พบผลลัพธ์ทั้งหมด 151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3154/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเข้ารับราชการ: การบรรจุข้าราชการกลาโหมพลเรือนขัดต่อสัญญาระบุประเภทข้าราชการทหาร ถือเป็นการไม่ผูกพันตามสัญญา
ข้าราชการกระทรวงกลาโหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ข้าราชการทหารกับข้าราชการกลาโหมพลเรือนซึ่งจะไม่ได้รับยศทันทีที่เข้ารับราชการ จำเลยที่ 1 สมัครเข้ารับราชการในโรงงานเภสัชกรรมทหารพร้อมกับทำสัญญากับโจทก์มีข้อความระบุไว้ว่าเป็นสัญญาการเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งหมายความว่า มิใช่สัญญาการเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือน การที่ทางราชการบรรจุแต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนจึงมิได้เป็นไปตามข้อกำหนดสัญญาที่ทำกันไว้ ข้อสัญญาที่ให้จำเลยที่ 1 ต้องอยู่ปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงไม่มีผลบังคับเมื่อจำเลยที่ 1 ลาออกจากราชการก่อนครบกำหนด 3 ปี จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนขายที่ดินโดยเจตนาลวงเพื่อจำนอง ศาลตัดสินว่าการโอนไม่ผูกพัน ที่ดินยังเป็นของเดิม
การโอนขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 กระทำโดยเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยทั้งสองนำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารเท่านั้นไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันกัน จึงใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เดิม (มาตรา 155ที่แก้ไขใหม่) ที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2536/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ทำให้การซื้อขายไม่ผูกพันกับผู้เยาว์
ขณะที่บิดาโจทก์ขายที่พิพาทให้แก่จำเลยและสามีนั้น โจทก์อายุเพียง 17-18 ปี ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ การที่บิดาโจทก์ขายที่พิพาทส่วนของโจทก์โดยไม่สอบถามโจทก์ก่อน และไม่ปรากฏว่าได้รับอนุญาตจากศาลให้ขายที่พิพาทส่วนของโจทก์แทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(มาตรา 1546 เดิม) ดังนี้การซื้อขายที่พิพาทจึงไม่ผูกพันส่วนของโจทก์ การที่จำเลยและสามีครอบครองทำกินในที่พิพาทส่วนของโจทก์ จึงถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิ้นหนี้ตามสัญญาจำนองเมื่อเจ้าหนี้ไม่ประสงค์ให้มีการจำนองค้ำประกันเพิ่มเติม และการไม่ผูกพันหนี้ใหม่ต่อผู้จำนอง
เมื่อจำเลยที่ 1 บอกกล่าวเป็นหนังสือให้โจทก์ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ประสงค์ให้โจทก์จำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ของนางสาว บ. ต่อไป ต่อมาจำเลยที่ 1ได้ฟ้องโจทก์กับนางสาว บ. ให้ชำระหนี้ เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์จำนองที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันและสัญญาจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744(1) หนี้ที่นางสาว บ.กู้เงินจำเลยที่ 1 หลังจากจำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์กับนางสาว บ.จึงหาผูกพันโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5671/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันบุคคลภายนอกคดี แม้ผู้ทำสัญญาจะมีอำนาจกระทำการแทนบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้โจทก์จำเลยหย่าขาดและแบ่งทรัพย์สินกัน โดยมีข้อตกลงข้อหนึ่งว่าให้จำเลยโอนที่ดินที่มีชื่อบริษัท ม. ซึ่งจำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการและมีอำนาจกระทำการแทนบริษัทได้ให้แก่โจทก์ จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ในฐานะส่วนตัวมิได้ทำในฐานะเป็นผู้แทนของบริษัทดังกล่าว ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่ผูกพันบริษัท ม. