คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องแย้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3079/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ vs. สิทธิเช่า: ศาลไม่รับฟ้องแย้งเรื่องค่าเสียหายที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นหลัก
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจำเลยให้การว่าได้เช่าบ้านจาก ช. จำเลยมีสิทธิอยู่ต่อไปจนครบสัญญาเช่า ประเด็นตามคำฟ้องเดิมจึงมีว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
ที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การที่โจทก์บังคับให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทเป็นการรอนสิทธิ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย เพราะจำเลยได้เสียเงินซ่อมบ้านพิพาทเงินกินเปล่าและค่าเช่าล่วงหน้าให้ ช. ผู้ให้เช่าไปนั้น สิทธิของจำเลยหากถูกรบกวนผู้ที่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิคือ ช.ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งว่า การดำเนินคดีทางศาลเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีเวลาและกำลังใจประกอบการค้าขายทำให้ขาดประโยชน์นั้น ค่าขาดประโยชน์ในการค้าขายไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งของจำเลยในคดีที่โจทก์เป็นชาวต่างชาติและฟ้องต่อศาลไทย ศาลอนุญาตฟ้องแย้งได้ตามมาตรา 7
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (3) เป็นบทบัญญัติซึ่งใช้บังคับแก่การฟ้องเริ่มคดีต่อศาลไทยด้วยการฟ้องบุคคลผู้เป็นลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
โจทก์ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ตั้งตัวแทนให้ฟ้องจำเลยต่อศาลไทยและตัวแทนโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลไทยแล้วจึงเป็นกรณีที่มีคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลไทยจำเลยให้การและฟ้องแย้งโจทก์ในขณะเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(1) ซึ่งเป็นบทบัญญัติยกเว้นมาตรา 4(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งของจำเลยในคดีที่โจทก์เป็นชาวต่างชาติและฟ้องคดีในไทย: มาตรา 4(3) และ 7 วางหลักเกณฑ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(3) เป็นบทบัญญัติซึ่งใช้บังคับแก่การฟ้องเริ่มคดีต่อศาลไทยด้วยการฟ้องบุคคลผู้เป็นลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
โจทก์ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ตั้งตัวแทนให้ฟ้องจำเลยต่อศาลไทยและตัวแทนโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลไทยแล้วจึงเป็นกรณีที่มีคดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลไทยจำเลยให้การและฟ้องแย้งโจทก์ในขณะเดียวกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(1) ซึ่งเป็นบทบัญญัติยกเว้นมาตรา 4(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟ้องแย้งและการนับระยะเวลาให้ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง ต้องเริ่มนับเมื่อได้รับหมายเรียก ไม่ใช่วันอ่านคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การของจำเลย ส่วนฟ้องแย้งสั่งไม่รับ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ศาลชั้นต้นต้องสั่งให้ส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งยื่นต่อศาลภายในแปดวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคแรก และระยะเวลาแปดวันนั้นต้องนับตั้งแต่โจทก์ได้รับหมายเรียกแล้วมิใช่นับตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้รับฟ้องแย้งของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดออกหมายเรียกให้โจทก์ทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟ้องแย้งและการกำหนดระยะเวลาทำคำให้การแก้ฟ้องแย้ง ศาลต้องส่งหมายเรียกและกำหนดเวลาจากวันที่โจทก์ได้รับหมายเรียก
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การของจำเลย ส่วนฟ้องแย้งสั่งไม่รับ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา ศาลชั้นต้นต้องสั่งให้ส่งหมายเรียกและฟ้องแย้งให้โจทก์ทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งยื่นต่อศาลภายในแปดวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคแรก และระยะเวลาแปดวันนั้นต้องนับตั้งแต่โจทก์ได้รับหมายเรียกแล้ว มิใช่นับตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้รับฟ้องแย้งของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดออกหมายเรียกให้โจทก์ทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งและการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาขัดขืนคำสั่ง
คำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาฟ้องแย้งขอให้โจทก์โอนขายที่ดินต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาที่ดิน จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ ฟังไม่ได้ว่า จำเลยเจตนาไม่ชำระค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งให้ครบถ้วน ศาลให้เวลาชำระค่าธรรมเนียมภายใน 3 วัน นับแต่ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2528/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรียกคืนเงินค่าชดเชยศาลแรงงานต้องมีข้อโต้แย้งสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้การประปานครหลวงจำเลยจ่ายค่าชดเชย จำเลยให้การว่าได้จ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ซึ่งถือว่าเป็นค่าชดเชยให้โจทก์ไปแล้ว และฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินดังกล่าวดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ 6 อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จึงอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานที่จะพิจารณาพิพากษาตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา8(1)
การเสนอคำฟ้องแย้งนั้น ผู้เสนอต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา55 การยืนยันว่าเงินกองทุนสงเคราะห์ที่จ่ายไปนั้นเป็นค่าชดเชย จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์คืนเงินดังกล่าว คดีไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายแพ่ง ต้องพิพากษายกฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488-2492/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งค่าชดเชยและการพิสูจน์วัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรของกิจการประปานครหลวง
ฟ้องแย้งว่าจำเลยจ่ายเงินสงเคราะห์ประเภท 2 ให้แก่โจทก์แล้วโดยตามข้อบังคับของจำเลยให้ถือว่าเป็นการจ่ายค่าชดเชยด้วย ต่อมาจำเลยทราบว่าข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์ ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินดังกล่าวที่รับไปให้แก่จำเลย ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าชดเชยตามคำฟ้องเดิม จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
กิจการของการประปานครหลวงเป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไร ไม่ได้รับยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่จะไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่าช่วงและการฟ้องแย้ง: คำฟ้องแย้งเรียกให้บุคคลภายนอกปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว และให้คืนหรือใช้ราคาสินค้าที่อยู่ในตึกแถวนั้น จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าเช่าช่วงตึกแถวนั้น และฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าช่วง สภาพแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว หากจำเลยนำสืบได้ว่า จำเลยเป็นผู้ออกค่าเช่าช่วงตึกแถวพิพาททั้งหมด สิทธิในการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยจากตึกแถวพิพาท แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทกับบริษัท ก.นั้น เป็นคำฟ้องแย้งที่มีคำขอบังคับต่อบุคคลภายนอก จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยต้องฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าช่วงและการฟ้องแย้ง สิทธิการเช่าช่วงเป็นของจำเลยหากจำเลยเป็นผู้ชำระค่าเช่าทั้งหมด การฟ้องแย้งให้เพิกถอนการจดทะเบียนเช่าช่วงต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว และให้คืนหรือใช้ราคาสินค้าที่อยู่ในตึกแถวนั้นจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าเช่าช่วงตึกแถวนั้น และฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าช่วง สภาพแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถว หากจำเลยนำสืบได้ว่า จำเลยเป็นผู้ออกค่าเช่าช่วงตึกแถวพิพาททั้งหมดสิทธิในการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทย่อมตกเป็นของจำเลยโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยจากตึกแถวพิพาท แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าช่วงตึกแถวพิพาทกับบริษัท ก. นั้น เป็นคำฟ้องแย้งที่มีคำขอบังคับต่อบุคคลภายนอก จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยต้องฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง
of 76