พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินจำนองที่ดิน: การนำสืบการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จำนวนหนึ่งแสนบาทคืนจากจำเลย และจำเลยให้การว่าได้นำที่ดินตามฟ้องทำจำนองไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันเงินกู้หนึ่งแสนบาทจริง แต่ได้กู้ยืมและรับเงินกันเพียง 80,000 บาท อีก 20,000 บาท เป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดรวมเข้าไว้ด้วยนั้น จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้ว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์เพียง 80,000 บาท แต่โจทก์คิดดอกเบี้ย 20,000 บาทรวมไปด้วยเพราะเป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (อ้างฎีกาที่ 936/2504) แต่จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระเงินต้นบางส่วนให้แก่โจทก์แล้วไม่ได้ เพราะมูลคดีนี้เป็นเรื่องกู้ยืมโดยมีที่ดินจำนองเป็นประกันอันมีหลักฐานเป็นหนังสือ จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผุ้ให้ยืมหรือได้เวนคืน หรือได้แทงเพิกถอนในเอกสารการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานบุคคลในคดีกู้ยืมมีประกันจำนอง: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จำนวนหนึ่งแสนบาทคืนจากจำเลยและจำเลยให้การว่าได้นำที่ดินตามฟ้องทำจำนองไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันเงินกู้หนึ่งแสนบาทจริง แต่ได้กู้ยืมและรับเงินกันเพียง 80,000 บาท อีก 20,000 บาทเป็นดอกเบี้ยที่โจทก์คิดรวมเข้าไว้ด้วยนั้น จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้ว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์เพียง 80,000 บาท แต่โจทก์คิดดอกเบี้ย20,000 บาท รวมไปด้วยเพราะเป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(อ้างฎีกาที่ 936/2504) แต่จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระเงินต้นบางส่วนให้แก่โจทก์แล้วไม่ได้ เพราะมูลคดีนี้เป็นเรื่องกู้ยืมโดยมีที่ดินจำนองเป็นประกันอันมีหลักฐานเป็นหนังสือ จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมหรือได้เวนคืน หรือได้แทงเพิกถอนในเอกสารการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองเหนือทรัพย์จำนอง แม้มีการซื้อขายทรัพย์ก่อนบังคับคดี ผู้ซื้อไม่มีสิทธิขัดทรัพย์
โจทก์ฟ้องผู้จำนองจนมีผลการบังคับคดียึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาจำนองแล้ว การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์รับซื้อทรัพย์ที่จำนองจากผู้จำนองและศาลพิพากษาให้ผู้จำนองโอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญา แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษานั้น ผู้ร้องขัดทรัพย์มีฐานะเท่ากับบุคคลภายนอกที่จะได้รับโอนทรัพย์จำนองซึ่งอยู่ใระหว่างถูกยึดขายทอดตลาด ย่อมต้องถูกบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้รับจำนองเหนือบุคคลภายนอกที่จะได้รับโอนทรัพย์จำนองที่ถูกยึดขายทอดตลาด
โจทก์ได้ฟ้องผู้จำนองจนมีการบังคับคดียึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาจำนองแล้ว การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์รับซื้อทรัพย์ที่จำนองจากผู้จำนองและศาลพิพากษาให้ผู้จำนองโอนขายให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาแต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ร้องตามคำพิพากษานั้นผู้ร้องขัดทรัพย์มีฐานะเท่ากับบุคคลภายนอกที่จะได้รับโอนทรัพย์จำนองซึ่งอยู่ในระหว่างถูกยึดขายทอดตลาด ย่อมต้องถูกบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาไม่ถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่โจทก์กำหนด และการบังคับจำนอง
เมื่อจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ไถ่ถอนจำนองภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ จำเลยก็พูดกับผู้ส่งหนังสือว่า ไม่มีเงิน ถ้าอยากได้เร็ว ๆ ให้ฟ้องเอา เห็นได้ว่าจำเลยได้แสดงเจตนาไม่ถือเอาประโยชน์จากระยเวลาที่โจทก์กำหนดให้ เมื่อโจทก์ได้ให้เวลาแก่จำเลยหลังทราบคำบอกกล่าวแล้วถึง 13 วัน อันเป็นระยะเวลาพอสมควรโจทก์มีอำนาจฟ้องได้โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบอกกล่าว
