พบผลลัพธ์ทั้งหมด 84 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (กระบือและเกวียน) ที่ใช้ในการกระทำความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป
จำเลยมีความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองและข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ใช้กระบือและเกวียนชักลากไม้จากป่านำไปเก็บไว้ที่บ้าน ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ใช้กระบือและเกวียนเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด จึงเป็นของต้องริบ (เทียบฎีกาที่ 784/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นองค์ประกอบความผิด การพิสูจน์ข้อเท็จจริงสำคัญ
เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าท้องที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าท้องที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้ต้องได้รับอนุญาต แม้ปริมาณน้อย กฎหมายแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับการมีไม้แปรรูป
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิด แม้มีปริมาณน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีอนุญาต
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้ต้องได้รับอนุญาต แม้ปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ยกเว้นกรณีมีไม้แปรรูป
กฎหมายป่าไม้บัญญัติแยกความผิดฐานแปรรูปไม้กับมีไม้แปรรูปไว้ต่างหากจากกัน. กล่าวคือ การแปรรูปไม้ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเนื้อไม้เท่าใดก็ตาม หากมิได้รับอนุญาตแล้วย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น. เว้นแต่จะเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา 50 เพราะกฎหมายมิได้บัญญัติยกเว้นไว้อย่างกรณีมีไม้แปรรูปซึ่งหากมีจำนวนไม่เกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ไม่จำต้องขอรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเครื่องมือแปรรูปไม้ยังไม่ถือเป็นโรงงานแปรรูปไม้ หากไม่มีการแปรรูปจริง
ข้อเท็จจริงเพียงว่า จำเลยมีเครื่องมือประกอบประตูหน้าต่างไว้เพื่อประกอบประตูหน้าต่างในสถานที่ของจำเลย หากแต่จำเลยมิได้แปรรูปไม้ ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานมีโรงงานแปรรูปไม้ตามนัย มาตรา 4(13) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเครื่องมือแปรรูปไม้ยังไม่ถือเป็นโรงงานแปรรูปไม้ หากมิได้มีการแปรรูปไม้จริง
ข้อเท็จจริงเพียงว่า จำเลยมีเครื่องมือประกอบประตูหน้าต่างไว้เพื่อประกอบประตูหน้าต่างในสถานที่ของจำเลย หากแต่จำเลยมิได้แปรรูปไม้ ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานมีโรงงานแปรรูปไม้ตามนัย มาตรา 4(13) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเครื่องมือแปรรูปไม้ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรงงานแปรรูปไม้ หากยังไม่ได้มีการแปรรูปไม้จริง
ข้อเท็จจริงเพียงว่า จำเลยมีเครื่องมือประกอบประตูหน้าต่างไว้เพื่อประกอบประตูหน้าต่างในสถานที่ของจำเลย. หากแต่จำเลยมิได้แปรรูปไม้ ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานมีโรงงานแปรรูปไม้ตามนัย มาตรา 4(13) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เขตควบคุมการแปรรูปไม้: จำเลยปฏิเสธ, โจทก์มิได้นำสืบประกาศ, ศาลยกฟ้อง
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปและครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ แม้ได้รับอนุญาตทำไม้แล้ว ก็ต้องขออนุญาตแปรรูปอีก
ไม้ซึ่งแต่แรกจำเลยได้รับอนุญาตให้ทำ และมีไว้โดยชอบนั้น ถ้าจำเลยจะมีไม้นั้นซึ่งได้แปรรูปแล้วไว้ในครอบครองต่อไป จำเลยก็ต้องได้รับอนุญาตอีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้นเป็นผิดตามาตรา 48 การถากซ้อมไม้นั้นเป็น+ โดยไม่ได้ขออนุญาตไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 50(1) จำเลยจึงมีความผิดฐานแปรรูปไม้ตามมาตรา 48 ด้วย และไม้นั้นเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ต้องริบตามมาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 1551/2497)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา73(2) แก้ไขโดย(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทงโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)
จำเลยกระทำผิด 2 กระทง คือ ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท แล้วลดรับสารภาพ ก็เห็นได้ว่าลงโทษมาเฉพาะกระทงเดียว ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา73(2) แก้ไขโดย(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 แล้ว เพราะความผิดแต่ละกระทงโทษหนักเท่ากัน ศาลจะลงโทษกระทงใดกระทงหนึ่งแต่กระทงเดียวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 167/2507)