พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาไม่ชำระหนี้และการฉ้อโกงประชาชน: การโฆษณาหลอกลวงแต่ไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยที่ 1 ได้เปิดกิจการรับซื้อใบยาสูบที่โกดังของจำเลยที่ 1โดยแอบอ้างขึ้นป้ายโฆษณาว่าเป็นสถานที่รวบรวมใบยาสูบของบริษัทบ. มีจำเลยที่ 4 ออกทุนให้ดำเนินการแล้วรวบรวมใบยาสูบส่งไปให้ส.กับพวกนำไปขายแก่บริษัทบ.ในโควตาของจำเลยที่ 5ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไม่เคยค้างชำระค่าใบยาสูบแก่ผู้ขายรายใดผู้เสียหายได้ปลูกใบยาสูบโดยไม่ชอบและได้นำไปขายที่โกดังของจำเลยที่ 1 โดยรู้ดีว่าไม่ใช่สถานที่รับซื้อใบยาสูบของบริษัท บ.แต่ไม่ได้รับชำระค่าใบยาสูบจากจำเลยที่ 1 เพราะ ส. ยังขายใบยาสูบของผู้เสียหายไม่ได้ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้เพียงว่า จำเลยแอบอ้างชื่อบริษัท บ. ใช้โฆษณาเพื่อให้ประชาชนนำใบยาสูบมาขายให้เท่านั้น จำเลยหาได้มีเจตนาจะไม่ชำระค่าใบยาสูบอันจะถือว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ไม่ได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3829/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดจากการปิดประกาศและโฆษณาใส่ร้ายเพื่อขัดขวางการทำประโยชน์ในที่ดิน การร่วมกันกระทำละเมิด
การกระทำเพื่อป้องกันสิทธิโดยพึ่งสถาบันของรัฐโดยสุจริตเช่น การแจ้งความร้องทุกข์ การฟ้องคดีต่อศาล จะต้องกระทำโดยสุจริต มิใช่อาศัยสถาบันของรัฐเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายหนึ่ง การที่จำเลยต่อสู้หรือฟ้องคดีต่อศาลหรือแจ้งความร้องทุกข์ฝ่ายโจทก์ว่า โจทก์กับพวกบุกรุกที่ดินของจำเลยนั้นจะต้องมีมูลความจริงอยู่ว่าจำเลยน่าจะมีกรรมสิทธิ์ตามที่กล่าวอ้างจริง มิเช่นนั้นแล้วจำเลยย่อมจะต้องเสี่ยงต่อความรับผิดหากศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่กล่าวอ้าง เมื่อศาลฎีกาได้พิพากษาในคดีแพ่งเรื่องก่อนว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 เป็นบริวารของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลม. ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท คดีถึงที่สุด จำเลยจึงต้องรับผิดในการในการกระทำดังกล่าวของตน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับรองกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไว้ครบถ้วนแล้ว แม้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ 1 ลงประกาศหนังสือพิมพ์ มีข้อความกล่าวหาโจทก์ทั้งสามโดยระบุชื่อโจทก์ทั้งสามว่า "บุกรุกที่ดินของจำเลยที่ 1ถูกจำเลยที่ 1 ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาและยังขู่ไม่ให้บุคคลภายนอกจับจองหรือซื้ออาคารของโจทก์ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน"เช่นนี้เป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งของศาลชั้นต้นและมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่โจทก์ทั้งสามทางชื่อเสียงความเชื่อถือ และธุรกิจการค้า การประกาศหนังสือพิมพ์ดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามโดยชัดแจ้งอีกกรณีหนึ่ง ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6ได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม จำเลยทั้งหกร่วมกันให้การมาในคำให้การฉบับเดียวกัน ยอมรับว่าได้ร่วมกันกระทำต่อโจทก์ แต่ได้กระทำโดยสุจริต จำเลยที่ 5 จำเลยที่ 6 ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้ร่วมกระทำกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 5 จำเลยที่ 6 ไม่ได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามจึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกคำให้การของจำเลยที่ 5จำเลยที่ 6
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4237/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทต้องพิจารณาจากความรู้สึกบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ผู้เสียหาย การโฆษณาแจ้งรถหายไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