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ม. มีมติคัดค้านการโอนที่ดิน การที่จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ในส่วนนี้จึงกลายเป็นพ้นวิสัยศาลบังคับคดีในส่วนนี้ให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2640/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายระงับสิ้นเมื่อผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด แม้จำเลยเสนอให้ชำระภายหลังก็ไม่ผูกพัน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้าง เมื่อจำเลยผู้จะขายได้จัดการขนย้ายผู้เช่าเดิมออกไปจากที่ดินพิพาทแล้วตามสัญญา จำเลยแจ้งให้โจทก์ผู้จะซื้อนำค่าที่ดินงวดที่ 2 มาชำระ แต่โจทก์ก็หาได้ชำระไม่อ้างว่าจำเลยยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา จำเลยจึงให้ทนายความมีหนังสือแจ้งต่อโจทก์โดยกำหนดระยะเวลาให้ชำระหนี้ หากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดก็ให้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำ ซึ่งโจทก์ทราบแล้วก็มิได้ชำระเงินให้แก่จำเลยตามเวลาที่กำหนด สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงระงับสิ้นไป แม้ต่อมาทนายความของจำเลยจะได้มีหนังสือแจ้งต่อโจทก์ว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญาภายในวันที่ 7 พฤษภาคม2528 อีก หนังสือดังกล่าวก็เป็นเพียงข้อเสนอที่จำเลยให้แก่โจทก์ใหม่ ภายหลังสัญญาเลิกกันแล้วเมื่อโจทก์ไม่ได้ตกลงสนองตอบ ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลแต่อย่างใด จำเลยจึงหาจำต้องบอกเลิกสัญญาเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2640/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายระงับสิ้นเมื่อผู้ซื้อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด แม้จำเลยเสนอให้ผ่อนผันก็ไม่ผูกพัน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างเมื่อจำเลยผู้จะขายได้จัดการขนย้ายผู้เช่าเดิมออกไปจากที่ดินพิพาทแล้วตามสัญญา จำเลยแจ้งให้โจทก์ผู้จะซื้อนำค่าที่ดินงวดที่ 2มาชำระ แต่โจทก์ก็หาได้ชำระไม่อ้างว่าจำเลยยังไม่ปฏิบัติตามสัญญาจำเลยจึงให้ทนายความมีหนังสือแจ้งต่อโจทก์โดยกำหนดระยะเวลาให้ชำระหนี้ หากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดก็ให้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำ ซึ่งโจทก์ทราบแล้วก็มิได้ชำระเงินให้แก่จำเลยตามเวลาที่กำหนด สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงระงับสิ้นไป แม้ต่อมาทนายความของจำเลยจะได้มีหนังสือแจ้งต่อโจทก์ว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญาภายในวันที่ 7พฤษภาคม 2528 อีก หนังสือดังกล่าวก็เป็นเพียงข้อเสนอที่จำเลยให้แก่โจทก์ใหม่ ภายหลังสัญญาเลิกกันแล้ว เมื่อโจทก์ไม่ได้ตกลงสนองตอบ ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลแต่อย่างใด จำเลยจึงหาจำต้องบอกเลิกสัญญา เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด vs. นายหน้า: การซื้อขายไม่ผูกพันเจ้าของหากจำเลยที่ 2 เป็นเพียงนายหน้า
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้พาจำเลยที่ 1 มาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน จากโจทก์จำนวนหนึ่งและก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับ จำเลยที่ 2 ก็เป็นเช่นนี้ตลอดมา จำเลยที่ 2 จึงเป็นเพียงนายหน้า เท่านั้นหาใช่เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ไม่ การซื้อขายรถยนต์พิพาท ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 จึงไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยที่ 1 จะขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนโอนรถยนต์พิพาทตามฟ้องแย้งไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเสนอซื้อหุ้นคืนที่ยังไม่ผูกพันสัญญา แม้มีการตอบรับภายหลัง สิทธิเรียกร้องจึงไม่เกิดขึ้น
