พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูป: จำเลยเพียงรับจ้างขนไม้ ไม่ได้ครอบครองหรือรู้อยู่ว่าผิดกฎหมาย
จำเลยรับจ้างขนไม้แปรรูปของกลางให้ ส. และขณะเกิดเหตุจำเลยร่วมกับ ส. ขนไม้แปรรูปจากรถยนต์ของจำเลยที่ใช้รับจ้างขนไม้ การที่ ส. เจ้าของไม้นั่งมาในรถและควบคุมไม้มาด้วยตนเอง โดยที่ ส. ไม่มีเจตนาสละการครอบครองไม้ให้จำเลยหรือให้จำเลยครอบครองด้วย และจำเลยก็ไม่มีเจตนาครอบครองไม้นั้น ถือว่า ส. ครอบครองไม้ดังกล่าวแต่ผู้เดียว จำเลยไม่มีส่วนร่วมในการครอบครอง จึงไม่มีความผิดร่วมกับ ส. ฐานมีไม้ไว้ในครอบครอง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย ก็จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปจากที่ดินตนเอง ไม่เป็นไม้หวงห้าม ไม่ผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้แปรรูปซึ่งแปรรูปจากไม้ซึ่งขึ้นในที่ดินของจำเลย และไม่ใช่ไม้สักหรือไม้ยาง ทั้งมิได้ขึ้นอยู่ในป่า จึงไม่เป็นไม้หวงห้าม จำเลยมีไม้แปรรูปดังกล่าวไว้ในครอบครอง จึงไม่มีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2088/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปจากที่ดินส่วนตัว ไม่เป็นไม้หวงห้าม ไม่ผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้แปรรูปซึ่งแปรรูปจากไม้ซึ่งขึ้นในที่ดินของจำเลยและไม่ใช่ไม้สักหรือไม้ยาง ทั้งมิได้ขึ้นอยู่ในป่าจึงไม่เป็นไม้หวงห้ามจำเลยมีไม้แปรรูปดังกล่าวไว้ในครอบครอง จึงไม่มีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป การกระทำเป็นคนละกรรม
จำเลยที่ 1 วานให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 แปรรูปไม้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานแปรรูปไม้กระทงหนึ่งเมื่อแปรรูปไม้สำเร็จเป็นไม้แปรรูปแล้ว จำเลยที่ 1 มีไม้แปรรูปนั้นไว้จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต้องมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยพิจารณาจากการนำไปใช้ประโยชน์
จำเลยนำไม้มะค่าโมงของกลางรองกระสอบข้าวโพด เห็นได้ว่าเป็นการพรางเพราะพื้นฉางเป็นซิเมนต์ย่อมไม่ต้องใช้ไม้หนาอย่างดีและมีราคา ส่วนไม้ที่ปูร้านสีข้าวโพด ก็ไม่ได้ตอกตะปูรื้อออกได้ง่าย ยังมิได้เปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องใช้ ดังนี้ ไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูปและไม้ท่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดสองกรรมสองกระทง
ฟ้องว่าจำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48,73 และมีไม้สักอันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 69จำเลยให้การรับสารภาพ. แม้จำเลยกระทำผิดในวันเดียวกันก็เป็นการกระทำผิดสองกรรมสองกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์แหล่งที่มาของไม้แปรรูปเป็นสาระสำคัญในการฟ้องผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ หากโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไม้มาจากในป่า คดีความไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยนำไม้ยางพาราซึ่งเป็นไม้ที่ทำ โดยไม่ต้องรับอนุญาตบรรทุกรถยนต์ออกไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้วนำเคลื่อนที่ไปโดยไม่มีใบเบิกทางกำกับ โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลก็ย่อมจะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำว่า "ไม้ที่ทำ" ตามมาตรา 38 (2) อยู่ในความหมายของคำว่า "ทำไม้" ตามมาตรา 4(5) คือ การตัด ฟัน กาน โค่น ลิด เลื่อย ผ่าน ถาก ทอน ขุด ชักลากไม้ในป่าหรือนำออกจากป่าด้วยประการใด ๆ และหมายความรวมถึงการกระทำดังกล่าวกับไม้สักหรือไม้ยางที่ขึ้นอยู่ในที่ดินซึ่งมิใช่ป่า หรือการนำไม้สักหรือไม้ยางออกจากที่ดินที่ไม้นั้น ๆ ขึ้นอยู่ด้วย เห็นได้ว่า การทำไม้นั้นนอกจากไม้สักหรือไม้ยางแล้วหมายถึงเฉพาะไม้ที่อยู่ในป่าเท่านั้น การนำไม้ที่ทำเคลื่อนที่ตามมาตรา 38 (2) ซึ่งเมื่อนำออกมาถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้วจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและเมื่อจะนำเคลื่อนที่ต่อไปจะต้องมีใบเบิกทางของเจ้าพนักงานไปด้วยตามมาตรา 39 ต้องเป็นไม้ที่ทำจากไม้ในป่านั่นเอง ข้อเท็จจริงที่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ทำจากป่าหรือไม่จึงเป็นสาระสำคัญแห่งคดี เมื่อโจทก์แถลงว่าไม่ทราบว่าไม้ (ยางพารา) ของกลางเป็นไม้ที่ได้มาจากป่าหรือไม่ ศาลจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำว่า "ไม้ที่ทำ" ตามมาตรา 38 (2) อยู่ในความหมายของคำว่า "ทำไม้" ตามมาตรา 4(5) คือ การตัด ฟัน กาน โค่น ลิด เลื่อย ผ่าน ถาก ทอน ขุด ชักลากไม้ในป่าหรือนำออกจากป่าด้วยประการใด ๆ และหมายความรวมถึงการกระทำดังกล่าวกับไม้สักหรือไม้ยางที่ขึ้นอยู่ในที่ดินซึ่งมิใช่ป่า หรือการนำไม้สักหรือไม้ยางออกจากที่ดินที่ไม้นั้น ๆ ขึ้นอยู่ด้วย เห็นได้ว่า การทำไม้นั้นนอกจากไม้สักหรือไม้ยางแล้วหมายถึงเฉพาะไม้ที่อยู่ในป่าเท่านั้น การนำไม้ที่ทำเคลื่อนที่ตามมาตรา 38 (2) ซึ่งเมื่อนำออกมาถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้วจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและเมื่อจะนำเคลื่อนที่ต่อไปจะต้องมีใบเบิกทางของเจ้าพนักงานไปด้วยตามมาตรา 39 ต้องเป็นไม้ที่ทำจากไม้ในป่านั่นเอง ข้อเท็จจริงที่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ทำจากป่าหรือไม่จึงเป็นสาระสำคัญแห่งคดี เมื่อโจทก์แถลงว่าไม่ทราบว่าไม้ (ยางพารา) ของกลางเป็นไม้ที่ได้มาจากป่าหรือไม่ ศาลจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปในสภาพสิ่งปลูกสร้าง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ หากไม่มีเจตนาพราง
ไม้ของกลาง 19 แผ่นวางเรียงทำเป็นพื้นบ้าน มีห้องนอน ห้องครัว และห้องเก็บของ ส่วนไม้ที่เหลืออีก 7 แผ่น ใช้ทำเป็นฝากโรงเก็บข้าวโพด การที่ไม้ดังกล่าวยังไม่ได้ไสกบให้เรียบหรือการที่จำเลยเพิ่งตอกตะปูไม้พื้นภายหลังถูกจับแล้ว ก็อาจเป็นเพราะบ้านปลูกอยู่ในชนบทและจำเลยยากจน บ้านหลังนี้มีทะเบียนบ้าน จำเลยปลูกและอาศัยอยู่กับบุตรภรรยาเป็นเวลานานถึงประมาณ 6 ปีแล้ว ไม่มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่า ไม้ของกลางจะอยู่ในสภาพพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้าง เมื่อไม้ของกลางอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างก็ไม่ใช่ไม้แปรรูปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4 (4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2515 ข้อ 1 การมีไม้ของกลางดังกล่าวไว้ในความครอบครองจึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลาง 19 แผ่นวางเรียงทำเป็นพื้นบ้าน มีห้องนอนห้องครัว และห้องเก็บของ ส่วนไม้ที่เหลืออีก 7 แผ่นใช้ทำเป็นฝาโรงเก็บข้าวโพด การที่ไม้ดังกล่าวยังไม่ได้ไสกบให้เรียบหรือการที่จำเลยเพิ่งตอกตะปูไม้พื้นภายหลังถูกจับแล้ว ก็อาจเป็นเพราะบ้านปลูกอยู่ในชนบทและจำเลยยากจน บ้านหลังนี้มีทะเบียนบ้าน จำเลยปลูกและอาศัยอยู่กับบุตรภรรยาเป็นเวลานานถึงประมาณ 6 ปีแล้ว ไม่มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่า ไม้ของกลางจะอยู่ในสภาพพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้าง เมื่อไม้ของกลางอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างก็ไม่ใช่ไม้แปรรูปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่10 เมษายน พ.ศ.2515 ข้อ1 การมีไม้ของกลางดังกล่าวไว้ในความครอบครองจึงไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: การพิจารณา 'เครื่องใช้' ที่ไม่มีการใช้ในท้องถิ่นเป็นไม้แปรรูป
ไม้หวงห้ามของกลางเป็นแผงรองลังน้ำอัดลมเป็นเครื่องใช้ซึ่งโรงงานเป๊ปซี่อุดรธานีจ้างนำไปส่งนครราชสีมา ในอุดรธานีไม่มีการใช้ไม้ ดังนี้เป็นปกติ จึงเป็น 'ไม้แปรรูป' ตาม ป.ว.106 วันที่ 10 เมษายน 2515