คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุบรรเทาโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือของกลางและเหตุบรรเทาโทษจากพฤติการณ์มอบตัวในคดีหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่า เรือของกลางมีระวางบรรทุกไม่เกิน250 ตัน ใช้ในการขนยางของกลางที่ยังมิได้เสียค่าภาษี และยางเป็นของที่ต้องจำกัด ศาลสั่งริบเรือของกลางได้ โจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องว่าเรือของกลางมีระวางบรรทุกเท่าใดไม่ เพราะไม่ใช่องค์ประกอบของความผิด
พนักงานศุลกากรยึดเรือและยางของกลางได้โดยไม่มีตัวผู้ต้องหา ไม่มีพยานโจทก์คนใดรู้ตัวผู้กระทำผิด จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานถึง 2 ครั้ง แม้จำเลยให้การต่อสู้คดีตลอดมาก็ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ศาลลดโทษให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: เหตุบรรเทาโทษ, การเรียงกระทง, และผลของการนำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็ค
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 196 บัญญัติถึงกรณีที่ให้คดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเป็นอันเลิกกันได้ไม่ได้บัญญัติในเรื่องเหตุบรรเทาโทษไว้เป็นพิเศษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยเว้นแต่ กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นศาลจึงนำเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรืออีกนัยหนึ่งโจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตามเมื่อตามฟ้องของโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามบทบัญญัติมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ 30 ตุลาคม 2519ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2519 โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียก เก็บเงินเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็คจึงไม่อาจ อ้างได้ว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายในวันออกเช็คการกระทำของจำเลยเกี่ยวกับเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบตัวและให้การยอมรับผิดของผู้ต้องหาเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ แม้จะมีบาดแผลแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้
จำเลยที่ 1 ถูกกระสุนปืนของเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถเดินไปไหนได้ จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและให้การชั้นสอบสวนยอมรับว่า ได้ขึ้นไปและถูกยิงบนบ้านที่เกิดเหตุ ดังนี้ เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ซึ่งนับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะลดโทษให้จำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นเหตุบรรเทาโทษ แม้พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอ
จำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเพราะถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนจำเลยให้การปฏิเสธชั้นสอบสวนและชั้นศาล เป็นเหตุบรรเทาโทษลดลงหนึ่งในสามตาม มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกันตนเอง และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนของผู้อพยพ: ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นทหารจีนคณะชาติกองพลที่ 93 ซึ่งตกค้างอยู่บริเวณชายแดนไทย แล้วอพยพเข้ามาและอยู่ในความควบคุมของ บก.04(กองอำนวยการควบคุมและพัฒนาอาชีพผู้อพยพกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่) ทาง บก.04 จ่ายอาวุธปืน ปสบ.87 ของกลาง ซึ่งเป็นอาวุธปืนของราชการทหารใช้เฉพาะแต่ในการสงครามให้แก่กองพล93 ไว้ แล้วผู้บังคับบัญชาทางทหารของจำเลยจ่ายอาวุธปืนดังกล่าวนั้นให้จำเลย ดังนี้ จำเลยมิใช่ทหารของประเทศไทย เป็นแต่ผู้อพยพซึ่งอยู่ในความควบคุมของบก.04 จึงไม่มีสิทธิครอบครองได้อย่างทหาร เมื่อจำเลยมีไว้ในความครอบครองจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อาวุธปืนของเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุมผู้ต้องสงสัยเกินสมควรแก่เหตุ และเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานวัด ได้เข้าไปจับกุม น. เพราะมีคนมาแจ้งว่ามีอาวุธปืนและกำลังจะก่อเหตุร้ายในวงรำวง น. สลัดหลุดจนจำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้นได้ก็ใช้ปืนยิงไปทาง น. ซึ่งกำลังวิ่งหนี โดย น.มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน กระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูก ส.ซึ่งอยู่ใกล้วงรำวงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้วิธีที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับหรือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า ส. โดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนับได้ว่าเป็นการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย โดยจำเลยมิได้มีสาเหตุส่วนตัวกับ น. หรือผู้ตาย ความผิดของจำเลยเห็นได้ว่าเกิดจากการใช้วิธีการที่เกินสมควรแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุม น. ด้วยการตัดสินใจผิดในขณะที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เข้าลักษณะในเหตุอื่นอันเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงสมควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจเกินสมควรในการจับกุม และเหตุบรรเทาโทษทางอาญา
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานวัด ได้เข้าไปจับกุม น. เพราะมีคนมาแจ้งว่ามีอาวุธปืนและกำลังจะก่อเหตุร้ายในวงรำวง น. สลัดหลุดจนจำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้นได้ก็ใช้ปืนยิงไปทาง น. ซึ่งกำลังวิ่งหนี โดย น. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน กระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูก ส.ซึ่งอยู่ใกล้วงรำวงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้วิธีที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับหรือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า ส. โดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60แต่การกระทำของจำเลยนับได้ว่าเป็นการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย โดยจำเลยมิได้มีสาเหตุส่วนตัวกับ น. หรือผู้ตาย ความผิดของจำเลยเห็นได้ว่าเกิดจากการใช้วิธีการที่เกินสมควรแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุม น. ด้วยการตัดสินใจผิดในขณะที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เข้าลักษณะในเหตุอื่นอันเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงสมควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงน้ำใจ: การพิจารณาโทษจำคุกคดีฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายเคยลวนลามภรรยาจำเลยมาแล้วครั้งหนึ่ง วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากเก็บถั่วขึ้นไปห้างไร่ของจำเลย เห็นผู้ตายกำลังกอดรั้งตัวภรรยาจำเลยอยู่ จำเลยเกิดโทสะพอจำเลยร้องว่าผู้ตาย ผู้ตายก็ผละออกกระโดดหนีลงจากห้างไร่จำเลยคว้าได้ปืนยาวที่พิงไว้ข้างฝาลงบันไดตามไปยิงผู้ตายที่พื้นดิน ซึ่งขณะนั้นเดินออกไปห่างจากห้างไร่ 3 วากระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำเบิกความของจำเลยที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีและเหตุบรรเทาโทษในคดีพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายได้ความว่าผู้เสียหายกับจำเลยโต้เถียงกันและชกต่อยกันแล้วต่างแยกกันมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายและพยานโจทก์อีก 2 คนเบิกความเพียงว่า ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ไม่มีผู้ใดว่าเห็นจำเลยเป็นคนยิงปืน มีแต่ผู้เสียหายคนเดียวว่าเมื่อปืนดังขึ้นแล้ว หันไปดู เห็นจำเลยถือปืนสั้นอยู่ในมือ ส่วนพยานโจทก์อีก 2 คนนั้นไม่ได้เบิกความว่าเห็นเช่นนี้ด้วย ฉะนั้น การที่จำเลยเบิกความรับว่าจำเลยกับผู้เสียหายชกต่อยกันแล้วจำเลยยิงปืน กระสุนปืนถูกผู้เสียหาย ดังนี้ เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ให้รับฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยยิงผู้เสียหาย นับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ
of 8