คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าธรรมเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7405/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี/ที่ดิน ทำให้ยึดทรัพย์ผิดพลาด โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้าย ป.วิ.พ. ค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย เป็นค่าบริการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกเก็บจากคู่ความที่มาขอใช้บริการการยึดทรัพย์จากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แต่ต่อมาไม่มีการขายทรัพย์ที่ยึดนั้น อย่างไรก็ตามคู่ความจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเช่นว่านี้ก็ต่อเมื่อเหตุที่คู่ความนำยึดทรัพย์นั้นมิได้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่โดยผิดพลาดบกพร่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องด้วย คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีพิมพ์หมายเลขที่โฉนดที่ดินที่ขออายัดชั่วคราวและเจ้าพนักงานที่ดินรับรองสำเนาโฉนดที่ดินไม่ถูกต้องตรงต่อความจริง ล้วนมีส่วนทำให้ผู้แทนโจทก์เข้าใจผิดว่าขณะนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 43985 นั้น ที่ดินโฉนดดังกล่าวยังเป็นของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ดังนั้น การที่ผู้แทนโจทก์นำยึดที่ดินแล้วมีเหตุต้องถอนการยึดเพราะที่ดินที่ยึดมิใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันจะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้เช่นนั้น จึงหาใช่เกิดจากความผิดของโจทก์ผู้นำยึดทรัพย์ไม่ โจทก์จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายตามตาราง 5 (3) ท้าย ป.วิ.พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7405/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี/ที่ดินทำให้ยึดทรัพย์ผิดพลาด โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายต้องเสียก็ต่อเมื่อเหตุที่คู่ความนำยึดทรัพย์นั้นมิได้เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่โดยผิดพลาดบกพร่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องด้วย เมื่อการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีพิมพ์หมายเลขที่โฉนดที่ดินที่ขออายัดชั่วคราวและเจ้าพนักงานที่ดินรับรองสำเนาโฉนดที่ดินไม่ถูกต้องตรงต่อความจริง ล้วนมีส่วนทำให้ผู้แทนโจทก์เข้าใจผิดว่าขณะนำยึดที่ดินที่ดินยังเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ดังนั้นการที่ผู้แทนโจทก์นำยึดที่ดินแล้วมีเหตุต้องถอนการยึด จึงมิใช่เกิดจากความผิดของโจทก์ผู้นำยึดทรัพย์ โจทก์จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายตามตาราง 5 (3) ท้าย ป.วิ.พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6732/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ ศาลชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ทันที หรือยกอุทธรณ์มากกว่าสั่งทิ้งอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์นั้นด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้ปฏิบัติก่อน ดังนั้นในชั้นตรวจอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์เสียทันที แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งเกี่ยวกับการทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสียโดยไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นเกี่ยวกับการทิ้งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทิ้งอุทธรณ์โดยมิได้สั่งยกอุทธรณ์ จึงมิชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจึงต้องยกเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4979/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสาร แม้ไม่ได้เสียค่าธรรมเนียม หากไม่มีเจตนาไม่ชำระ ศาลยังรับฟังได้
ค่าอ้างเอกสารเป็นค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เมื่อไม่ปรากฏว่า โจทก์จงใจที่จะไม่ชำระค่าธรรมเนียมเช่นนี้ ก็ไม่มีบทกฎหมายจะให้ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะอ้างเอกสารเป็นพยาน ตามบทบัญญัติใน ป.วิ.พ. มาตรา 87 ก็บัญญัติแต่เพียงว่า ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความมิได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงเท่านั้น ทั้งยังยกเว้นไว้ด้วยว่า ถ้าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี แม้จะฝ่าฝืนบทบัญญัติในอนุมาตรานี้ก็ให้อำนาจศาลที่จะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านี้ได้ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ จึงไม่ใช่เรื่องที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4023/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินค่าธรรมเนียมที่วางศาลก่อนล้มละลาย: เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางต่อศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 มิใช่เป็นการวางเพื่อชำระหนี้ให้แก่คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีในศาลชั้นต้น จึงต้องถือว่าเงินดังกล่าวยังเป็นของผู้อุทธรณ์ ดังนั้น เมื่อจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนที่โจทก์จะยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยวางไว้ กรณีจึงต้องถือว่าเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยวางไว้เป็นทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109 (1) โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับไปจากศาลชั้นต้น คงมีสิทธิเพียงยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2201/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่กระทบคำพิพากษาไม่ต้องวางค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
ป.วิ.พ. มาตรา 229 บัญญัติว่า "การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์นั้นด้วย..." บทบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับเฉพาะกรณีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินของศาลชั้นต้นตลอดจนการอุทธรณ์คำสั่งอื่น ๆ ของศาลชั้นต้นที่มีผลกระทบต่อคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีตัดสินคดีของศาลชั้นต้นเท่านั้น หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยร่วมได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่าคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยร่วมเพียงแต่กล่าวอ้างว่ามีพยานบุคคลและพยานหลักฐานซึ่งหากนำเข้าสู่การพิจารณาจะทำให้พยานหลักฐานของจำเลยร่วมมีน้ำหนักน่าเชื่อว่าพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า หากพิจารณาคดีใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว คำร้องของจำเลยร่วมจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 199 จัตวา จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยร่วมอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ อุทธรณ์ของจำเลยร่วมดังกล่าวหากศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยร่วม ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็จะพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยร่วมและไต่สวนพยานของจำเลยร่วมแล้วมีคำสั่งไปตามรูปคดีว่าจะอนุญาตให้จำเลยร่วมพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ การอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยร่วมในชั้นนี้จึงไม่มีผลโดยตรงต่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สิ้นผลบังคับแต่อย่างใด เมื่ออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยร่วมจึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์และโจทก์ร่วมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์และสั่งให้วางค่าธรรมเนียม
การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่นั้น หากอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมพิพากษาให้พิจารณาใหม่ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ต้องถูกเพิกถอนไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 เบญจ วรรคสาม อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวมีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลง และเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้ส่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลชั้นต้นก็ย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวโดยมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 หลังจากที่มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 แต่มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนั้นเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้แก่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 232

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่วางเงินค่าธรรมเนียม ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ มีผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ได้ทันที โดยไม่ต้องกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวเสียก่อนเพราะกรณีมิใช่เรื่องของการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยไม่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 18
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 โดยมิได้สั่งให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว ถือได้ว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลงและเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้ส่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์และมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์หลังจากที่มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับอุทธรณ์แต่มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้แก่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1391/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการรับคืนเงินค่าธรรมเนียมที่วางศาลเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คดีบางส่วน และค่าธรรมเนียมในชั้นต้นยังคงมีผล
เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 นั้น เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้ว ผู้ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ได้ โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนสำหรับคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจก้างล่วงไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมของศาลชั้นต้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่เห็นสมควรไม่แก้ไขคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กล่าวว่า ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ย่อมหมายความว่า ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งหกในชั้นอุทธรณ์เท่านั้นที่เป็นพับ คำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนที่สั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์มิได้ถูกเพิกถอน เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายแพ้คดีในชั้นที่สุด และจำเลยทั้งหกยังมีความรับผิดที่จะต้องร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ตามที่ศาลอุทธรณ์กล่าวไว้ในตอนท้ายของคำพิพากษา โจทก์ย่อมมีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยทั้งหกผู้อุทธรณ์วางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1332/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังมีคำพิพากษา และผลกระทบต่อการอุทธรณ์ การวางเงินค่าธรรมเนียมก่อนอุทธรณ์
จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์ย่อมไม่ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ จึงไม่มีเหตุที่จะให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์
of 52