พบผลลัพธ์ทั้งหมด 68 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำเบิกความเท็จ: การฟ้องร้องซ้ำในข้อหาเดิม แม้ต่างคราวกัน ย่อมไม่รับฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเบิกความเท็จในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดย ข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีนี้ เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน แม้การเบิกความดังกล่าวเป็นคนละคราวกันแต่ ข้อความที่เบิกความมีมูลเหตุอันเดียวกันและเป็นการกล่าวตาม ครรลอง ของเรื่องเท่านั้น การที่โจทก์นำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จซ้ำ อีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูก ฟ้องร้องไม่มีวันสิ้นสุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องล้มละลาย: การขยายอายุความเมื่อศาลสั่งไม่รับฟ้องเนื่องจากเขตอำนาจศาล
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลหนี้เดียวกันนี้เป็นคดีล้มละลายต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อมา ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องเนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลอื่นคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวมีความหมายเป็นอย่างเดียวกันกับคำว่าศาลยกคดีเสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 ดังนั้น เมื่อกำหนดอายุความในคดีของโจทก์สิ้นไปแล้วก่อนที่ศาลจะสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องเป็นคำสั่งไม่รับฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ประกอบกับเมื่อโจทก์สืบหาภูมิลำเนาของจำเลยแล้วปรากฏว่าจำเลยคงมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้นนั้นเอง และโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ใหม่ภายในกำหนดหกเดือนนับแต่ศาลมีคำสั่ง ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3469/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้งได้ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมกับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้เพื่อขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งว่า โรงงานของจำเลยปลูกรุกล้ำอยู่บนที่ดินของโจทก์โดยสุจริต จึงขอให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิในที่ดินเป็นภารจำยอมแก่จำเลย ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมจึงไม่รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต่างเรื่องต่างประเด็นกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ปลูกสร้างห้องขึ้นอีก 1 ห้องหลังห้องแถวพิพาท ซึ่งโจทก์ทราบและยินยอมให้ปลูก ขอให้พิพากษาว่าอาคารห้องแถวที่ ปลูกขึ้นใหม่เป็นของจำเลย ให้จำเลยมีสิทธิอยู่ในอาคารนั้น หรือให้จำเลยรื้อถอนอาคารนั้นไปได้ ห้องแย้งจึงเป็นกรณีต่างเรื่องต่างประเด็นกับคำฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้งดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์จากการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมอำพราง การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทำให้ศาลสั่งไม่รับฟ้อง
โจทก์ยื่นคำฟ้องความว่า โจทก์ตกลงจำนองที่ดินไว้แก่จำเลยแต่โจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินก่อนสัญญาถึงกำหนด โจทก์ขอไถ่ จำเลยบ่ายเบี่ยงเพื่อจำเลยจะได้อ้างกรรมสิทธิ์ต่อโจทก์เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต สัญญาขายฝากนั้นเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีย่อมเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก และให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ ดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาคืนซึ่งกรรมสิทธิ์จากจำเลย โดยอ้างว่านิติกรรมที่ได้ทำไว้ต่อกันนั้นเสื่อมเสีย คำขอของโจทก์จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ อันจะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่ดิน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมให้ครบภายใน 15 วันแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ศาลก็ต้องสั่งไม่รับฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม - ตัวแทนตกลงโดยโจทก์ไม่ยินยอม ศาลไม่รับฟ้อง
โจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องแย้งอ้างว่าจำเลยกับ อ.ได้ตกลงกันไว้ว่าจำเลยยอมย้ายออกจากตึกพิพาทโดย อ. ต้องสร้างตึกขึ้นใหม่ให้จำเลยเช่า 15 ปี และจำเลยยอมจ่ายค่าก่อสร้างให้ อ. เป็นงวด ๆ ผิดนัดงวดใดให้ อ. ริบเงินที่ชำระแล้วได้ ถ้า อ. ไม่ก่อสร้างตามข้อตกลง อ. ยอมคืนเงินให้ ถ้าไม่คืน โจทก์ต้องรับผิดใช้คืนให้และให้จำเลยสร้างต่อจนเสร็จ ครั้นถึงกำหนดทำสัญญา อ. แจ้งว่าโจทก์ไม่ยอมรับรองตามที่ตกลงกันไว้ หากโจทก์มอบอำนาจแก่ อ. จริง อ. ย่อมเป็นตัวแทนโจทก์ ข้อตกลงนี้ย่อมผูกพันโจทก์ฟ้องแย้งเช่นนี้เท่ากับว่าถ้า อ. เป็นตัวแทนของโจทก์จริง ๆ แล้วจึงจะขอให้บังคับโจทก์ และแสดงอยู่ในตัวว่า อ. จะต้องไปเจรจากับโจทก์ให้ยอมรับรองข้อตกลงดังกล่าวอีกทีก่อน จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและตัดสินชี้ขาดเข้าด้วยกันได้ ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฟุ่มเฟือยไม่แก้ไขตามคำสั่งศาล ศาลไม่รับฟ้อง ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งมีเงื่อนไขพิจารณารวมกับฟ้องเดิมไม่ได้ ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าเพื่อขอให้ยกฟ้องโจทก์ และฟ้องแย้งว่าเมื่อโจทก์จะให้จำเลยเลิกเช่า โจทก์จะต้องคืนเงินค่าเช่าบางส่วนแก่จำเลย ดังนี้ เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขพิจารณารวมไปกับฟ้องเดิมไม่ได้ จึงไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งเช่นนี้ไว้พิจารณา (อ้างฎีกาที่ 956/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ในคดีอนาถา: ศาลต้องยกคำขอหากมีเหตุต้องห้าม มิใช่สั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้น ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจท์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก้พึงสั่งยกคำขอเสีย หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ ฎีกา ในชั้นนี้ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องสั่งยกคำขอฟ้องอนาถา หากเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ตามกฎหมาย ไม่ควรสั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้นถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก็พึงสั่งยกคำขอเสียหาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ฎีกาในชั้นนี้ให้โจทก์