ข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่นั้น ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาข้อความว่า "รถเบนซ์ 500 สีเทา9 ง 8923 พบแจ้งที่ 2711580 มีรางวัล อุดม " นั้น ในความรู้สึกนึกคิดของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว การประกาศโฆษณาดังกล่าวหาได้ทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใดไม่ หากการประกาศโฆษณาเช่นว่านั้นจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจและเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ จะต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองในฐานะที่กระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6031/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: เจตนาใส่ความให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง, การใช้ดุลพินิจในการรอการลงโทษ
จำเลยที่ 1 เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์มีข้อความว่า"พรรคไหนเอ่ยที่คนในพรรคพัวพันกับการค้าเฮโรอีนระหว่างประเทศจนต้องแก้ปัญหาด้วยการปลิดชีพตัวเองลาโลก" ข้อความดังกล่าวทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าหมายถึงพรรค ป. และ ด. สามีโจทก์ ดังนี้จำเลยที่ 1 มีเจตนาใส่ความผู้ตายโดยการโฆษณาด้วยเอกสารอันน่าจะเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายและบุตรเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังจากผู้อื่นได้ มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์และผู้โฆษณาย่อมต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน ถ้าจะรอการลงโทษไว้ย่อมจะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งให้จำเลยที่ 1 ต้องระมัดระวังความประพฤติของตน ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมมากกว่าที่จะลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้เขียนแต่รับผิดในฐานะบรรณาธิการ ผู้พิมพ์และผู้โฆษณาจำเลยทั้งสองไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติการณ์และเหตุผลแห่งรูปคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาข้อความเท็จทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ ศาลกำหนดค่าชดใช้สินไหมทดแทน
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเมื่ออ่นข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโจทก์
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: การพิสูจน์ความเท็จและการบรรเทาความเสียหาย
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ซึ่งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงทางเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การโฆษณาซ้ำโดยความผิดพลาดของโรงพิมพ์ไม่ถือเป็นวันเริ่มต้น
การโฆษณาประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์ซึ่งมิใช่เป็นการโฆษณาตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หากแต่เป็นการกระทำโดยพลการและด้วยความบกพร่องของโรงพิมพ์เองนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการโฆษณาประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 28
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3889/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: การลงโทษตามบทหนักและข้อจำกัดการกระทำความผิดหลายบท
จำเลยเป็นประธานสหภาพแรงงานยาสูบ เป็นผู้เขียนบทความลงในเอกสารสหภาพแรงงานยาสูบ โฆษณาเผยแพร่ว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการยาสูบว่า โจทก์เป็นผู้อำนวยการยาสูบที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดสติปัญญาความสามารถในการบริหารงาน เป็นผู้มีเจตนาทำลายศีลธรรมอันดีของพนักงานยาสูบ สร้างสถานการณ์สับสนวุ่นวายเพื่อให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ก้าวก่ายหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ทำลายระเบียบแบบแผนขั้นตอนในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม สมรู้ร่วมคิดกับสมุนเลวร้ายให้พนักงานบรรจุใหม่กระโดดข้ามหัวหน้างานเก่า สนับสนุนพวกที่ได้รับโทษทางวินัยขึ้นมาเสวยอำนาจเพื่อป้องกันการซัดทอดคอร์รัปชันให้พ้นตัว ไม่มีจิตสำนึกเห็นความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สหภาพแรงงานยาสูบกำลังถูกอำนาจป่าเถื่อนกลั่นแกล้งข่มขู่ลิดรอนอำนาจและหาทางกลั่นแกล้งพนักงานยาสูบบกพร่องในหน้าที่ ปล่อยให้ผลประโยชน์ของโรงงานยาสูบรั่วไหลอยู่ในมือพ่อค้า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
