คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่มีสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ใช้น้ำบาดาลไม่เกี่ยวข้องกับคดีโอนกิจการ ผู้ร้องสอดไม่มีส่วนได้เสียจึงร้องสอดไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบกิจการน้ำบาดาลที่จำเลยรับโอนไปจากโจทก์คืนแก่โจทก์ ผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นผู้ใช้น้ำบาดาล ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายหรือเช่าซื้อต้องจัดบริการให้ผู้ร้องดังนี้ การโอนกิจการน้ำบาดาลระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการได้สิทธิหรือเสียสิทธิของผู้ร้อง หากโจทก์แพ้คดีสิทธิของผู้ร้องสอดในเรื่องใช้น้ำบาดาลหาได้กระทบกระเทือนโดยผลแห่งคดีนี้ไม่ ผู้ร้องจึงมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ไม่ เป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ จึงร้องสอดเข้ามาในคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2417/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ประมาทเอง ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้อื่น แม้มีประกันภัย
ช. ขับรถยนต์ชนกับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ลูกจ้างเป็นผู้ขับขี่ไปในทางการที่จ้าง ช. ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษฐานขับรถยนต์ประมาทเป็น เหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย คดีถึงที่สุด ดัง นั้น ช. ไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่จะมีสิทธิเรียกร้อง ค่าเสียหายได้จากจำเลยทั้งสอง แม้โจทก์ซึ่งรับประกันภัย รถยนต์ไว้จาก ช. จะได้ชำระเงินให้แก่ ช. ไป ก็เป็นการปฏิบัติไปตามสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ทำไว้กับ ช. แต่หาอาจก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะรับช่วงสิทธิ จาก ช. นำคดีมาฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดต่อ โจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 นั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987-1995/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนสัญชาติโดยประกาศคณะปฏิวัติ ผู้ถูกถอนสัญชาติไม่มีสิทธิฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลสั่งให้มีสัญชาติ
ผู้ร้องถูกทางราชการถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ซึ่งผู้ร้องอาจได้สัญชาติไทยอีกเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรและสั่งตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว และพระราชบัญญัติสัญชาติ แต่พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 ในส่วนที่ไม่ขัดกับประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวก็มิได้บัญญัติให้สิทธิผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องเป็นบุคคลมีสัญชาติไทยได้ กรณีของผู้ร้องจึงไม่มีกฎหมายสนับสนุนหรือรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยวิธีร้องขอให้ศาลสั่งเช่นนั้น หากผู้ร้องเห็นว่าทางราชการถอนสัญชาติผู้ร้องเป็นการกระทำโต้แย้งสิทธิ ก็ชอบที่จะฟ้องผู้โต้แย้งสิทธิเป็นคดีต่อศาล ดังนั้น แม้ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลและพนักงานอัยการยื่นคำคัดค้านแล้ว จึงเกิดเป็นคดีมีข้อพิพาทในคดีไม่มีข้อพิพาท แต่เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอต่อศาล ข้อพิพาทในคดีนี้จึงตกไปโดยไม่จำต้องดำเนินคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ โจทก์ยึดครองเองไม่แจ้งจับจอง ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชย
ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์เข้าไปยึดถือครอบครองโดยมิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2497 กล่าวคือมิได้ขออนุญาตจับจองและได้รับอนุญาตให้จับจองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ถึงแม้ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5วรรคแรก จะบัญญัติให้ผู้ที่ได้ครอบครองที่ดินและทำประโยชน์อยู่ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินแจ้งการครอบครอง และโจทก์ได้แจ้งการครอบครองแล้วก็ตาม แต่โจทก์ได้แจ้งการครอบครองว่าได้ที่พิพาทโดยหักล้างถางพงเอาเอง การแจ้งการครอบครองของโจทก์จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ ต้องถือว่าที่ดินยังเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง อันถือว่าเป็นการกระทำของรัฐ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกเอาค่าชดเชยที่ดินจากจำเลย
การที่จำเลยแจ้งว่าสมควรจะจ่ายเงินทดแทนให้โจทก์ แต่ให้รอไว้ก่อนนั้น เป็นเรื่องที่ทางราชการประสงค์จะบรรเทาความเดือดร้อนให้โจทก์ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่และการคืนเงินค่าเช่าช่วง เมื่อผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิเช่าและผู้เช่าช่วงไม่ได้ใช้สิทธิ
โจทก์ให้จำเลยเช่าช่วงตึกแถวพิพาทโดยไม่มีสิทธิจำเลยและบริวารไม่ได้ใช้สิทธิในการเช่า หรือเกี่ยวข้องกับตึกแถวพิพาทนี้แต่อย่างใด ผู้ครอบครองอยู่อาศัยในตึกแถวพิพาทขณะฟ้องคดี ไม่ได้เป็นบริวารจำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงต้องคืนเงินค่าเช่าที่ได้รับชำระไว้ล่วงหน้าให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับซื้อฝากจากผู้ไม่มีสิทธิและผลของการทำนิติกรรมจากพินัยกรรมปลอม
