พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ - เจ้าของรถไม่รู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ - สิทธิในการรับคืนรถ
ผู้ร้องกับจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่คนละอำเภอต่างจังหวัดกัน ผู้ร้องย่อมไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยเอารถจักรยานยนต์ของกลาง ไปกระทำผิดเมื่อใด และที่พยานผู้ร้องเบิกความว่า หากจำเลยนำ ค่าเช่าซื้อมาชำระก็จะรับและให้เช่าซื้อต่อไปก็เป็นเรื่องที่ ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญาแม้จำเลยจะนำรถไปกระทำความผิด เท่านั้นกรณีไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ของจำเลย ต้องคืนรถของกลางแก่ผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในฐานะเจ้าของรถและผู้ขับขี่ประมาท การขาดประโยชน์จากการใช้รถ และประเด็นฎีกานอกประเด็น
เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกชนได้รับความเสียหายต้องเข้าซ่อมช่วงเวลาที่เสียไประหว่างซ่อมถือได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์แล้วตั้งแต่บัดนั้น ส่วนที่โจทก์เช่ารถยนต์ของบุคคลอื่นมาวิ่งรับส่งคนโดยสารแทนรถยนต์ของโจทก์และต้องเสียค่าเช่านั้น เป็นเพียงเพื่อบรรเทาค่าขาดประโยชน์ที่ต้องสูญเสียไปลงบ้างเท่านั้น จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นว่า บ. เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุหรือไม่ แต่กำหนดประเด็นว่า ส. เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของ บ. หรือไม่เท่านั้น ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า บ. ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุจึงเป็นฎีกานอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3951/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมของเจ้าของรถและผู้ขับขี่ในกรณีละเมิดจากการเดินรถโดยสารประจำทาง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของบริษัท ธ. และขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ธ. ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 3 ในกิจการเดิน รถยนต์โดยสารประจำทางดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนในการขับรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวในกิจการเดินรถร่วมบริการของจำเลยที่ 3ด้วย แม้โจทก์ได้กล่าวในฟ้องให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะมีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 3 ก็เข้าใจข้อหาดี เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุชนโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส เป็นการละเมิดต้องถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ดังนี้ จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ถูกกระทำละเมิดต้องได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 21 วัน ยังไม่หาย ต้องทนทุกขเวทนา ขาข้างขวาใช้การได้ไม่ปกติดังเดิม โจทก์ต้องเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 446.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและการขอคืนของกลาง: เจ้าของรถมีสิทธิขอคืนแม้มีข้อตกลงรับผิดชอบค่าเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อที่ระบุว่า ในระหว่างที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดรถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหายหรือสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆผู้เช่าซื้อตกลงยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วน นั้น มิได้มีความหมายถึงขนาดว่าผู้ให้เช่าซื้อเล็งเห็นผลว่า ผู้เช่าซื้อจะนำรถยนต์ไปกระทำความผิดอันจะฟังว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และการขอคืนของกลางก็เป็นสิทธิที่ผู้ให้เช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงจะร้องขอคืนได้แม้ว่าจะมีข้อสัญญาให้ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจนครบถ้วนดังกล่าวแล้วก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้างผู้ขับรถ และขอบเขตค่าเสียหายที่ชดใช้ได้
จำเลยที่ 1 ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นเจ้าของรถบรรทุกมี ส. เป็นผู้ขับ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่พยานจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่นายจ้างของ ส.แต่คนขับรถเป็นค. คดีจึงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถบรรทุก และลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดด้วย แม้ว่าคนขับจะเป็น ส.หรือค. ก็ตาม โจทก์เช่ารถโดยสารมาและถูกรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ชน โจทก์ได้ซ่อมรถโดยสารตามสัญญาเช่า โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวและค่าขาดรายได้ของรถยนต์โดยสารในระหว่างซ่อมจากจำเลยที่ 1 ได้ ค่าเช่ารถในระหว่างซ่อมรถ โจทก์จะต้องจ่ายแก่ผู้ให้เช่าเป็นเงินลงทุนของโจทก์ที่จะทำให้เกิดรายได้ขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุละเมิดเกิดขึ้นหรือไม่ โจทก์ก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว ค่าเช่ารถจึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์คดีขนส่งทางบก: เจ้าของรถไม่ต้องรับผิดหากไม่รู้เห็นการกระทำผิด
สาระสำคัญของการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522อยู่ที่จำเลยใช้รถผิดประเภท และใช้รถยนต์โดยสารแล่นทับเส้นทางสัมปทานของผู้อื่น อันเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต รถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ การที่ศาลชั้นต้นริบจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง จึงต้องคืนแก่ผู้ร้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะมิได้ฎีกาแต่ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง, 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์จากการกระทำความผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก: เจ้าของรถไม่รู้เห็นเป็นใจ ไม่ต้องริบ
สาระสำคัญของการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 อยู่ที่จำเลยใช้รถผิดประเภท และใช้รถยนต์โดยสารแล่นทับเส้นทางสัมปทานของผู้อื่น อันเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตรถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบการที่ศาลชั้นต้นริบจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง จึงต้องคืนแก่ผู้ร้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะมิได้ฎีกาแต่ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง,225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4564/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับความรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายของผู้เป็นเจ้าของรถ ถือเป็นการยอมรับว่าผู้ขับขี่เป็นลูกจ้าง
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมาแต่ต้น แต่กลับตั้งตัวแทนมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ดุจะเป็นการกระทำของลูกจ้างของตน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งขับชนรถยนต์ของโจทก์นั้นเป็นลูกจ้างและปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามที่ได้แสดงออกมานั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4502/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของรถที่ทำสัญญาขนส่งและรับผิดชอบความเสียหายสินค้า: กรณีมีสัญญาจ้างขนส่งและผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบความเสียหาย
โจทก์นำรถยนต์ของโจทก์เข้าร่วมกิจการขนส่งบรรทุกสินค้าอยู่กับบริษัท ป. จำกัด โดยได้รับค่าจ้างเป็นเที่ยว และโจทก์จะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่จะถึงเกิดขึ้นแก่สินค้าที่บรรทุกทุกกรณีโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องผู้ที่กระทำละเมิดเกี่ยวกับรถยนต์ของโจทก์ที่บรรทุกสินค้าในนามของบริษัท ป. จำกัด ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3147/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันจากการกระทำละเมิดของตัวแทนและเจ้าของรถ กรณีรถแท็กซี่ที่ใช้ในนามสหกรณ์
รถแท็กซี่เป็นของจำเลยที่ 2 นำมาใช้วิ่งในนามของสหกรณ์จำเลยที่ 3 โดยเสียค่าบำรุงเป็นรายเดือนให้จำเลยที่ 3 ทั้งมีตราของจำเลยที่ 3 อยู่ที่ประตูรถ คนทั่วไปที่พบเห็นรถคันดังกล่าวต้องเข้าใจว่าเป็นรถของจำเลยที่ 3 เท่ากับจำเลยที่ 3 เชิดให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนขับเป็นตัวแทนในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารจำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ก็มีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในรถคัน ดังกล่าวถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 เช่นกัน.