พบผลลัพธ์ทั้งหมด 103 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนและการใช้กำลังตอบโต้
ผู้ตายกับพวกลักโคของนายแดงพ่อตาจำเลย แล้วพาไปในเวลากลางคืน พอติดตามทันผู้ตายได้ใช้ปืนยิงจำเลยก่อน 1 นัด กระสุนปืนไม่ถูกจำเลย ดังนี้ การที่จำเลยได้ใช้มีดพร้าบ้องฟันผู้ตายในเวลาเดียวซ้ำถึง 4 ปี เป็นบาดแผลถึง 5 แห่ง บาดแผลบางแห่งถูกอวัยวะสำคัญ ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกิดสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงป้องกันตัวเกินสมควร, ความผิดเจ้าพนักงาน, การจัดการศพ: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตาย เช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควร และแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบท เมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้ หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบท เมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้เสียชีวิตโดยสำคัญผิดเกินสมควรแก่เหตุ และความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุเมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตายเช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควรและแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบทเมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบทเมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้เสียชีวิตโดยสำคัญผิดเกินสมควรแก่เหตุ และความผิดของเจ้าพนักงานในการสอบสวน
จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุ. เมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย. ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา. จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตาย. เช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควร และแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ. การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ.
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด.
ความผิดตามมาตรา 200ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้. หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท. โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบท. เมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา.
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด.
ความผิดตามมาตรา 200ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้. หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท. โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบท. เมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38-39/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: จำเลยยิงสวนหลังได้ยินเสียงปืนของผู้ตายแล้ว
ผู้ตายเมาสุราส่งเสียงดัง จำเลยตั้งใจจะไปตามตำรวจมาจับ และไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดไว้จะขี่ไป พอปลดเกียร์จะไสรถออก จำเลยได้ยินเสียงแกร๊กหันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 4 วา ในมือผู้ตายถือปืนจ้องมาทางจำเลย ดังนี้ เรียกได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงจำต้องใช้ปืนยิงไปเพื่อป้องกันสิทธิแห่งชีวิตตน หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยินเสียงดังเฉียะ จึงยิงสวนไปนัดหนึ่ง แล้วก็มิได้มีเสียงปืนของผู้ตายดังอีก แต่จำเลยยังยิงไปอีก 4 - 5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุที่จะป้องกันตามนัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นเหตุต่างกัน
การกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ กับการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบความผิดต่างกัน กล่าวคือ หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ไม่เข้าองค์ประกอบของอีกอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ กับบันดาลโทสะ: องค์ประกอบความผิดที่แตกต่างกัน
การกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ กับการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบความผิดต่างกันกล่าวคือ หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ไม่เข้าองค์ประกอบของอีกอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุหลังถูกยิงก่อน: การยิงซ้ำหลังล้มลง
ผู้ตายยิงจำเลยก่อนแต่ไม่ถูก ขณะที่ผู้ตายกำลังเอี้ยวตัวหักลำปืนจำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลง จำเลยยิงซ้ำอีก 2 นัด เพราะกลัวผู้ตายจะไม่ตาย เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาป้องกันทรัพย์สินเกินสมควร การกระทำโดยเจตนาต่อบุคคลอื่นที่ได้รับผลร้าย
จำเลยเป็นภารโรงมีหน้าที่เฝ้าโรงเรียนได้มีคนร้ายมางัดแงะโรงเรียนซึ่งเก็บของที่มีค่าในเวลาที่จำเลยไม่อยู่
ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับและใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียนกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้ายแต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้นการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับและใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียนกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้ายแต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้นการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันภัยคุกคาม และเจตนา
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายเป็นน้องสาวจำเลย จำเลยพูดสั่งสอนผู้ตาย ผู้ตายโกรธและโดดเข้าไปจะทำร้ายจำเลยโดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จำเลยคว้าได้มีดและแทงไป 1 ที ถูกผู้ตายที่ซอกคอ แผลลึก 3 นิ้วครึ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจจะวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันกับผู้ตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