จำเลยที่ 1 นำพินัยกรรมปลอมไปจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน เฉพาะส่วนของเจ้ามรดกมาเป็นของตนโดยทุจริต จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนนั้น และไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้ จำเลยที่ 2 รับซื้อฝากที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ถอนการขายฝากแล้ว จำเลยที่ 2 ก้ไม่ได้กรรมสิทธิ์และจะยกเหตุที่กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนขึ้นอ้างหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชดใช้ค่าเสียหายจากประกันภัยและการคืนเงินจากรถยนต์ที่ถูกลัก การเรียกร้องค่าซ่อมรถจากจำเลยไม่มีสิทธิ
จำเลยได้รถยนต์คันพิพาทมาจากผู้มีชื่อโดยการตีราคาแลกเปลี่ยนกับรถยนต์คันเดิมของจำเลย ต่อมารถพิพาทถูกรถยนต์คันซึ่งเอาประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ชนเสียหายโดยฝ่ายหลังเป็นฝ่ายผิด เป็นเหตุให้บริษัทโจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดในผลแห่งความเสียหายต่อจำเลย โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยโอนรถพิพาทให้โจทก์และโจทก์ยอมจ่ายเงินให้จำเลย 65,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้ขายรถยนต์พิพาทให้ ส. เป็นเงิน 35,000 บาท ส.ได้นำไปซ่อมเสียค่าซ่อมไป 15,000 บาท ความปรากฏต่อเจ้าพนักงานต่อมาว่ารถยนต์พิพาทเป็นของผู้อื่นที่ถูกลักไป จึงยึดและคืนให้แก่เจ้าของ ส.จึงฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินราคารถยนต์ที่รับไว้จาก ส. 35,000 บาท และค่าซ่อมอีก 15,000 บาทแก่ ส. โจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงิน 65,000 บาท กับค่าซ่อมรถที่โจทก์จ่ายให้ ส. ไป 15,000 บาทจากจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์ยอมใช้เงิน (65,000 บาท) ให้จำเลยแล้วรับโอนรถพิพาทไปก็เพราะโจทก์มีความรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อจำเลยในมูลประกันภัยเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์ได้ขายรถให้ ส.ไป เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์เต็มตามจำนวน 65,000 บาทแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะเอาเรื่องความรับผิดในการรอนสิทธิในระหว่าง ส.กับโจทก์มาเป็นข้ออ้างเพื่อเอาเงินค่าซ่อมรถจากจำเลยอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในสัญญาเช่าที่ดินป่าสงวน การไม่มีสิทธิในที่ดินย่อมขาดอำนาจฟ้อง
เมื่อที่ดินเป็นป่าสงวนแห่งชาติ มิใช่ของโจทก์โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจนำที่ดินดังกล่าวให้จำเลยเช่า และไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดสิทธิเรียกร้องที่โอนไปแล้ว ศาลตัดสินว่าโจทก์ไม่มีสิทธิอายัดทรัพย์สินที่จำเลยโอนสิทธิไปแล้ว แม้เงินยังอยู่ที่ผู้รับคำสั่งอายัด
ศาลสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยก่อนมีคำพิพากษาตามคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องให้บุคคลอื่นไปก่อนแล้ว แม้ว่าเงินที่โจทก์ขอให้อายัดจะยังคงมีอยู่ที่บุคคลภายนอกผู้ได้รับคำสั่งอายัดก็ตามคำสั่งอายัดนั้นไม่มีผลบังคับ เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งอายัดเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันไม่ใช่เงินมัดจำ การชำระเงินโดยไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนไม่ได้ และไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
โจทก์ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้กับผู้ว่าจ้างแทนการที่จำเลยที่ 1 จะต้องวางเงินมัดจำในการที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญารับจ้างเหมาทำการก่อสร้างอาคารให้ผู้ว่าจ้าง หนังสือค้ำประกันดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาที่โจทก์ผูกพันต่อผู้ว่าจ้างเพื่อชำระหนี้ในเมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและไม่ชำระหนี้เท่านั้น โจทก์มิได้วางเงินตามหนังสือค้ำประกันให้ไว้ต่อผู้ว่าจ้างขณะที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับผู้ว่าจ้างหนังสือค้ำประกันจึงมิใช่มัดจำ และเมื่อตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างไม่มีข้อความให้ผู้ว่าจ้างริบเงินตามหนังสือค้ำประกัน ผู้ว่าจ้างจึงริบเงินจำนวนนี้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1722/2513)
เมื่อผู้ว่าจ้างแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา และสั่งริบเงินตามหนังสือค้ำประกัน กับให้โจทก์ส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระโจทก์ย่อมสามารถตรวจดูสำเนาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่จำเลยที่ 1 มอบให้ไว้ และทราบได้ว่าผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิริบเงินตามหนังสือค้ำประกัน แม้ตามหนังสือค้ำประกันโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างแต่ผู้ว่าจ้างก็มิได้เรียกร้องให้โจทก์ส่งเงินไปเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์จึงไม่มีหน้าที่ส่งเงินไปชำระตามข้อเรียกร้องของผู้ว่าจ้าง ดังนั้น เมื่อโจทก์ชำระเงินให้ผู้ว่าจ้างไปโดยจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ไม่มีหน้าที่ต้องชำระและทั้งๆ ที่จำเลยที่ 3 กับจำเลยที่ 4 ทักท้วงแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ และจากจำเลยที่ 2, 3, 4, 5 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน
of 9