พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: ผลของการไม่โต้แย้งการประเมินและการสิ้นสิทธิในการอ้างเหตุผลความไม่ถูกต้อง
พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมิน หรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ตามที่พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 25 กำหนดไว้ และมิได้ชำระค่าภาษีให้โจทก์ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเท่ากับว่าผลของการประเมินของโจทก์เป็นยุติแล้ว โดยห้ามมิให้จำเลยนำคดีมาสู่ศาล ซึ่งหมายความรวมถึงว่าจำเลยย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งว่า การประเมินไม่ถูกต้องด้วย ดังนี้เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีดังกล่าว จำเลยจะต่อสู้คดีว่าการประเมินไม่ถูกต้องหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองหุ้นโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หากผู้รับโอนรู้เห็นและไม่โต้แย้ง ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองเมื่อเวลาผ่านไป
การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อของบริษัทจำกัดแม้จะกระทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่เมื่อผู้ร้องรู้เห็นมิได้โต้แย้งปฏิเสธการโอนหุ้นนั้นจึงถือได้ว่าผู้ร้องรับหุ้นนั้นไว้โดยเจตนายึดถือเพื่อตนย่อมได้สิทธิครอบครองเมื่อครอบครองเป็นเวลาเกินกว่า5ปีหากการโอนหุ้นเป็นโมฆะผู้ร้องก็ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้วจึงต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นส่วนที่ยังชำระไม่ครบตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทวงถาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นอำนาจศาลแรงงานในคดีกู้ยืมเงิน เพราะโจทก์ไม่โต้แย้งตั้งแต่แรก
แม้หนี้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยในคดีแรงงานจะเป็นเรื่องกู้ยืมเงินอันไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางก็ตามแต่เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งในปัญหาข้อนี้ไว้ทั้งยอมรับว่าเป็นหนี้จำเลยตามฟ้องแย้งจริงเมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้ตามคำฟ้องแย้งแก่จำเลยศาลฎีกาเห็นไม่สมควรยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนาเมื่อคู่ความไม่โต้แย้งความถูกต้อง
เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้ตรวจดูและ เบิกความรับรองโดยทนายจำเลยได้ส่งต้นฉบับให้โจทก์ตรวจดูแล้ว จึงขอส่งสำเนาแทนต้นฉบับโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาเอกสารนี้ มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับถือว่าโจทก์ยอมรับความถูกต้อง ของเอกสารนี้แล้ว แม้จะเป็นเพียงสำเนาศาลก็รับฟังประกอบถ้อยคำ ของโจทก์ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3985/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในชั้นพิจารณาทำให้สิทธิอุทธรณ์ระงับ และประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อนแล้ว แถลงหมดพยานศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงงดสืบพยานโจทก์ และนัดฟังคำพิพากษาในวันรุ่งขึ้นคำสั่งเช่นนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ทนายจำเลยรับทราบ คำสั่งในวันนั้น และยังมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ก่อนฟังคำพิพากษา แต่ก็มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2)
จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการมิชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัยให้
ตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในศาลอุทธรณ์เช่นเดียวกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการมิชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัยให้
ตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในศาลอุทธรณ์เช่นเดียวกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3985/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในชั้นพิจารณา และประเด็นข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นอุทธรณ์ ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อน แล้วแถลงหมดพยานศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงงดสืบพยานโจทก์ และนัดฟังคำพิพากษาในวันรุ่งขึ้นคำสั่งเช่นนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาทนายจำเลยรับทราบ คำสั่งในวันนั้น และยังมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ก่อนฟังคำพิพากษา แต่ก็มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการมิชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัยให้
ตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในศาลอุทธรณ์เช่นเดียวกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจากโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในศาลอุทธรณ์เช่นเดียวกันศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่มีพยาน และผลของการไม่โต้แย้งคำพิพากษา
โจทก์และพยานโจทก์ไม่มาศาลแต่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลและพิพากษายกฟ้องดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 มิได้เพราะมิใช่เป็นกรณีที่ศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ในความผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำเลย และริบรถยนต์ของกลาง จำเลยมิได้อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง ดังนั้น คดีเฉพาะกระทงความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่ริบรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3610/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรส: ศาลฎีกาชี้ว่าหากจำเลยไม่โต้เถียงราคาที่ดินตามฟ้องโจทก์ ศาลต้องใช้ราคาตามที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันและขอแบ่งสินสมรสหลายรายการระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความแถลงตกลงกันในการแบ่งทรัพย์สินบางรายการ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดให้แบ่งทรัพย์สินที่ตกลงกันได้นั้นไปตามที่คู่ความตกลงกันส่วนรายการที่ตกลงกันไม่ได้ ศาลวินิจฉัยชี้ขาดไปตามพยานหลักฐานของคู่ความ ดังนี้ ศาลไม่อาจคืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์ได้ เพราะกรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าคดีได้เสร็จเด็ดขาดลงโดยสัญญาหรือการประนีประนอมยอมความที่จะทำให้ศาลมีอำนาจคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแก่คู่ความที่เกี่ยวข้องได้
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
การที่จะพิจารณาให้คู่ความใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจของศาล โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดีของคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่ดินแปลงพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสมีราคา 9 ล้านบาทขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 4.5 ล้านบาท จำเลยเพียงแต่ให้การปฏิเสธว่าที่ดินแปลงพิพาทไม่ใช่สินสมรส แต่ไม่ได้โต้เถียงในเรื่องราคาที่ดินและจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง จึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่าที่ดินแปลงพิพาทมีราคา 9 ล้านบาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าจ้าง: ศาลชอบที่จะไม่วินิจฉัยหากคู่ความไม่โต้แย้ง
เมื่อประเด็นที่ว่าจำเลยค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดปัญหาข้อนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ โดยโจทก์จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด ถือได้ว่าคู่ความสละเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้แล้ว