พบผลลัพธ์ทั้งหมด 99 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความให้ข้อมูลเท็จในคดีเลิกบริษัท ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท
จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีที่ ซ. กับพวกยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทน.เพื่อสนับสนุนให้เห็นว่าบริษัทน.ประสบภาวะขาดทุนเพราะการบริหารงานของบริษัทหละหลวมไม่เป็นระเบียบ กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทไม่สุจริต และกรรมการบริหารของบริษัททุจริตทำให้การดำเนินงานของบริษัทไม่มีโอกาสจะฟื้นตัวเป็นการยืนยันว่าโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท น.ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทโดยสุจริต และกระทำการทุจริตเป็นเหตุให้บริษัทขาดทุน จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวในฐานะพยาน มิใช่คู่ความ จำเลยมิได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบริษัทน.อันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งบริษัทน.ก็เป็นบริษัทเอกชน มิใช่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณะ จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานเอกสารและการเบิกความรับรองความถูกต้องของเอกสารในการพิสูจน์การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม
การที่จำเลยไม่อาจนำต้นฉบับเอกสารของทางราชการมาแสดง แต่มีสำเนาเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบมาเบิกความรับรองความมีอยู่และถูกต้องของเอกสารดังกล่าว จึงเพียงพอที่จะรับฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้ว่าเจ้ามรดกได้จดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมจริง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4876-4878/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่เบิกความต่อสู้คดี ถือเป็นการกล่าวแก้กรรมสิทธิ์ได้หรือไม่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่ได้อ้างตนเองเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์นั้นเป็นเรื่องสิทธิของจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การพึงกระทำได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 199วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันมีเจตนารมณ์เพื่อให้จำเลยมีโอกาสอ้างตนเองเป็นพยานเพื่อเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เพราะจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4177/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความโดยอ้างเอกสารที่รับรองแล้ว ไม่ถือว่าเสียเปรียบ หากศาลตรวจสอบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 113 บัญญัติห้ามมิให้พยานเบิกความโดยอ่านจากข้อความที่เขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลหรือเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็โดยมีเจตนารมณ์เพื่อไม่ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบในเชิงคดี การที่พยานเบิกความถึงตัวเลขตามที่พยานจดมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรากฏในเอกสารที่พยานเบิกความรับรองส่งอ้างเป็นพยานต่อศาลอยู่แล้ว และศาลก็พิจารณาตัวเลขจากเอกสารเองได้จึงไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบในเชิงคดี และการที่ศาลชั้นต้นจดข้อความตามที่พยานอ่านข้อความที่จดมาเกี่ยวกับตัวเลข โดยไม่มีการทักท้วงถือได้ว่าพยานได้รับอนุญาตจากศาลให้อ่านข้อความที่จดมาได้โดยปริยายแล้ว ศาลจึงรับฟังข้อที่พยานเบิกความโดยอ่านข้อความที่จดมานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4177/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความโดยอ้างเอกสารที่รับรองแล้ว ไม่ถือเป็นการเสียเปรียบ และการอนุญาตโดยปริยาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 113 บัญญัติห้ามมิให้พยานเบิกความโดยอ่านจากข้อความที่เขียนมา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลหรือเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ก็โดยมีเจตนารมณ์เพื่อไม่ให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบในเชิงคดี การที่พยานเบิกความถึงตัวเลขตามที่พยานจดมาซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรากฏในเอกสารที่พยานเบิกความรับรองส่งอ้างเป็นพยานต่อศาลอยู่แล้ว และศาลก็พิจารณาตัวเลขจากเอกสารเองได้ จึงไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบในเชิงคดี และการที่ศาลชั้นต้นจดข้อความตามที่พยานอ่านข้อความที่จดมาเกี่ยวกับตัวเลขโดยไม่มีการทักท้วงถือได้ว่าพยานได้รับอนุญาตจากศาลให้อ่านข้อความที่จดมาได้โดยปริยายแล้ว ศาลจึงรับฟังข้อที่พยานเบิกความโดยอ่านข้อความที่จดมานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4084/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การในการเบิกความพยาน และการดำเนินการของศาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยไม่ได้แถลงข้อความอะไรเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยหาจำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลย ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลและศาลไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ สาบานตนให้การเป็นพยานเองได้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบเฉพาะที่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน จึงเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบไม่ได้ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐานแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมาก็ตาม ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบนั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วย มาตรา 247
ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบเรื่องมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง เมื่อศาลมีหมายแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ไปให้ทราบการขอยื่นคำให้การของจำเลย จึงเป็นการร้องขอเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วก่อนมีคำพิพากษา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยอ้างต่อศาลว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อเริ่มต้นสืบพยานหรือแจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ชอบ
ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบเรื่องมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง เมื่อศาลมีหมายแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ไปให้ทราบการขอยื่นคำให้การของจำเลย จึงเป็นการร้องขอเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วก่อนมีคำพิพากษา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยอ้างต่อศาลว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อเริ่มต้นสืบพยานหรือแจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความในคดีอาญาเพื่อประโยชน์ตนเอง หากมีเหตุเชื่อได้ถึงความสัมพันธ์พิเศษ ย่อมไม่เป็นละเมิด
โจทก์แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นภริยาของ พ.ดังนั้นเมื่อจำเลยบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้ว พ. ร้องขัดทรัพย์ว่าเป็นของตน จำเลยจึงฟ้องโจทก์กับ พ. เป็นคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความว่า "โจทก์เป็นภริยาลับ พ.อยู่กินกันอย่างไม่เปิดเผยนานๆ ไปมาหาสู่กันครั้ง" คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยเอง และเป็นการกระทำไปโดยสุจริต จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความต่อศาลเพื่อประโยชน์คดีตนเอง ไม่เป็นการละเมิด แม้ข้อความนั้นจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นได้
โจทก์แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นภริยาของ พ. ดังนั้นเมื่อจำเลยบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้ว พ. ร้องขัดทรัพย์ว่าเป็นของตน จำเลยจึงฟ้องโจทก์กับ พ. เป็นคดีอาญาข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความว่า "โจทก์เป็นภริยาลับ พ.อยู่กินกันอย่างไม่เปิดเผยนานๆ ไปมาหาสู่กันครั้ง"คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นถ้อยคำของคู่ความในกระบวนพิจารณาในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของจำเลยเอง และเป็นการกระทำไปโดยสุจริต จึงไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องวันเดือนปีในเช็คสำคัญต่อการฟ้องร้องคดีเช็ค การเบิกความลอยๆ ไม่เพียงพอ
จำเลยลงชื่อประทับตราห้างเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบแก่โจทก์ขณะส่งมอบยังไม่มีวันเดือนปีกรอกลงไว้ ดังนี้จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ: การเบิกความยืนยันของตัวแทนเพียงพอรับฟังได้ แม้ผู้มอบอำนาจมิได้เบิกความ
เมื่อผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเบิกความยืนยันว่า หนังสือมอบอำนาจมีลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงชื่อแทนและประทับตราสำคัญของนิติบุคคลถูกต้อง แม้ผู้มอบอำนาจมิได้มาเบิกความ ก็เพียงพอให้รับฟังว่าได้มีการมอบอำนาจกันจริง