในเขตท้องที่จังหวัดที่มีการประกาศเขตควบคุม แม้จะปรากฏว่าสินค้ายังอยู่ในเรือที่ได้บรรทุกมายังไม่มีการขนถ่ายสินค้าก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการส่วนจังหวัดกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดแล้ว
จำเลยร่วมกันพยายามนำสินค้า สบู่ ผ้า บุหรี่ และไม้อัดซึ่งมิได้ผ่านด่านศุลกากร โดยถูกต้องออกไปนอกราชอาณาจักรและร่วมกันขนย้ายสบู่อันเป็นสินค้าควบคุมในท้องที่จังหวัดตราดทางทะเลกับร่วมกันขนย้ายผ้าและบุหรี่อันเป็นสิ่งของที่อยู่ในความควบคุมทางทะเลจากท้องที่จังหวัดอื่นเข้ามาในเขตจังหวัดตราดทางทะเล การกระทำของจำเลยในสินค้าแต่ละประเภทเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องแยกประเภทสินค้าออกเป็นกระทงความผิดแล้วลงโทษบทหนัก
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทมาตราความผิดและกำหนดโทษเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ไม่ว่าจะเป็นพยายามกระทำความผิดหรือกระทำความผิดสำเร็จก็ตาม กฎหมายได้กำหนดโทษไว้เท่ากันคือความผิดครั้งหนึ่งให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือจำคุกไม่เกินสิบปีหรือทั้งปรับทั้งจำ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นในภาวะคับขัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเข้าสินค้าข้ามพรมแดน การหลีกเลี่ยงภาษี และการคำนวณเงินเพิ่มที่ถูกต้องตามกฎหมาย
แม้ฎีกาของจำเลยจะคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มา แต่ก็เป็นฎีกาในเหตุเดียวกับที่จำเลยอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(3) นั้น คำว่าอาจฟ้องหรือถูกคู่ความเช่นว่านั้นฟ้องจะต้องเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากคดีที่กำลังพิพาทกันอยู่โดยตรง เมื่อจำเลยให้การรับว่าเครื่องรับโทรทัศน์รายพิพาทไม่ใช่เครื่องรับโทรทัศน์ชนิดแบบวงจรปิดตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้สิทธิยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีการค้า จำเลยจึงต้องรับผิดชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้ารวมทั้งภาษีบำรุงเทศบาลตามที่โจทก์ฟ้องดังนั้นศาลชั้นต้นย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระภาษีอากรได้ การที่จำเลยได้รับการส่งเสริมการลงทุนสั่งและนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีชนิดแบบวงจรปิด โดยให้ได้รับงดเว้นการเสียอากรขาเข้าและภาษีการค้า แต่จำเลยกลับนำเข้าโทรทัศน์สีซึ่งใช้รับภาพจากสถานีส่งภายนอกได้ด้วย และมีราคาแพงกว่าเช่นนี้จำเลยอ้างไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงภาษีอากร การคิดเงินเพิ่มภาษีอากรไม่ถูกต้องและการให้เสียดอกเบี้ยของเงินเพิ่มซึ่งไม่ถูกต้องนั้นเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อกฎหมายได้บัญญัติทางแก้ ในกรณีที่ไม่ชำระภาษีอากรตามกำหนดเวลาไว้ใน พ.ร.บ. ศุลกากรฯ มาตรา 112 จัตวา และ ป.รัษฎากรมาตรา 89 ทวิ อยู่แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยชำระเงินเพิ่มตามบทกฎหมายดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินบำเหน็จพิเศษเป็นเงินสำรองทางภาษี การเปลี่ยนแปลงทางบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีไม่มีผล
เงินบำเหน็จพิเศษที่โจทก์จ่ายเข้าบัญชีของพนักงานโดยให้พนักงานโอนเงินดังกล่าวมาเป็นเงินประกันตัว แล้วฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจำของพนักงานแต่ละคนนั้น โจทก์มีระเบียบว่า พนักงานจะเบิกเงินในบัญชีเงินฝากประจำไม่ได้จนกว่าจะออกจากการเป็นพนักงานของโจทก์ ถ้าทำความเสียหายโจทก์มีสิทธิหักเงินจำนวนดังกล่าวชดใช้ค่าเสียหายได้ เงินบำเหน็จพิเศษดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์จ่ายให้แก่พนักงานโดยเด็ดขาด เป็นเพียงรายจ่ายที่ต้องจ่ายในอนาคต จึงเป็นเงินสำรองตามประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ตรี (1) โจทก์ไม่มีสิทธินำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
การที่โจทก์พยายามออกระเบียบและใช้วิธีการทางบัญชีเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเพื่อไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แม้โจทก์จะให้ความสะดวกแก่จำเลยในการตรวจสอบบัญชี ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เสียภาษีเงินได้ไม่ครบถ้วนโดยสุจริตจึงไม่มีเหตุควรงดหรือลดเงินเพิ่ม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: เจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร ถือเป็นกรรมเดียว แม้ฟ้องแยกกระทง
การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลียงอากรอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรกับมียาสูบจำนวนเดียวกันโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบในวันเวลาเดียวกัน ดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกัน คือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแยกการกระทำผิดของจำเลยเป็นสองข้อและจำเลยให้การรับสารภาพศาลก็ลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ยาสูบลักลอบนำเข้าและไม่มีแสตมป์ มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร ศาลลงโทษได้เพียงกรรมเดียว
การที่จำเลยมียาสูบที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลียงอากรอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรกับมีมียาสูบจำนวนเดียวกันโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบในวันเวลาเดียวกันดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมายถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแยกการกระทำผิดของจำเลยเป็นสองข้อและจำเลยให้การรับสารภาพศาลก็ลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้.
of 13