พบผลลัพธ์ทั้งหมด 419 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9062/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่ามีดคัตเตอร์เป็นอาวุธตามกฎหมาย และความผิดฐานพาอาวุธในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร
มีดคัตเตอร์ ยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวมีดกว้างประมาณ 2 นิ้วเป็นมีดคัตเตอร์ ขนาดใหญ่ จำเลยมีเจตนาจะใช้อย่างเป็นอาวุธ จึงเป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(1)เมื่อจำเลยใช้พาติดตัวไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จึงมีความผิดตามมาตรา 371
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8372/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกัน
บุตรจำเลยไปทะเลาะวิวาทและสมัครใจทำร้ายกับฝ่ายผู้ตายโดยจำเลยไม่ทราบ เพียงแต่จำเลยเห็นผู้ตายใช้มีดดาบไล่ฟันบุตรจำเลยมาทางบ้านจำเลยและเห็นผู้ตายเงื้อมีดดาบจะฟันบุตรจำเลยซึ่งล้มอยู่ ย่อมทำให้จำเลยกลัวว่าบุตรของตนจะถูกผู้ตายฟันถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันทีเพื่อช่วยเหลือบุตรของตนให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงนั้น จึงมีสิทธิกระทำเพื่อป้องกันได้ หากกระทำไปพอสมควรแก่เหตุก็ไม่มีความผิด
จำเลยยิงผู้ตาย 2 นัด โดยนัดแรกถูกที่หน้าอกด้านขวาและนัดที่สองถูกใต้ต้นคอด้านหลัง บาดแผลแรกวิถีกระสุนปืนเข้าทางด้านหน้า ส่วนบาดแผลที่สองวิถีกระสุนปืนเข้าจากด้านหลัง เห็นได้ว่ากระสุนนัดแรกก็หยุดการกระทำของผู้ตายได้แล้วโดยผู้ตายได้หันหลังให้แก่จำเลย การที่จำเลยยิงผู้ตายซ้ำอีกเป็นนัดที่สอง ทั้งที่ผู้ตายหันหลังมายังจำเลยนั้น เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69
จำเลยยิงผู้ตาย 2 นัด โดยนัดแรกถูกที่หน้าอกด้านขวาและนัดที่สองถูกใต้ต้นคอด้านหลัง บาดแผลแรกวิถีกระสุนปืนเข้าทางด้านหน้า ส่วนบาดแผลที่สองวิถีกระสุนปืนเข้าจากด้านหลัง เห็นได้ว่ากระสุนนัดแรกก็หยุดการกระทำของผู้ตายได้แล้วโดยผู้ตายได้หันหลังให้แก่จำเลย การที่จำเลยยิงผู้ตายซ้ำอีกเป็นนัดที่สอง ทั้งที่ผู้ตายหันหลังมายังจำเลยนั้น เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5730/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอรับฟังความผิด จำเลยได้รับการยกฟ้องทั้งข้อหาพยายามฆ่าและพกพาอาวุธ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกระทงหนึ่งฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่งแม้ข้อหาฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นจะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่เมื่อจำเลยฎีกาเกี่ยวกับความผิดข้อหาดังกล่าวขึ้นมาและศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักบานของโจทก์และโจทก์ร่วมไม่พอรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้วศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกฟ้องในความผิดฐานนี้ได้ด้วยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา185ประกอบมาตรา215และ225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4724/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษความผิดต่อเจ้าพนักงาน: การต่อสู้ขัดขวางโดยใช้อาวุธ
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 138 วรรคสอง และมาตรา 140 วรรคสามนั้น การปรับบทลงโทษเพียงตามมาตรา 140 วรรคสามนั้น ยังไม่ชัดเจน เพราะไม่แน่ชัดว่าจำเลยผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่งของมาตรา 140วรรคแรก หรือวรรคสอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยมีและใช้อาวุธปืน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง, 140 วรรคแรก และวรรคสาม ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3827/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้มีดสปริงเป็นอาวุธในการกระทำชำเราเด็กหญิง: การพิจารณาการใช้จริงของอาวุธ
จำเลยนำอาวุธมีดสปริงที่จำเลยติดตัวอยู่ออกมาโดยมิได้ ง้างมีดสปริงออกในลักษณะที่สามารถใช้แทงทำร้ายได้ ทั้งมิได้ ใช้มีดสปริงขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายยอมให้จำเลยกระทำชำเรา ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้มีดสปริงในการกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็ก และการใช้มีดคัตเตอร์เป็นอาวุธ
การพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา317 นั้น ไม่ว่าจำเลยจะพรากไปจากใครคนใดคนหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จำเลยก็มีความผิดทั้งสิ้น ดังนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง โดยมิได้บรรยายว่าพรากไปจากผู้ดูแลด้วย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพรากไปจากผู้ดูแลจำเลยก็มีความผิด มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง
แม้มีดคัตเตอร์จะไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ทุกครั้งที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยเอามีดคัตเตอร์ที่จำเลยพาไปออกมาขู่เข็ญผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยพามีดคัตเตอร์ไปโดยเจตนาจะใช้เป็นอาวุธ มีดคัตเตอร์จึงเป็นอาวุธ
แม้มีดคัตเตอร์จะไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ทุกครั้งที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยเอามีดคัตเตอร์ที่จำเลยพาไปออกมาขู่เข็ญผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยพามีดคัตเตอร์ไปโดยเจตนาจะใช้เป็นอาวุธ มีดคัตเตอร์จึงเป็นอาวุธ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ใช้ อาวุธเอง ก็ต้องรับผิด
จำเลยร่วมกับ จ. ทำร้ายผู้ตายและหลบหนีไปด้วยกัน แม้จำเลยไม่ทราบว่า จ. มีอาวุธมีดติดตัว และไม่ได้ร่วมใช้อาวุธทำร้ายผู้ตายด้วย จำเลยก็ต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรกซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษได้ เพราะการกระทำเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาที่โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6581/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ถึงอันตรายแก่กาย พยายามชิงทรัพย์มีอาวุธ
ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเพียงเป็นบาดแผลรอยแดง ๆ บวมช้ำเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร รักษาประมาณ 3 วันหาย ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยคงมีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสอง ไม่ใช่มาตรา 339 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุรายละเอียดอาวุธและผู้กระทำความผิดไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์ในคดีอาญาเคลือบคลุมหรือไม่ แม้จะมิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยมีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบ มีดพกปลายแหลมและเหล็กขูดชาฟท์รุมแทงฟัน ประทุษร้ายแก่ร่างกายผู้เสียหายหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างก็พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนการที่จำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างเป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5249/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธข่มขู่: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ ระหว่างจำเลยหลบหนีถูกผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุม จำเลยขับรถ-จักรยานยนต์เข้าข้างทางและล้มลง จำเลยลงจากรถจักรยานยนต์แล้วชักอาวุธปืนสั้นเล็งมาทางผู้เสียหายกับพวกเพื่อข่มขู่มิให้ผู้เสียหายกับพวกทำการจับกุมจำเลยจำเลยจึงมีความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีหรือใช้อาวุธปืนขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ตาม ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง,140 วรรคแรก และวรรคสาม