พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลลดโทษจำเลยจากคำรับสารภาพแต่ยังคงลงโทษจำคุก
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต ส่วนมีดของกลางไม่ริบโจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามศาลชั้นต้นแต่พิพากษาแก้ให้ริบมีดของกลางด้วยดังนี้ ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 คดียังไม่ถึงที่สุดฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและป้องกันตัว: ศาลลดโทษจำเลยจากคำรับสารภาพ แม้ต่อสู้ว่าทำเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต. ส่วนมีดของกลางไม่ริบ.โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์. ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245. ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามศาลชั้นต้น. แต่พิพากษาแก้ให้ริบมีดของกลางด้วย. ดังนี้ ไม่ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 คดียังไม่ถึงที่สุด. ฎีกาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38-39/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกข่มขู่ด้วยอาวุธปืน ศาลลดโทษจากเจตนาฆ่าเป็นป้องกันตัวเกินเหตุ
ผู้ตายเมาสุราส่งเสียงดัง จำเลยตั้งใจจะไปตามตำรวจมาจับและไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดไว้จะขี่ไปพอปลดเกียร์จะไสรถออกจำเลยได้ยินเสียงแกร๊กหันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 4 วาในมือผู้ตายถือปืนจ้องมาทางจำเลย ดังนี้ เรียกได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยจึงจำต้องใช้ปืนยิงไปเพื่อป้องกันสิทธิแห่งชีวิตตนหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยินเสียงดังเฉียะ จึงยิงสวนไปนัดหนึ่ง แล้วก็มิได้มีเสียงปืนของผู้ตายดังอีกแต่จำเลยยังยิงไปอีก 4-5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุที่จะป้องกันตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38-39/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกประทุษร้าย ศาลลดโทษจากเจตนาฆ่าเหลือป้องกันตัว
ผู้ตายเมาสุราส่งเสียงดัง. จำเลยตั้งใจจะไปตามตำรวจมาจับ. และไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดไว้จะขี่ไป. พอปลดเกียร์จะไสรถออก.จำเลยได้ยินเสียงแกร๊กหันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 4 วา. ในมือผู้ตายถือปืนจ้องมาทางจำเลย. ดังนี้ เรียกได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง. จำเลยจึงจำต้องใช้ปืนยิงไปเพื่อป้องกันสิทธิแห่งชีวิตตน. หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยินเสียงดังเฉียะ จึงยิงสวนไปนัดหนึ่ง. แล้วก็มิได้มีเสียงปืนของผู้ตายดังอีก. แต่จำเลยยังยิงไปอีก 4-5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตาย. ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุที่จะป้องกันตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษอาญาจากการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อยในดุลพินิจศาลอุทธรณ์ จึงไม่อาจฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว และใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยมา 3 ปี ยังไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะพึงแก้ไขแต่เห็นว่าการที่จำเลยให้การว่า จำเลยเข้าไปจับรถคันของผู้เสียหายออก และภายหลังได้นำเอาไปจอดไว้ที่เดิมนั้นเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษซึ่งจำเลยสมควรจะได้รับการลดโทษ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้ลดโทษจำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี นั้น เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แล้วแก้ไขเล็กน้อยในการใช้ดุลพินิจลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยจากคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อยในดุลพินิจศาลอุทธรณ์ ห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วและใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยมา 3 ปียังไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะพึงแก้ไขแต่เห็นว่าการที่จำเลยให้การว่า จำเลยเข้าไปจับรถคันของผู้เสียหายออกและภายหลังได้นำเอาไปจอดไว้ที่เดิมนั้นเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับว่ามีเหตุบรรเทาโทษซึ่งจำเลยสมควรจะได้รับการลดโทษจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้ลดโทษจำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้2 ปี นั้นเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นแล้วแก้ไขเล็กน้อยในการใช้ดุลพินิจลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยเนื่องจากให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ถือเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขได้
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว. และใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยมา 3 ปี. ยังไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะพึงแก้ไข. แต่เห็นว่าการที่จำเลยให้การว่า จำเลยเข้าไปจับรถคันของผู้เสียหายออก. และภายหลังได้นำเอาไปจอดไว้ที่เดิมนั้นเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา. นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษซึ่งจำเลยสมควรจะได้รับการลดโทษ.จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้ลดโทษจำเลย 1ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78. คงจำคุกจำเลยไว้2 ปี นั้น. เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น. แล้วแก้ไขเล็กน้อยในการใช้ดุลพินิจลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78. คดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218.
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่. ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย.
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่. ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำคุกจากทำร้ายร่างกายสาหัสโดยอ้างเหตุบันดาลโทสะ ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อย ฎีกาโจทก์ต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลดโทษตามมาตรา 72 จำคุกไว้ 6 เดือน ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาจากบันดาลโทสะ: ข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลดโทษตามมาตรา 72 จำคุกไว้ 6 เดือน ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาเนื่องจากบันดาลโทสะ และข้อจำกัดในการฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 2 ปี. ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลดโทษตามมาตรา 72 จำคุกไว้ 6 เดือน. ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.