พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและทรัพย์สิน: เหตุแห่งความจำเป็นและสมควรแก่เหตุ
อย่างไรเรียกว่าป้องกันทรัพย์แลชีวิตพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันการถูกทำร้าย
ป้องกัน จำเลยถือดาพไล่เขาไป เขาแทงเอาจำเลยจึงฟันเขาตายดังนี้ เรียกว่าจำเลยทำโดยป้องกันไม่มีผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจากการถูกคุกคามและทำร้าย
ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6594/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การยิงตอบโต้เพื่อป้องกันภยันตรายจากการถูกยิงก่อนหน้า
จำเลยที่ 3 ขับรถกระบะพาจำเลยที่ 2 มาตามหาผู้เสียหายในเวลาค่ำคืน แล้วใช้อาวุธปืนยิงบริเวณท้ายซอยห่างจากบ้านของผู้เสียหายและจำเลยที่ 1 ประมาณ 500 เมตร 1 นัด และยังใช้อาวุธปืนยิงบริเวณข้างบ้านจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ใกล้บ้านผู้เสียหายและบ้านจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่า ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ แต่เป็นการกระทำโดยไม่มีเหตุสมควรอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย การที่จำเลยที่ 1 กลับไปเอาอาวุธปืนลูกซองยาวของบิดาแล้วไปหลบซ่อนตัวกับผู้เสียหาย จะถือว่าจำเลยที่ 1 สมัครใจทะเลาะวิวาทกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 หาได้ไม่ เพราะบริเวณที่จำเลยที่ 1 และผู้เสียหายหลบซ่อนตัว อยู่บริเวณข้างบ้านจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความจำเป็นที่จำเลยที่ 1 จะหลบหนีไปที่ใด และมีสิทธิที่จะกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนหากมีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ แม้ขณะที่จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงในครั้งหลัง จำเลยที่ 2 จะไม่ทราบว่าผู้เสียหายและจำเลยที่ 1 หลบซ่อนบริเวณใด แต่ตามพฤติการณ์ที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงถึงสองครั้งพร้อมทั้งท้าทายให้ผู้เสียหายออกมา ย่อมมีเหตุให้จำเลยที่ 1 เข้าใจได้ว่าหากจำเลยที่ 2 เห็นจำเลยที่ 1 และผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 อาจใช้อาวุธปืนยิงบริเวณที่จำเลยที่ 1 และผู้เสียหายหลบซ่อนก็ได้ จึงถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงไปทางจำเลยที่ 2 ทันทีหลังจากที่จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิงในครั้งหลัง ถือได้ว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมายและพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2812/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเหตุป้องกันในคดีฆ่าผู้อื่น ศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา โจทก์ฎีกาแต่ถูกยกคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ อันถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 68 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 โดยวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยมิได้กระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนตาม ป.อ. มาตรา 288 โดยเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยอ้างว่าการกระทำของจำเลยมิได้เป็นการกระทำเพื่อป้องกันอีกไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีทำร้ายร่างกาย: ประเด็นพยานหลักฐานและความชอบด้วยกฎหมายในการอ้างเหตุป้องกัน
จำเลยอุทธรณ์เพียงประเด็นเดียวว่า พยานโจทก์เห็นและจำจำเลยได้ว่าเป็นคนร้ายที่ใช้ขวานฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 หรือไม่ มิได้อุทธรณ์ประเด็นที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์โดยให้เหตุผลในการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้งห้าปากเห็นเหตุการณ์ขณะที่จำเลยใช้ขวานฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จริงในขณะเกิดเหตุ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะวินิจฉัยไว้ด้วยว่า ที่จำเลยนำสืบว่า กลุ่มผู้เสียหายก่อเรื่องก่อน จำเลยจึงใช้ไม้ป้องกันตัวนั้น เห็นว่า เป็นเรื่องสมัครใจทะเลาะวิวาทกัน จำเลยจึงไม่สามารถอ้างเหตุป้องกันได้ ก็เป็นการวินิจฉัยตามข้อนำสืบต่อสู้ของจำเลยเท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 186 (6) แล้ว