พบผลลัพธ์ทั้งหมด 91 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปลอมจากการกรอกข้อความเท็จหลังลงชื่อ ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญา
โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกโดยยังไม่มีการกรอกข้อความ แล้วโจทก์นำสัญญานั้นไปให้บุคคลอื่นลงชื่อเป็นพยานและกรอกข้อความ ซึ่งไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย เพราะจำเลยลงชื่อในสัญญาดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานที่จำเลยได้กู้เงินโจทก์ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เมื่อสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องปลอม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดส่งมอบข้าวเปลือกหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปลอมและการไม่ต้องรับผิดตามสัญญาซื้อขายข้าวเปลือก
โจทก์ให้จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกโดยยังไม่มีการกรอกข้อความ แล้วโจทก์นำสัญญานั้นไปให้บุคคลอื่นลงชื่อเป็นพยานและกรอกข้อความ ซึ่งไม่ตรงตามความประสงค์ของจำเลย เพราะจำเลยลงชื่อในสัญญาดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานที่จำเลยได้กู้เงินโจทก์สัญญาดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
เมื่อสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องปลอม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดส่งมอบข้าวเปลือกหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
เมื่อสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้องปลอม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดส่งมอบข้าวเปลือกหรือชดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ต้องรับผิดละเมิดจากการคืนโฉนดที่ดินตามสัญญาจำนอง แม้โจทก์จะร้องขอให้รอไว้ก่อน
ร.เป็นหนี้เงินกู้เบิกเกินบัญชีธนาคารจำเลยที่1ร.ตกลงกับโจทก์ว่าหากโจทก์ชำระหนี้ของ ร.ให้แก่จำเลยที่ 1 ครบถ้วนร.จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 30052 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำนองไว้กับจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ทันทีต่อมาโจทก์ชำระหนี้แทน ร.ครบถ้วนแล้ว โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ 1ว่า ขออย่าได้มอบโฉนดที่ดินให้ ร.ไปจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากโจทก์ ดังนี้เป็นหน้าที่ของ ร. ที่จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น แม้ข้อตกลงนี้จะทำขึ้นที่ธนาคารจำเลยที่ 1โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการสาขาและเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ลงชื่อเป็นพยาน แต่ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับ ร. หาผูกพันจำเลยทั้งสามให้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามไม่ ส่วนที่โจทก์ชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ก็เป็นการชำระในนาม ร. ซึ่งก็เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างโจทก์กับ ร. การที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ในฐานะลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มอบโฉนดที่ดินคืนให้แก่ร. เพื่อไปไถ่ถอนจำนอง จึงเป็นการปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาจำนองโดยชอบแม้การคืนโฉนดที่ดินจะมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการจงใจทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายและให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4721/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับขี่และการกีดขวางการจราจร: ผู้ขับขี่ที่จอดรถเสียและเปิดไฟเตือนไม่ต้องรับผิด
ขณะเกิดเหตุรถของจำเลยที่2กำลังจอดอยู่กลางถนนจำเลยที่2พยายามจะเคลื่อนรถให้พ้นจากการกีดขวางบนถนนแต่ทำไม่ได้จึงได้เปิดไฟกะพริบหน้าหลังและเปิดไฟใหญ่หน้ารถไว้เป็นที่สังเกตุนับว่าเป็นการกระทำตามสมควรที่จำเลยที่2จะกระทำได้ในสถานการณ์เช่นนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่ารถของตนกีดขวางการจราจรบนถนนอยู่การที่จำเลยที่1ขับรถมาโดยเร็วแล้วชนรถของจำเลยที่2เป็นเหตุให้มีคนได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัสจึงเป็นเพราะความประมาทของจำเลยที่1ฝ่ายเดียวมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยที่2ด้วยจำเลยที่2จึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4127/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาต
ความรับผิดของจำเลยที่ 3 ที่มีต่อโจทก์ เกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนระหว่างจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 3 ย่อมยกเงื่อนไขข้อยกเว้น และข้อจำกัดความรับผิดของตนที่กำหนดไว้ในสัญญาขึ้นต่อสู้กับโจทก์ได้ เว้นแต่เงื่อนไขข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจะขัดต่อกฎหมาย
ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ ใช้บังคับได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองถึงความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ ใช้บังคับได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยในขณะเกิดเหตุโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 และยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ได้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินยืมทดรองจ่ายของพนักงานเพื่อประโยชน์ขององค์กร ไม่เข้าลักษณะสัญญาเงินยืม พนักงานไม่ต้องรับผิดคืน
โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ ศาลฎีกาจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 640 และมาตรา 650 ลักษณะ 9 เรื่องยืม เป็นกรณีที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมเพื่อประโยชน์ของผู้ยืมหาใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ให้ยืมไม่ การที่โจทก์ผู้ให้ยืมให้จำเลยยืมเงินไปเป็นการทดรองเพื่อให้จำเลยนำไปใช้สอยในกิจการของโจทก์เป็นประโยชน์ของโจทก์ผู้ให้ยืมเอง รูปเรื่องจึงปรับเข้าด้วยลักษณะ 9 เรื่องยืมแห่งบทบัญญัติกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงผูกพันกันในลักษณะอื่นโดยเฉพาะ ต้องพิจารณาเจตนารมณ์ระหว่างคู่กรณีมุ่งผูกพันกันแค่ไหนอย่างไร การที่จำเลยลงชื่อในใบยืมเงินทดรองของโจทก์นั้นได้กระทำไปโดยตำแน่งหน้าที่ของจำเลยในฐานะพนักงานของโจทก์ในขอบเขตแห่งหน้าที่ของตนตามระเบียบแบบแผนของโจทก์ที่วางไว้เพื่อใช้ดำเนินงานของโจทก์โดยมอบให้ จ.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไปดำเนินการต่อไปเพื่อให้งานของโจทก์ดำเนินไปโดยเรียบร้อย แม้จะมีข้อบังคับให้ผู้ยืมต้องนำใบสำคัญคู่จ่ายที่ถูกต้องพร้อมทั้งเงินที่เหลือจ่ายส่งใช้แก่โจทก์ตามกำหนด ก็เป็นเรื่องกำหนดความรับผิดชอบของผู้ยืมไว้เป็นการเฉพาะเป็นหลักปฏิบัติงานในหน่วยงานของโจทก์เมื่อจำเลยมิได้อยู่ในฐานะของผู้ยืมตามกฎหมาย แต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนเงินรายพิพาทแก่โจทก์.
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 640 และมาตรา 650 ลักษณะ 9 เรื่องยืม เป็นกรณีที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมเพื่อประโยชน์ของผู้ยืมหาใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ให้ยืมไม่ การที่โจทก์ผู้ให้ยืมให้จำเลยยืมเงินไปเป็นการทดรองเพื่อให้จำเลยนำไปใช้สอยในกิจการของโจทก์เป็นประโยชน์ของโจทก์ผู้ให้ยืมเอง รูปเรื่องจึงปรับเข้าด้วยลักษณะ 9 เรื่องยืมแห่งบทบัญญัติกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงผูกพันกันในลักษณะอื่นโดยเฉพาะ ต้องพิจารณาเจตนารมณ์ระหว่างคู่กรณีมุ่งผูกพันกันแค่ไหนอย่างไร การที่จำเลยลงชื่อในใบยืมเงินทดรองของโจทก์นั้นได้กระทำไปโดยตำแน่งหน้าที่ของจำเลยในฐานะพนักงานของโจทก์ในขอบเขตแห่งหน้าที่ของตนตามระเบียบแบบแผนของโจทก์ที่วางไว้เพื่อใช้ดำเนินงานของโจทก์โดยมอบให้ จ.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไปดำเนินการต่อไปเพื่อให้งานของโจทก์ดำเนินไปโดยเรียบร้อย แม้จะมีข้อบังคับให้ผู้ยืมต้องนำใบสำคัญคู่จ่ายที่ถูกต้องพร้อมทั้งเงินที่เหลือจ่ายส่งใช้แก่โจทก์ตามกำหนด ก็เป็นเรื่องกำหนดความรับผิดชอบของผู้ยืมไว้เป็นการเฉพาะเป็นหลักปฏิบัติงานในหน่วยงานของโจทก์เมื่อจำเลยมิได้อยู่ในฐานะของผู้ยืมตามกฎหมาย แต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนเงินรายพิพาทแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินยืมทดรองจ่ายเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง ไม่เข้าลักษณะยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ ผู้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายการวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ศาลฎีกาจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา640และมาตรา650ลักษณะ9เรื่องยืมเป็นกรณีที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมเพื่อประโยชน์ของผู้ยืมหาใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ให้ยืมไม่การที่โจทก์ผู้ให้ยืมให้จำเลยยืมเงินไปเป็นการทดรองเพื่อให้จำเลยนำไปใช้สอยในกิจการของโจทก์เป็นประโยชน์ของโจทก์ผู้ให้ยืมเองรูปเรื่องจึงปรับเข้าด้วยลักษณะ9เรื่องยืมแห่งบทบัญญัติกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงผูกพันกันในลักษณะอื่นโดยเฉพาะต้องพิจารณาเจตนารมณ์ระหว่างคู่กรณีมุ่งผูกพันกันแค่ไหนอย่างไรการที่จำเลยลงชื่อในใบยืมเงินทดรองของโจทก์นั้นได้กระทำไปโดยตำแน่งหน้าที่ของจำเลยในฐานะพนักงานของโจทก์ในขอบเขตแห่งหน้าที่ของตนตามระเบียบแบบแผนของโจทก์ที่วางไว้เพื่อใช้ดำเนินงานของโจทก์โดยมอบให้จ.