คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3797-3798/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง และผลของการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาวินิจฉัย
คดีสำนวนแรกโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้อาศัยออกจากที่พิพาท แม้ไม่ปรากฏตามคำฟ้องว่าที่พิพาทอาจให้เช่าได้เดือนละเท่าใด แต่ก็ได้ความจากคดีในสำนวนหลังซึ่งมีผู้ฟ้องโจทก์คดีนี้กับพวกให้ร่วมกันใช้ค่าขาดประโยชน์จากที่พิพาทเป็นเงินปีละ 2,400 บาท ถือได้ว่าที่พิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาทเมื่อจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาอาศัย คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาต่อมาได้ ข้อเท็จจริงคงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีสำนวนแรกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงรับวินิจฉัยเฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 1 ในสำนวนหลัง (โจทก์ในสำนวนแรก) ซึ่งคดีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงแต่เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์ให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นกรณีเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245, 247
คดีสำนวนแรกศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 (ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนหลัง) แต่ในคดีสำนวนหลังศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นของ พ.จำเลยที่ 1 (ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนแรก) ดังนี้ในคดีสำนวนหลังศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้สิทธิแก่ พ.จำเลยที่ 1 ในการที่จะฟ้องบังคับตามสิทธิที่เกิดขึ้นจากผลของคำพิพากษาฎีกานี้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่และค่าเช่า: ประเด็นข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตึกแถวพิพาท 2 ห้อง ค่าเช่าเดือนละ 100 บาทต่อห้องแม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องเดือนละ 6,000 บาท แต่ก็เป็นค่าเสียหายในอนาคตอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ ถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ก็ไม่ชอบ คดีได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานระหว่างพิจารณา: จำเลยต้องโต้แย้งหากไม่เห็นด้วย มิฉะนั้นเสียสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยที่เหลือเพราะไม่มาศาลหลายครั้งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากจำเลยไม่เห็นด้วยก็ต้องแถลงโต้แย้งไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 เมื่อจำเลยไม่แถลงโต้แย้ง จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3723/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี การประวิงคดี และผลกระทบต่อการใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยและทนายจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามที่เจ้าหน้าที่ศาลประกาศเรียก ทางเครื่องขยายเสียง คงมีแต่ทนายโจทก์เข้าห้องพิจารณาฝ่ายเดียว ถ้าหากทนายจำเลยทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนไม่ได้ยินประกาศเรียก จำเลยก็น่าจะเข้าไปในห้องพิจารณาและแถลงให้ศาลทราบ หากการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจในระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยก็ชอบที่จะมาศาลและขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา205วรรคสอง แทนที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้ กลับยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นเพื่อจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา ดังนี้จำเลยมีเจตนาประวิงคดี เมื่อจำเลยไม่เข้าห้องพิจารณาตามเวลานัด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาย่อมเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา สิทธิควรระงับในคดีที่ตนเป็นโจทก์
คู่ความในชั้นบังคับคดีคือโจทก์จำเลยและผู้ร้องต. เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาในคดีและอุทธรณ์ฎีกาในคดีนี้ได้ สิทธิของ ต. มีอยู่อย่างไรควรไปว่ากล่าวกันในคดีที่ ต. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยแม้ ศาลล่างรับวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่ผู้เช่าและเรียกค่าเสียหาย: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท และเรียกค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทนับแต่วันฟ้องอันเป็นค่าเสียหายในอนาคต จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าตามฟ้อง แต่โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 10 ปีด้วยวาจาต่างหากจากสัญญาเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ส่วนค่าเสียหายก็ไม่เท่าที่ฟ้อง ดังนี้ จำเลย มิได้ต่อสู้คดีกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือไม่ได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีเป็นอันยุติไปตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาไม่ชอบด้วย มาตรา 249 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาของลูกหนี้แม้ไม่โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ และอำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการงดสอบพยาน
แม้ลูกหนี้จะมิได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้ ลูกหนี้ก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม
(วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2526)
การที่ศาลจะมีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้นั้นมิได้มีกฎหมายกำหนดให้ศาลจะต้องรอจนกว่าการอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจะถึงที่สุดเสียก่อน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจที่จะให้งดสอบพยานของลูกหนี้ได้ถ้าเห็นว่าประเด็นที่จะขอให้สอบไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และได้ส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนาแล้วแต่ส่งไม่ได้
การที่จะนำพยานหลักฐานใดมาพิจารณาในการทำความเห็นเสนอต่อศาลนั้นเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งอนุญาตรับชำระหนี้ แม้มิได้โต้แย้ง & ดุลพินิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
แม้ลูกหนี้จะมิได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้ ลูกหนี้ก็มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม (วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2526)
การที่ศาลจะมีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้นั้นมิได้มีกฎหมายกำหนดให้ศาลจะต้องรอจนกว่าการอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจะถึงที่สุดเสียก่อน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจที่จะให้งดสอบพยานของลูกหนี้ได้ถ้าเห็นว่าประเด็นที่จะขอให้สอบไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และได้ส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนาแล้วแต่ส่งไม่ได้
การที่จะนำพยานหลักฐานใดมาพิจารณาในการทำความเห็นเสนอต่อศาลนั้นเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายเพื่อใช้ค่าธรรมเนียมศาล เป็นคำสั่งในชั้นบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่วางประกันค่าเสียหายมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งไว้ด้วยอีกว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งรับฎีกาของโจทก์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 โจทก์ขอรับเงินที่วางประกันค่าเสียหายคืน จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินเพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เงินส่วนที่เหลือนี้เป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เพื่อบังคับคดีแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินจำนวนนี้ไปเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดี คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349-1351/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอนุญาตถอนเงินประกันค่าเสียหายในชั้นบังคับคดีเป็นคำสั่งที่อุทธรณ์ฎีกาได้ ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา
เมื่อโจทก์ฟ้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินประกันค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินดังกล่าวมาชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา โดยสั่งด้วยว่าให้เบิกมาปิดฤชากรในคำฟ้องฎีกาได้เมื่อคำสั่งนี้ถึงที่สุดแล้ว และจะสั่งฎีกาของโจทก์ต่อไป เห็นได้ว่ายังมิได้สั่งรับฎีกา จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นกระทำไปในชั้นดำเนินการแทนศาลฎีกาแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งของศาลฎีกา แต่เป็นคำสั่งของศาลชั้นต้นเองโดยตรง คำสั่งดังกล่าวจึงยังไม่ถึงที่สุด คู่ความย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวโจทก์ขอรับเงินประกันค่าเสียหายที่วางศาล จำเลยขอให้ยึดเงินนี้ไว้ แต่ตกลงกันได้ว่าให้โจทก์ถอนเงินได้เพียงเท่าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ส่วนที่เหลือจำเลยอายัดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา จึงเป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ กรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) หรือคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226
of 12