คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2600/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อโกงและการมีอำนาจร้องทุกข์ แม้มีการชำระหนี้บางส่วน ผู้ถูกหลอกลวงยังคงเป็นผู้เสียหาย
ป. ตกลงว่าจ้าง ส. ซ่อมรถยนต์คิดเป็นเงิน 12,500 บาทในระหว่างกำลังซ่อม จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. ได้หลอกลวง ป. ให้หลงเชื่อว่าทางอู่ของ ส. ให้จำเลยมาขอรับเงิน 5,000 บาทเพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่ในการซ่อมรถป. จึงมอบเงินให้จำเลยไป เมื่อ ป. นำเงินค่าซ่อมอีก 7,500 บาทไปชำระให้ ส. จึงรู้ว่า ส. ไม่ได้ใช้จำเลยไปเอาเงิน ดังนี้ ถือได้ว่า ป. ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว จึงมีอำนาจร้องทุกข์ได้ ถึงแม้ ส. จะรับเงินค่าซ่อมอีกเพียง 7,500 บาทไว้จาก ป. และมอบรถให้ ป. ไปแล้วก็ตามเป็นเรื่องระหว่าง ป. กับ ส. ไม่เกี่ยวกับจำเลยและเงินที่จำเลยรับไป ไม่ทำให้ ป. ผู้ถูกหลอกลวงพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงต้องมีการได้ไปซึ่งทรัพย์สิน การหลอกให้รับจ้างขนส่งไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
การที่จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายรับจ้างทำการขนส่งให้จำเลยแล้วไม่ชำระค่าขนส่งที่ตกลงไว้ว่าจะชำระให้นั้น จำเลยได้รับผลเพียงการขนส่งจากผู้เสียหาย ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงต้องมีการทำให้ทรัพย์สินของผู้เสียหายเปลี่ยนมือ การรับจ้างขนส่งแล้วไม่จ่ายค่าจ้างเป็นผิดสัญญา ไม่ใช่ฉ้อโกง
การที่จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายรับจ้างทำการขนส่งให้จำเลยแล้วไม่ชำระค่าขนส่งที่ตกลงไว้ว่าจะชำระให้นั้น จำเลยได้รับผลเพียงการขนส่งจากผู้เสียหายไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงให้ถอนฟ้องคดีล้มละลาย ไม่ถือเป็นฉ้อโกงหากไม่เกิดการได้มาซึ่งทรัพย์สิน
จำเลยได้หลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อและถอนฟ้องคดีล้มละลายคำฟ้องคดีล้มละลายไม่ใช่เอกสารสิทธิ จำเลยก็ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม โจทก์ถอนฟ้องไปจึงมิได้เป็นการถอนเอกสารสิทธิเพราะจำเลยหลอกลวงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนเงินยังไม่ถูกเพิกถอน การถอนเงินจึงไม่เป็นฉ้อโกง แม้ผู้มีอำนาจจะพ้นตำแหน่ง
จำเลยที่ 1 พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโจทก์ไปแล้ว แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็ยังมีชื่อเป็นผู้มีอำนาจถอนเงินของวัดโจทก์จากธนาคารอยู่ โดยยังไม่มีผู้ใดเพิกถอนอำนาจของจำเลยในการถอนเงินและแจ้งไปให้ธนาคารทราบ เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกันถอนเงินของโจทก์จากธนาคาร โดยจำเลยมิได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารทราบว่าจำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เป็นการหลอกลวงเจ้าหน้าที่ของธนาคาร เพราะเมื่ออำนาจการถอนเงินซึ่งจำเลยมีมาแต่เดิมยังไม่ถูกเพิกถอน การที่จำเลยไปถอนเงิน จึงเป็นการถอนเงินตามที่วัดโจทก์ตกลงไว้กับธนาคาร และการที่จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบเรื่องการถอนเงินนี้ ก็ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาไม่มีรายละเอียดเพียงพอ ขาดอายุความ และขาดองค์ความผิด ฉ้อโกงไม่สำเร็จ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 โดยบรรยายฟ้องเพียงกว้างๆ ว่า จำเลยบังอาจแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ และเอกสารสิทธิ ไม่พอที่จะทำให้จำเลยรู้ว่าเอกสารที่โจทก์กล่าวถึงนั้นคืออะไร มีอยู่จริงหรือไม่ ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
เมื่อเหตุดังกล่าวเกิดมากว่า 10 ปีแล้ว ความผิดตามมาตรา 267 และความผิดตามมาตรา 137 ที่อาศัยข้อเท็จจริงอันเดียวกัน ย่อมขาดอายุความ
การที่จำเลยใช้แบบแจ้งการครอบครองที่จำเลยแจ้งว่าที่ดินของโจทก์เป็นของจำเลยนั้น เป็นการใช้เอกสารที่มีข้อความไม่ตรงกับความจริงเท่านั้น เมื่อโจทก์มิได้บรรยายว่าเป็นเอกสารปลอมหรือเป็นเอกสารที่จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงไว้จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
จำเลยหลอกลวงเจ้าพนักงานที่ดินว่าที่ดินของโจทก์เป็นของจำเลยเจ้าพนักงานหลงเชื่อได้ออกโฉนดให้แก่จำเลย กรณีเช่นนี้โจทก์ไม่ได้ถูกหลอกลวง และจำเลยก็ไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปจากโจทก์ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดต่อโจทก์ฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โจทก์รู้เห็นเป็นใจฉ้อโกงจำเลย ย่อมไม่อาจฟ้องขอเพิกถอนการซื้อฝากที่สุจริตได้
โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้ ด. นำโฉนดของโจทก์ไปหลอกขายฝากจำเลย โดยอ้างว่าเป็นโฉนดของ ด. เอง ดังนี้ โจทก์จะอ้างเอาความไม่สุจริตของโจทก์มาฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายฝากซึ่งจำเลยรับซื้อฝากไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องคดีฉ้อโกงเนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่พบเจตนาทุจริต แม้โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นสาระสำคัญในการพิพากษาคดีฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาทุจริต แม้จะบรรยายฟ้องครบองค์ประกอบ ก็ไม่มีความผิด
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในคดีฉ้อโกง: ศาลไม่อาจบังคับจำเลยคืนทรัพย์ให้โจทก์ร่วมได้หากทรัพย์ตกอยู่ในครอบครองของตัวการ
ผู้ว่าคดีเป็นโจทก์ และผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงรถยนต์ขอให้ลงโทษและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายมาด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ารถยนต์ที่พิพาทตกไปอยู่ในความครอบครองของภรรยาเจ้าของรถยนต์ที่พิพาทแล้ว ทั้งรถยนต์ที่พิพาทก็ยังไม่ได้นำเข้ามาเป็นของกลางในคดีนี้ด้วย ตามรูปคดียังไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับจำเลยคืนรถยนต์รายนี้ให้โจทก์ร่วมได้ ทั้งจะบังคับให้จำเลยใช้ราคารถยนต์ก็ไม่ได้ เพราะรถยนต์ยังมีตัวอยู่ ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคารถยนต์แก่โจทก์ร่วมหาได้ไม่
of 94