คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกาย: การพิสูจน์เจตนาและความสมัครใจวิวาทเพื่อตัดสินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์และเรียกค่าเสียหายจำเลยให้การว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายกัน ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้แม้จะปรากฏว่าจำเลยเคยถูกพนักงานอัยการฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม กรณีก็ยังต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายกันหรือไม่ เมื่อพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยสมัครใจวิวาทกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447-2448/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยมีด: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยที่ 2 ใช้มีดบังตอ ตัวมีดยาว 8 นิ้ว กว้าง 4 นิ้ว ฟันโจทก์ที่ 2 โดยจะฟันที่ศีรษะซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย โจทก์ที่2 ยกมือรับไว้ได้รับบาดแผลที่มือขวาบริเวณระหว่างง่ามนิ้วชี้กับนิ้วกลางด้านหน้าขนาด 1X5 เซนติเมตร ด้านหลังขนาด 1X4เซนติเมตรแสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้มีดฟันโดยแรงและจำเลยที่ 2 ยังเงื้อมีดขึ้นใหม่ฟันซ้ำอีก พอดีมีผู้อื่นไปห้ามกระชากโจทก์ที่ 2 ออกไปคงถูกคมมีดเฉี่ยวที่สะโพก ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ใช้มีดฟันโดยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกและทำร้ายร่างกายในคราวเดียวกัน
จำเลยเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายทันทีเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องในคราวเดียวกันและจำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อจะกระทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2192/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและเหตุการณ์ประกอบเพื่อตัดสินว่าเป็นการทำร้ายร่างกายหรือฆ่า
จำเลยแทงผู้เสียหายเพียงทีเดียว แม้มีดปลายแหลมของกลางที่ใช้แทงมีความยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ 10 นิ้วซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ก็ตามแต่จำเลยก็แทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวและฟังไม่ถนัดว่าจะแทงผู้เสียหายซ้ำอีก บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็เป็นบาดแผลเพียงเล็กน้อย ลึกเพียงครึ่งเซนติเมตรยาว 1 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายเบามากมิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ทั้งสาเหตุที่จำเลยโกรธเคืองผู้เสียหายก็มิใช่เรื่องคอบาดบาดตายถึงกับจะฆ่ากัน จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้โจทก์อ้างบทผิดฐานอื่น ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทที่ถูกต้องได้
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ซึ่งมีอาวุธมีดกับพวกอีกสองคนมีมีดคัตเตอร์ 1 เล่มกับเหล็กอีก 1 ท่อนบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร แล้วร่วมกันประทุษร้ายร่างกายของผู้เสียหายจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ และชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบพยานหลักฐานรับฟังได้ตามคำบรรยายฟ้อง แต่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364,365(1)(2) โดยไม่ได้อ้างมาตรา 295 มาด้วยดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคห้า ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 295 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งมีดทำให้เกิดรอยถลอก ไม่ถึงขั้นอันตรายถึงกาย จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยเอามีดพร้าวางบนคอผู้เสียหายแล้วเกิดการแย่งมีดกันทำให้บริเวณต้นคอด้านซ้ายของผู้เสียหายมีรอยถูกกระแทกด้วยของแข็งเป็นปื้นสีแดงและมีรอยถลอกเป็นเส้นยาว 3 นิ้วฟุต ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นบาดแผลถึงกับเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยมีด แต่บาดแผลไม่ถึงขั้นอันตรายถึงกาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยเอามีดพร้าวางบนคอผู้เสียหายแล้วเกิดการแย่งมีดกันทำให้บริเวณต้นคอด้านซ้ายของผู้เสียหายมีรอยถูกกระแทกด้วยของแข็งเป็นปื้นสีแดงและมีรอยถลอกเป็นเส้นยาว 3 นิ้วฟุต ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นบาดแผลถึงกับเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุหลังถูกทำร้ายและการข่มขู่จากบุคคลอื่น ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษ
ผู้เสียหายชกจำเลยล้มลงกับพื้นแล้วยังเข้าเตะซ้ำอีกโดยปราศจากเหตุผลมาก่อน แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ ป. ซึ่งออกวิ่งไล่ทำร้ายพวกของจำเลยในทันทีทั้ง ๆ ที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดได้กลับมาจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก จนผู้เสียหายต้องเข้าห้ามไว้ถึงขนาดต้องยื้อยุดฉุดกัน ป. ก็ยังแสดงท่าทีจะเข้าทำร้ายจำเลยอีกพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เนื่องด้วยไม่ปรากฏว่า ป. มีอาวุธอะไรเพียงแต่จะเข้าทำร้ายเท่านั้นการที่จำเลยยิง ป. แต่กระสุนพลาดไปถูกผู้เสียหาย จึงเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์และการทำร้ายร่างกาย ถือเป็นความผิดฐานข่มขืนใจและทำร้ายร่างกาย
จำเลยที่ 3 ตบตีบังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์ แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าเมื่อผู้เยาว์ดมทินเนอร์แล้วจะเกิดผลอะไรที่เป็นเหตุไม่ให้ผู้เยาว์หลบหนีไปตามเจตนาของจำเลย และกรณีไม่ใช่เป็นเรื่องที่ศาลรู้เอง จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 กับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เยาว์โดยเตะและตบศีรษะ บังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์อันเป็นการบ่อนทำลายสุขภาพ การกระทำตามคำฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายข่มขืนใจให้ผู้เยาว์ต้องจำยอมตามนั้น คำฟ้องโจทก์จึงครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรกแม้โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 310 ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 309 วรรคแรก อันเป็นบทมาตราที่ถูกต้องได้ และการกระทำดังกล่าวเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามมาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากทำร้ายร่างกายเป็นอันตรายสาหัส และข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริงเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา295 จำคุก 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 จำคุก 2 ปี ดังนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 มิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงฐานพยายามฆ่า.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 184