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไปดำเนินการต่อไปเพื่อให้งานของโจทก์ดำเนินไปโดยเรียบร้อยแม้จะมีข้อบังคับให้ผู้ยืมต้องนำใบสำคัญคู่จ่ายที่ถูกต้องพร้อมทั้งเงินที่เหลือจ่ายส่งใช้แก่โจทก์ตามกำหนดก็เป็นเรื่องกำหนดความรับผิดชอบของผู้ยืมไว้เป็นการเฉพาะเป็นหลักปฏิบัติงานในหน่วยงานของโจทก์เมื่อจำเลยมิได้อยู่ในฐานะของผู้ยืมตามกฎหมายแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนเงินรายพิพาทแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4951/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินเพื่อประกันความเสียหายที่ยังไม่แน่นอน ไม่ถือเป็นเหตุให้เกิดหนี้ที่แท้จริง ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินตามฟ้องไว้เพื่อประกันความเสียหาย ในการที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าซื้อโทรทัศน์สีจากบุคคลอื่น จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับเงินไปจากโจทก์เลย ขณะทำสัญญากู้เป็นเวลา หลังค้ำประกันการเช่าซื้อไม่นานความเสียหายจากการค้ำประกันการเช่าซื้อ ยังไม่เกิดขึ้นและยังคำนวณไม่ได้ จึงเป็นหนี้ที่ยังไม่แน่นอนไม่อาจนำมาเป็นมูลหนี้ในสัญญากู้เงินได้ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการกู้จึงไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2215/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการรับประกันภัยของคู่กรณี ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ให้การว่ารับประกันภัยรถคันนี้ไว้จากห้าง ส. ไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วม รับผิด ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ ไว้และไม่มีคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโต้แย้ง จึงไม่มีประเด็นพิพาทในเรื่องนี้ และการที่จำเลยที่ 3 ให้การดังกล่าวก็ไม่เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ เพราะการระบุชื่อห้าง ส. เป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงให้เห็นชัดขึ้นว่าไม่ได้เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2. ฉะนั้น คดีต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 มิได้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากทรัพย์: จำเลยไม่ได้เป็นผู้รับฝาก แต่จัดสถานที่จอดรถและเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย
ผู้นำรถยนต์เข้าไปจอดในสวนสัตว์ดุสิตของจำเลยจะต้องขับรถผ่านประตูเข้าไปหาที่จอดเอาเองและเป็นผู้เก็บกุญแจรถไว้ จำเลยเพียงแต่จัดที่จอดรถไว้ มิได้จัดพนักงานเฝ้าดูแลรถยนต์ที่นำมาจอด พนักงานของจำเลยมิได้ขับรถยนต์ไปหาที่จอดให้และมิได้เก็บกุญแจรถไว้ เมื่อจะกลับผู้ครอบครองรถยนต์จะต้องขับรถออกไปจากที่จอดเอง และเงินที่พนักงานของจำเลยเรียกเก็บเมื่อนำรถยนต์เข้าไปในสวนสัตว์ก็เป็นค่าธรรมเนียมผ่านประตูไม่ใช่บำเหน็จค่าฝาก การที่จำเลยจัดพนักงานไว้คอยฉีกหรือตรวจบัตรจอดรถยนต์ตอนนำรถออกจากสวนสัตว์เป็นเพียงมาตรการช่วยรักษาความปลอดภัยให้เท่านั้น ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับฝากรถยนต์ที่นำเข้ามาจอด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายของรถยนต์ดังกล่าว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับฝากทรัพย์มีบำเหน็จค่าฝาก ได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้รับฝาก โดยแสดงรายละเอียดในฟ้องว่า พนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษารถยนต์ที่รับฝากไว้ได้ละเลยหน้าที่ปล่อยให้คนร้ายลักรถยนต์ไปจากบริเวณที่จอดรถของจำเลย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มุ่งฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในฐานะผู้รับฝากทรัพย์มีบำเหน็จค่าฝาก ปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้รับฝาก เป็นเหตุให้คนร้ายลักรถยนต์ไป ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องละเมิดไว้ ฟ้องโจทก์จึงมีแต่เรื่องผิดสัญญาฝากทรัพย์ เรื่อง พนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิดจึงไม่เป็นประเด็นในคดี โจทก์จะขอให้จำเลยรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้กระทำไปหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับฝากทรัพย์มีบำเหน็จค่าฝาก ได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้รับฝาก โดยแสดงรายละเอียดในฟ้องว่า พนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษารถยนต์ที่รับฝากไว้ได้ละเลยหน้าที่ปล่อยให้คนร้ายลักรถยนต์ไปจากบริเวณที่จอดรถของจำเลย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มุ่งฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในฐานะผู้รับฝากทรัพย์มีบำเหน็จค่าฝาก ปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้รับฝาก เป็นเหตุให้คนร้ายลักรถยนต์ไป ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องละเมิดไว้ ฟ้องโจทก์จึงมีแต่เรื่องผิดสัญญาฝากทรัพย์ เรื่อง พนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิดจึงไม่เป็นประเด็นในคดี โจทก์จะขอให้จำเลยรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้กระทำไปหาได้ไม่