พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดีพนันเมื่อพ้นโทษยังไม่เกิน 3 ปี: การตีความ 'ไม่ครบ 3 ปี' กับ 'ไม่เกิน 3 ปี'
โจทฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทสถานลักเล่นการพนันพ้นโทสไปยังไม่เกิน 3 ปี จำเลยรับว่าเคยต้องโทสมาแล้วพ้นโทสยังไม่เกิน 3 ปีจิงดังนี้ จะเพิ่มโทสจำเลยไม่ได้และกรนีเช่นนี้สาลไม่จำต้องสั่งไห้สืบพยานไนข้อที่พ้นโทสนั้นอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษ พ.ร.บ.การพนัน: เกิน 3 ปีจากโทษเดิม สิทธิเพิ่มโทษสิ้นสุด
ในเรื่องเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบตามพ.ร.บ.การพนันนั้น ถ้าจำเลยพ้นโทษมาครบ 3 ปีแล้ว ก็เพิ่มโทษไม่ได้ ในเรื่องเพิ่มโทษตาม พ.ร.บ.การพนันโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษมายังไม่เกิน 3 ปี จำเลยก็รับสารภาพ ดังนี้เพิ่มโทษไม่ได้เพราะจำเลยอาจพ้นโทษมาครบ 3 ปีแล้วก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7609/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี สัญญาเช่ามีผลใช้ได้เพียง 3 ปีแรกตามคำมั่น
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับจำเลย แม้ในสัญญาเช่ามีข้อความระบุว่า ผู้ให้เช่าให้คำมั่นว่าจะต่ออายุการเช่าออกไปอีกสองคราว มีกำหนดคราวละ 3 ปี แต่เมื่อรวมระยะเวลาตามคำมั่นแล้วมีกำหนด 6 ปี จึงเป็นกรณีที่ผู้ให้เช่าให้คำมั่นว่าจะให้เช่าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดเกินกว่า 3 ปี เมื่อโจทก์ผู้เช่าได้แสดงเจตนาเข้ารับคำมั่นสัญญาเช่าจึงมีผลต่อไปเพียง 3 ปี ตามคำมั่นของผู้ให้เช่าว่าจะให้ผู้เช่าต่ออายุการเช่าในครั้งแรกเท่านั้น โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่าและไปจดทะเบียนการเช่าในครั้งที่สองซึ่งเกินกว่า 3 ปีไม่ได้ เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงและต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 538 ซึ่งบังคับให้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความตั๋วสัญญาใช้เงิน: ฟ้องขาดอายุความเมื่อฟ้องหลัง 3 ปีนับจากวันครบกำหนด 30 วันหลังทวงถาม
โจทก์บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. จากมูลหนี้สัญญากู้เงินระยะสั้น หาใช่ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเงินกู้แต่อย่างใดไม่โดยโจทก์มีเพียงภาพถ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินแนบมาท้ายฟ้องเท่านั้น ไม่มีสัญญากู้เงินมาแนบด้วย และไม่อาจถือได้ว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหลักฐานการกู้เงิน เนื่องจากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นตั๋วเงิน เป็นเอกสารคนละประเภทกับสัญญากู้เงิน ทั้งเมื่อโจทก์นำสืบก็ไม่มีสัญญากู้เงินระยะสั้นมาอ้างเป็นพยานด้วย มีเพียงตั๋วสัญญาใช้เงินมาอ้างเป็นพยานเท่านั้น กรณีไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินแต่ถือว่าโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงต้องนำอายุความตั๋วสัญญาใช้เงินมาบังคับใช้ ไม่ใช่อายุความตามสัญญากู้เงิน
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถาม อายุความจึงเริ่มนับเมื่อทวงถามปรากฏตามหนังสือบอกกล่าวทวงถามว่า บริษัท อ. ผู้รับเงินแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือฉบับนี้ จึงต้องเริ่มนับอายุความเมื่อครบกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่โจทก์และจำเลยต่างไม่นำสืบว่าจำเลยได้รับหนังสือเมื่อไร เมื่อหนังสือทวงถามดังกล่าวลงวันที่ 24 เมษายน 2540 จึงพออนุมานได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 25 เมษายน 2540 เริ่มนับ 30 วันตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2540 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ครบกำหนด 30 วันในวันที่ 25 พฤษภาคม 2540 อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2540 ไปเป็นเวลา 3 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 ครบกำหนด 3 ปีในวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 เกินกว่า 3 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ณ สำนักงานตั้งอยู่ถนนสาธรใต้แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิทำให้เกิดอำนาจฟ้อง ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัท อ. จึงมีสิทธิฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถาม อายุความจึงเริ่มนับเมื่อทวงถามปรากฏตามหนังสือบอกกล่าวทวงถามว่า บริษัท อ. ผู้รับเงินแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือฉบับนี้ จึงต้องเริ่มนับอายุความเมื่อครบกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่โจทก์และจำเลยต่างไม่นำสืบว่าจำเลยได้รับหนังสือเมื่อไร เมื่อหนังสือทวงถามดังกล่าวลงวันที่ 24 เมษายน 2540 จึงพออนุมานได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 25 เมษายน 2540 เริ่มนับ 30 วันตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2540 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ครบกำหนด 30 วันในวันที่ 25 พฤษภาคม 2540 อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2540 ไปเป็นเวลา 3 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 ครบกำหนด 3 ปีในวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 เกินกว่า 3 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ณ สำนักงานตั้งอยู่ถนนสาธรใต้แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิทำให้เกิดอำนาจฟ้อง ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัท อ. จึงมีสิทธิฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)