จำเลยฎีกา สมควรอนุญาตให้จำเลยอ้างพยานเพิ่มเติมคำร้องของจำเลย เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะอนุญาตให้จำเลยสืบพยานตามที่ระบุไว้นั้น ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ไม่มีความจำเป็นต้องสืบพยานเช่นนั้น ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่าสมควรจะรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยนั้นหรือไม่
จำเลยฎีกา สมควรอนุญาตให้จำเลยอ้างพยานเพิ่มเติมคำร้องของจำเลย เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะอนุญาตให้จำเลยสืบพยานตามที่ระบุไว้นั้น ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ไม่มีความจำเป็นต้องสืบพยานเช่นนั้น ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่าสมควรจะรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยนั้นหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามข้อตกลงชำระหนี้และการจำนองที่ดินเพื่อประกันหนี้
โจทก์เข้าใจว่า ม. บุตรของจำเลยทั้งสองฉ้อโกงค่าน้ำมันโจทก์ จึงไปทำความตกลงกันที่สถานีตำรวจ ม. ยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่ และจำเลยที่ 1 ร่วมกับ ม. ยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ก่อน ส่วนที่เหลือจำเลยที่ 1 เอา น.ส. 3 สามฉบับของจำเลยทั้งสองให้โจทก์ยึดถือเป็นประกันได้ทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวกันไว้ คดีอาญาจึงเลิกกัน รุ่งขึ้นโจทก์และจำเลยทั้งสองไปยื่นเรื่องราวขอทำจำนองที่ดินตาม น.ส.3 นั้นแก่โจทก์โดยระบุในคำขอด้วยว่าเพื่อประกันหนี้อันแสดงว่าเพื่อเป็นประกันหนี้ที่ ม. ค้างชำระจำเลยทั้งสองจึงผูกพันต่อโจทก์ที่ จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงต่อมาในระหว่างการประกาศโฆษณาจำเลยที่ 1 กลับจะขอถอนเรื่องราวคำขอจำนองและขอรับ น.ส.3 คืน โดยโจทก์ไม่รู้เห็นยินยอมด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองกับบุคคลภายนอก: การบังคับจำนองที่ดินที่ขายฝากต้องแจ้งผู้รับโอนก่อน
จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์แล้วนำไปขายฝากแก่ผู้ร้องและไม่ไถ่คืน ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตั้งแต่วันซื้อฝากโดยมีภารจำนองติดไปด้วย หากโจทก์บังคับจำนอง โจทก์ต้องบอกกล่าวแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนล่วงหน้าเดือนหนึ่งก่อน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อโจทก์มิได้บอกกล่าวและฟ้องขอบังคับจำนองแก่ผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทที่จำเลยจำนองแก่โจทก์ เพราะผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อเห็นสมควรศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
ข้อตกลงในสัญญาจำนองที่มีเงื่อนไขไม่ให้จำเลยให้สิทธิแก่ผู้อื่นเป็นที่เสื่อมสิทธิของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ก่อนนั้นไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เมื่อจำเลยฝ่าฝืนข้อสัญญาเอาทรัพย์ที่จำนองไปขายฝากให้ผู้ร้อง หากเกิดความเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนอง จะฟังว่าผู้ร้องรับซื้อฝากโดยไม่สุจริตหาได้ไม่
ข้อตกลงในสัญญาจำนองที่มีเงื่อนไขไม่ให้จำเลยให้สิทธิแก่ผู้อื่นเป็นที่เสื่อมสิทธิของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ก่อนนั้นไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เมื่อจำเลยฝ่าฝืนข้อสัญญาเอาทรัพย์ที่จำนองไปขายฝากให้ผู้ร้อง หากเกิดความเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนอง จะฟังว่าผู้ร้องรับซื้อฝากโดยไม่สุจริตหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612-615/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้จำนองบางส่วน, เช็คค้ำประกัน, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับชำระหนี้
