พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับสารภาพต่อศาลเพื่อจำนนพยาน ไม่เป็นเหตุลดโทษประหารชีวิต
รับสารภาพต่อศาลเพราะจำนนพยาน ไม่เป็นเหตุลดโทษประหารชีวิต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบตัวหลังเกิดเหตุและการปฏิเสธฐานที่อยู่ ไม่เป็นเหตุลุแก่โทษ
จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานหลังเกิดเหตุ 2 เดือนต่อสู้คดีปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ ไม่เป็นการลุแก่โทษตาม มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2080/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า: การใช้อาวุธปืนที่ไม่บรรลุผลจากความบกพร่องของอาวุธ vs. ความไม่สามารถบรรลุผลโดยสิ้นเชิง
จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนพร้อมยิงเจ้าพนักงานตำรวจในระยะกระชั้นชิด 3 นัด แต่กระสุนปืนไม่ลั่น มีรอยตำหนิที่จานท้ายกระสุนปืนซึ่งเกิดจากเข็มแทงชนวนของอาวุธปืนกระทบ เช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาคดีใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำพิพากษาชัดเจน
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่จะต้องกล่าวซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งทั้ง 2 ประการ
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไม่มีโอกาสต่อสู้คดี เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหรือทราบว่าถูกฟ้องมาก่อน จึงให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดี เพราะจำเลยไม่ทางชนะ เนื่องจกาจำเลยอยู่ในอาคารพิพาทด้วยการเช่าซื้อจากโจทก์และชำระเงินไปมากแล้วนั้น ดังนี้ คำร้องของจำเลยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่ได้รับหมายเรียก ฯลฯ จึงทำให้ไม่ทราบว่าถูกฟ้องอันเป็นเหตุให้ขาดนัด และคำร้องที่ว่าได้อยู่ในอาคารพิพาทด้วยการเช่าซื้อจากโจทก์และชำระเงินไปมากแล้วนั้น ไม่มีข้อความตอนใดคัดค้านคำพิพากษาของศาลว่า ได้วินิจฉัยคดีไปไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องตามด้วยเหตุผลประการใด หากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว จะเป็นเหตุให้ตนชนะคดีได้อย่างไรบ้าง คำร้องของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวว่า จำเลยไม่มีโอกาสต่อสู้คดี เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหรือทราบว่าถูกฟ้องมาก่อน จึงให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดี เพราะจำเลยไม่ทางชนะ เนื่องจกาจำเลยอยู่ในอาคารพิพาทด้วยการเช่าซื้อจากโจทก์และชำระเงินไปมากแล้วนั้น ดังนี้ คำร้องของจำเลยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่ได้รับหมายเรียก ฯลฯ จึงทำให้ไม่ทราบว่าถูกฟ้องอันเป็นเหตุให้ขาดนัด และคำร้องที่ว่าได้อยู่ในอาคารพิพาทด้วยการเช่าซื้อจากโจทก์และชำระเงินไปมากแล้วนั้น ไม่มีข้อความตอนใดคัดค้านคำพิพากษาของศาลว่า ได้วินิจฉัยคดีไปไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องตามด้วยเหตุผลประการใด หากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว จะเป็นเหตุให้ตนชนะคดีได้อย่างไรบ้าง คำร้องของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน: โทสะพลุ่งพล่านเฉพาะหน้า
จำเลยจะไปตัดไม้ไผ่ ผู้ตายห้าม เกิดทะเลาะกัน จำเลยจึงกลับไปเอาปืนจากบ้านมาพบผู้ตายอีก แต่มิได้ยิงผู้ตายในทันที ได้พูดกับผู้ตายเรื่องไม้ไผ่ ว่าเขายกให้มึงหรือ และยังพูดต่อไปอีก 2-3 คำ รูปคดียังไม่ชี้ชัดลงไปว่า จำเลยมาพบผู้ตายเพื่อจะใช้ปืนยิงให้ตาย การที่กลับเปลี่ยนใจใช้ปืนยิงในภายหลังน่าจะเป็นเพราะผู้ตายเฉยไม่ยอมพูดทำความเข้าใจกับจำเลย ทำให้เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าแล้วยิงผู้ตายในขณะนั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้กระทำผิดได้ตามมาตรา 72