โจทก์เป็นหนี้บริษัท จ. โจทก์มีหนังสือถึงนาย จ.บิดาโจทก์ขอให้ชำระหนี้แทนโดยโจทก์จะโอนหุ้นของโจทก์ในบริษัทแห่งอื่นรวม 5 บริษัทให้แก่นาย จ.เป็นการชดใช้ให้ ซึ่งในหนังสือดังกล่าวโจทก์แสดงความประสงค์ไว้ว่า โจทก์ยังหวังที่จะกลับมามีส่วนในครอบครัวต่อไปภายหน้าถ้าเป็นไปได้เมื่อไหร่ที่โจทก์พร้อม โจทก์อยากจะขอซื้อหุ้นที่จะโอนให้แก่นาย จ.กลับคืน โดยโจทก์ยินยอมที่จะซื้อคืนมาในราคาที่โอนไปบวกดอกเบี้ยตามอัตราที่นาย จ.หรือสมาชิกของครอบครัวจะกำหนดให้ข้อความดังกล่าวไม่เป็นการแสดงเจตนาแสดงความประสงค์ของโจทก์ในลักษณะที่เป็นคำขอให้นาย จ.ทำสัญญาด้วย และไม่เป็นการชัดเจนแน่นอนว่าข้อที่จะทำให้เกิดหรือมีขึ้นคือการซื้อหุ้นดังกล่าวนั้นจะมีทางเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่เมื่อใด ข้อความที่ว่าโจทก์ยังหวังที่จะกลับมามีส่วนในครอบครัวต่อไปภายหน้าทำให้เห็นได้เป็นการแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่โจทก์คาดหวังไว้ล่วงหน้า ถ้ามีโอกาสก็จะทำอย่างนั้นซึ่งในขณะที่ทำหนังสือถึงนาย จ.นั้น โจทก์ก็ยังไม่รู้ว่าโอกาสเช่นนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ และยังไม่แน่นอนว่านาย จ.จะรับโอนหุ้นที่โจทก์อ้างถึงเป็นการชำระหนี้หรือไม่ ทั้งยังไม่ได้มีการโอนหุ้นไปเป็นของนาย จ. ขณะนั้นจึงต้องถือว่าเรื่องการโอนหุ้นเป็นการชำระหนี้เป็นเรื่องอนาคต แม้ต่อมา นาย จ.ได้ตอบตกลงรับโอนหุ้นเป็นการชำระหนี้เงินกู้และโจทก์ได้โอนให้ นายจ.ไปแล้วก็ตาม ข้อความที่ปรากฏในหนังสือที่โจทก์มีถึงนาย จ.ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำเสนอที่โจทก์ขอซื้อหุ้นคืนจากนาย จ. แต่เป็นเพียงข้อปรารถถึงสิ่งที่โจทก์คาดหวังไว้ในอนาคตเท่านั้น ไม่มีผลที่จะผูกนิติสัมพันธ์อย่างใดกับผู้ที่ได้รับการปรารถเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือแสดงเจตนาไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นสัญญาซื้อขายหุ้น ผู้จัดการมรดกไม่ต้องโอนหุ้นคืน
โจทก์เป็นหนี้บริษัท จ. โจทก์มีหนังสือถึงนาย จ. บิดาโจทก์ขอให้ชำระหนี้แทนโดยโจทก์จะโอนหุ้นของโจทก์ในบริษัทแห่งอื่นรวม 5 บริษัทให้แก่นาย จ. เป็นการชดใช้ให้ ซึ่งในหนังสือดังกล่าวโจทก์แสดงความประสงค์ไว้ว่า โจทก์ยังหวังที่จะกลับมามีส่วนในครอบครัวต่อไปภายหน้า ถ้าเป็นไปได้เมื่อไหร่ ที่โจทก์พร้อม โจทก์อยากจะขอซื้อหุ้นที่จะโอนให้แก่นาย จ. กลับคืน โดยโจทก์ยินยอมที่จะซื้อคืนมาในราคาที่โอนไปบวกดอกเบี้ยตามอัตราที่นาย จ.หรือสมาชิกของครอบครัวจะกำหนดให้ข้อความดังกล่าวไม่เป็นการแสดงเจตนาแสดงความประสงค์ของโจทก์ในลักษณะที่เป็นคำขอให้นาย จ.ทำสัญญาด้วย และไม่เป็นการชัดเจนแน่นอนว่าข้อที่จะทำให้เกิดหรือมีขึ้นคือการซื้อหุ้นดังกล่าวนั้นจะมีทางเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่เมื่อใด ข้อความที่ว่าโจทก์ยังหวังที่จะกลับมามีส่วนในครอบครัวต่อไปภายหน้าทำให้เห็นได้เป็นการแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่โจทก์คาดหวังไว้ล่วงหน้า ถ้ามีโอกาสก็จะทำอย่างนั้นซึ่งในขณะที่ทำหนังสือถึงนาย จ. นั้น โจทก์ก็ยังไม่รู้ว่าโอกาสเช่นนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ และยังไม่แน่นอนว่านาย จ. จะรับโอนหุ้น ที่โจทก์อ้างถึงเป็นการชำระหนี้หรือไม่ ทั้งยังไม่ได้มีการโอนหุ้นไปเป็นของนาย จ. ขณะนั้นจึงต้องถือว่าเรื่องการโอนหุ้นเป็นการชำระหนี้เป็นเรื่องอนาคต แม้ต่อมา นาย จ. ได้ตอบตกลงรับโอนหุ้นเป็นการชำระหนี้เงินกู้และโจทก์ได้โอนให้ นาย จ. ไปแล้วก็ตามข้อความที่ปรากฏในหนังสือที่โจทก์มีถึงนาย จ. ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำเสนอที่โจทก์ขอซื้อหุ้นคืนจากนาย จ. แต่เป็นเพียงข้อปรากฎถึงสิ่งที่โจทก์คาดหวังไว้ในอนาคตเท่านั้น ไม่มีผลที่จะผูกนิติสัมพันธ์อย่างใดกับผู้ที่ได้รับการปรารถเช่นนั้น.