โจทก์กู้เงินจำเลยและจำนองที่ดินไว้เป็นประกัน ต่อมาโจทก์ออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้จำเลยเพื่อชำระหนี้จำนองดังกล่าวบางส่วน และจำเลยได้รับเงินตามเช็คนั้นแล้ว ดังนี้ แม้มิได้มีการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองบางส่วน แต่เมื่อสัญญาจำนองระบุไว้ว่าผู้รับจำนองยินยอมให้แบ่งไถ่ถอนจำนองได้ ทั้งการจำนองที่ดินนี้เป็นการจำนองเพื่อประกันเงินกู้ การผ่อนชำระต้นเงินกู้บางส่วนหาต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ ผลตามกฎหมายจึงมิใช่ว่าโจทก์มิได้ชำระหนี้เงินกู้ให้จำเลยดังจำเลยอ้าง
กรณีคู่ความซึ่งมีหน้าที่นำสืบพยานภายหลังต้องถามค้านพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคแรก (ข) นั้น หมายความว่าเพื่อพิสูจน์ข้อความอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกี่ยวด้วยการกระทำหรือถ้อยคำ หรือหนังสือซึ่งพยานที่มาเบิกความได้กระทำขึ้น ดังนั้น เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่นำพยานมาสืบก่อน แต่ตัวโจทก์ซึ่งจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คให้ได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนที่จะมาเบิกความ แม้จะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่และได้มาเบิกความต่อศาลก็ตาม ก็มิใช่ผู้ที่จำเลยออกเช็คให้โดยตรง จึงมิใช่กรณีที่จำเลยต้องถามค้านไว้ก่อนตามบทกฎหมายดังกล่าว
โจทก์ออกเช็คพิพาทให้จำเลยแทนเช็คฉบับก่อนที่จำเลยอ้างว่าหายไป เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้นำเช็คฉบับที่อ้างว่าหายนั้นไปขึ้นเงินได้แล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องรับผิดตามเช็คฉบับพิพาทอีก
กรณีคู่ความซึ่งมีหน้าที่นำสืบพยานภายหลังต้องถามค้านพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคแรก (ข) นั้น หมายความว่าเพื่อพิสูจน์ข้อความอย่างใดอย่างหนึ่งอันเกี่ยวด้วยการกระทำหรือถ้อยคำ หรือหนังสือซึ่งพยานที่มาเบิกความได้กระทำขึ้น ดังนั้น เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่นำพยานมาสืบก่อน แต่ตัวโจทก์ซึ่งจำเลยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็คให้ได้ถึงแก่กรรมเสียก่อนที่จะมาเบิกความ แม้จะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่และได้มาเบิกความต่อศาลก็ตาม ก็มิใช่ผู้ที่จำเลยออกเช็คให้โดยตรง จึงมิใช่กรณีที่จำเลยต้องถามค้านไว้ก่อนตามบทกฎหมายดังกล่าว
โจทก์ออกเช็คพิพาทให้จำเลยแทนเช็คฉบับก่อนที่จำเลยอ้างว่าหายไป เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้นำเช็คฉบับที่อ้างว่าหายนั้นไปขึ้นเงินได้แล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องรับผิดตามเช็คฉบับพิพาทอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนจำนองกรณีลูกหนี้จดจำนองโดยรู้ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
ไม่ว่าโจทก์จะเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้ก่อนหรือไม่ แต่ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 กระทำให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญา แต่จำเลยที่ 1 กลับไปจดทะเบียนจำนองที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ย่อมถือว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ได้กระทำโดยรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่พิพาทไว้โดยรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้มอบอำนาจและการผูกพันตามสัญญาจำนองที่จำเลยที่ 2 ไม่รู้เห็น
โจทก์มอบ น.ส.3 และหนังสือมอบอำนาจที่ลงแต่ลายมือชื่อโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ไว้เพื่อประกันหนี้ค่าปุ๋ยโดยตกลงกันว่าจำเลยที่ 1 จะต้องคืนเมื่อโจทก์ชำระค่าปุ๋ยแล้ว แต่จำเลยที่ 1 กลับนำไปทำสัญญาจำนองไว้กับจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 ไม่รู้ถึงข้อตกลงพฤติการณ์ของโจทก์ถือได้ว่าได้กระทำไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโจทก์จึงต้องเสี่ยงภัยกับการกระทำของตนนั้น