ผู้ตายวิ่งไล่น้องสาวจำเลยเพื่อจะข่มขืนจนมาถึงเรือนจำเลย แล้วร้องด่าท้าทายขู่เข็ญข้างนอกเรือนจำเลยอยู่ตลอดเวลา จนจำเลยระงับโทสะไม่อยู่ คว้ามีดพร้าลงจากเรือนไล่ตามหลังผู้ตายไปทันในระยะทางประมาณ 8 เส้น และฟันผู้ตายตรงนั้นเช่นนี้ นับว่าเป็นพฤติการณ์ถึงขนาดอันถึอได้ว่าเป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และเป็นการกระทำลงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: การแย่งกระทอไก่และการใช้ไม้ป้องกันตัวเป็นเหตุชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายกับจำเลยแย่งกระทอไก่กัน จำเลยหนุ่มกว่า ผู้ตายแย่งสู้ไม่ได้จึงใช้ไม้ตีจำเลยก่อนถูกศีรษะ 1 ที จำเลยแย่งไม้จากผู้ตายได้แล้วใช้ไม้นั้นตีศีรษะผู้ตาย 1 ที การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: ภยันตรายใกล้ถึง การกระทำพอสมควรแก่เหตุ และขอบเขตการป้องกันสิทธิ
ขณะเกิดเหตุผู้ตายเรียกจำเลยไปหา กล่าวหาว่าจำเลยขัดขวางผู้ตายและพูดเป็นทำนองจะฆ่าจำเลย พร้อมทั้งชักปืนจะยิงจำเลยก่อนในระยะใกล้เพียง 2 ศอก จำเลยจึงยิงโต้ตอบผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน
การทะเลาะกันด้วยวาจาแล้วฝ่ายหนึ่งทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งถ้าฝ่ายที่ถูกทำร้ายมิได้สมัครใจทำร้ายโต้ตอบด้วย ฝ่ายที่ถูกทำร้ายย่อมป้องกันสิทธิของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเพียงทะเลาะกันด้วยวาจาไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยชอบ ต่อเมื่อฝ่ายหลังสมัครใจทำร้ายโต้ตอบ จึงจะเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจซึ่งกันและกันอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายด้วยกันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง เมื่อผู้ตายชักปืนจะยิงจำเลย จำเลยกระโดดหนีไปข้างหลังผู้ตายในระยะใกล้ เห็นได้ว่าจำเลยยังไม่พ้นภยันตรายที่จะถูกผู้ตายยิง ในเวลาฉุกละหุกเช่นนี้จำเลยย่อมตัดสินใจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตามควรแก่กรณีโดยไม่จำต้องวิ่งหนี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุกรณีเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้กระทำไม่มีความผิด
การทะเลาะกันด้วยวาจาแล้วฝ่ายหนึ่งทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งถ้าฝ่ายที่ถูกทำร้ายมิได้สมัครใจทำร้ายโต้ตอบด้วย ฝ่ายที่ถูกทำร้ายย่อมป้องกันสิทธิของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเพียงทะเลาะกันด้วยวาจาไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งทำร้ายร่างกายหรือชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยชอบ ต่อเมื่อฝ่ายหลังสมัครใจทำร้ายโต้ตอบ จึงจะเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างสมัครใจซึ่งกันและกันอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายด้วยกันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง เมื่อผู้ตายชักปืนจะยิงจำเลย จำเลยกระโดดหนีไปข้างหลังผู้ตายในระยะใกล้ เห็นได้ว่าจำเลยยังไม่พ้นภยันตรายที่จะถูกผู้ตายยิง ในเวลาฉุกละหุกเช่นนี้จำเลยย่อมตัดสินใจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ตามควรแก่กรณีโดยไม่จำต้องวิ่งหนี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุกรณีเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งผู้กระทำไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นเหตุต่างกัน
การกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ กับการกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบความผิดต่างกัน กล่าวคือ หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ไม่เข้าองค์ประกอบของอีกอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องมีเหตุอันตรายใกล้จะถึงตัว หากเตรียมปืนก่อนยิงถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันตัว
จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลยวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พูดกันถึงเรื่องที่กระบือหาย แล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้วพอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที พฤติการณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288