กรณีที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ได้กระทำโดยการโฆษณา ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติให้เหตุที่ต้องรับโทษหนักขึ้นไว้ในมาตรา 328 นั้น เป็นการลำดับการลงโทษเป็นชั้น ๆ ไปตามลักษณะฉกรรจ์ มิใช่เป็นการกระทำความผิดหลายบทตามมาตรา 90
กรณีที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ได้กระทำโดยการโฆษณา ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติให้เหตุที่ต้องรับโทษหนักขึ้นไว้ในมาตรา 328 นั้น เป็นการลำดับการลงโทษเป็นชั้น ๆ ไปตามลักษณะฉกรรจ์ มิใช่เป็นการกระทำความผิดหลายบทตามมาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3889/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา: การลงโทษตามบทหนัก มาตรา 328 มิใช่ความผิดหลายบท
จำเลยเป็นประธานสหภาพแรงงานยาสูบ เป็นผู้เขียนบทความลงในเอกสารสหภาพแรงงานยาสูบ โฆษณาเผยแพร่ว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการยาสูบว่า โจทก์เป็นผู้อำนวยการยาสูบที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดสติปัญญาความสามารถในการบริหารงาน เป็นผู้มีเจตนาทำลายศีลธรรมอันดีของพนักงานยาสูบ สร้างสถานการณ์สับสนวุ่นวายเพื่อให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ก้าวก่ายหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาทำลายระเบียบแบบแผนขั้นตอนในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมสมรู้ร่วมคิดกับสมุนเลวร้ายให้พนักงานบรรจุใหม่กระโดดข้ามหัวหน้างานเก่าสนับสนุนพวกที่ได้รับโทษทางวินัยขึ้นมาเสวยอำนาจเพื่อป้องกันการซัดทอดคอร์รัปชั่น ให้พ้นตัว ไม่มีจิตสำนึกเห็นความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สหภาพแรงงานยาสูบกำลังถูกอำนาจป่าเถื่อนกลั่นแกล้งข่มขู่ลิดรอนอำนาจและหาทางกลั่นแกล้งพนักงานยาสูบ บกพร่องในหน้าที่ ปล่อยให้ผลประโยชน์ของโรงงานยาสูบรั่วไหลอยู่ในมือพ่อค้า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง กรณีที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326ได้กระทำโดยการโฆษณา ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติให้เหตุที่ต้องรับโทษหนักขึ้นไว้ในมาตรา 328 นั้น เป็นการลำดับการลงโทษเป็นขั้น ๆตามลักษณะฉกรรจ์ มิใช่เป็นการกระทำความผิดหลายบท ตามมาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจโฆษณาเป็นรับจ้างทำของ ไม่ใช่ตัวแทนหรือนายหน้า ต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ 2
โจทก์ประกอบธุรกิจรับจ้างโฆษณาให้แก่ลูกค้า โดยโจทก์ให้ความคิด ให้แปลนความคิดเกี่ยวกับรูปแบบ คำพูด ภาพยนตร์ เทป ซึ่งเป็นเรื่องสร้างสรรค์แนวความคิดในการออกแบบโฆษณาให้มีผู้รู้จักสินค้าของลูกค้ามากที่สุดแล้วโจทก์จ้างสื่อโฆษณาอันได้แก่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ให้ทำการโฆษณาหรือโจทก์จ้างผู้อื่นให้ผลิตวัสดุโฆษณาทำการโฆษณา การประกอบธุรกิจโฆษณาดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางช่วยชี้ช่องให้ลูกค้าของโจทก์กับสื่อโฆษณาได้เข้าทำสัญญากันอันเป็นการกระทำของนายหน้า หรือออกเงินทดรองหรือค่าใช้จ่ายแทนลูกค้าอันเป็นการกระทำของตัวแทน จึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประเภทการค้า 10นายหน้าและตัวแทน แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้า หากแต่เป็นการรับทำการงานโฆษณาโดยถือผลสำเร็จของงานเป็นสาระสำคัญ จึงเป็นการรับจ้างทำของ ต้องเสียภาษีการค้าตามประเภทการค้า 4 ชนิด 1(ฉ)การรับจ้างทำของอย่างอื่น.