พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดพยานหลักฐานรับฟังความผิดฐานลักทรัพย์ แม้มีการนำของกลางไปฝากไว้ ย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์จำเลยที่ 2 ผู้เดียวฎีกา ดังนี้ ข้อหาความผิดฐานรับของโจรจึงยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1ที่มิได้ฎีกาได้ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดพยานหลักฐานรับฟังความผิดฐานลักทรัพย์ ย่อมมีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร. ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาลักทรัพย์จำเลยที่ 2 ผู้เดียวฎีกา ดังนี้ ข้อหาความผิดฐานรับของโจรจึงยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาได้ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการของห้างสรรพสินค้าต่อผู้ที่สงสัยว่าลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นการข่มขืนใจหรือกรรโชก หากมีเหตุเชื่อโดยสุจริต
จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เสียหายได้ลักเอาสติกเกอร์ของห้างซึ่งจำเลยมีหน้าที่ช่วยดูแลกิจการอยู่ไป การที่จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับให้ห้าง 30 บาท ถ้าไม่ยอมจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหายให้ยอมให้เงิน 30 บาทเพราะจำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการของห้างชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายทางอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ได้การที่จำเลยให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับเท่ากับเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อตกลงเลิกคดีกัน จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การใช้อุบายหลอกลวงเพื่อเอื้อต่อการกระทำความผิด
จำเลยกับพวกนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตน กับพวก ดังนี้ เป็นการใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การใช้อุบายหลอกลวงเพื่อเอื้อต่อการกระทำผิด
จำเลยกับพวกนำรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปขอรับจ้างบรรทุกถั่วเขียวของผู้เสียหายเพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย แล้วเอาถั่วเขียวดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนกับพวก ดังนี้ เป็นการใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์โดยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์ที่ถูกทิ้งร้าง การขายเศษเหล็ก และเจตนาสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เครื่องยนต์ ฝาสูบ และหัวสูบน้ำ ของกลางเป็นทรัพย์ที่มีผู้นำมาใช้ทำเหมืองแร่และถูกเผาทิ้งอยู่ในบริเวณเหมืองร้างไม่มีผู้ใดดูแล จำเลยได้ขายเป็นเศษเหล็กให้แก่ ส. เมื่อจำเลยทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรของกลางดังกล่าว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันแสดงถึงความสุจริตของจำเลย โดยจำเลยเชื่อว่าของกลางดังกล่าวเจ้าของได้ทอดทิ้ง จำเลยจึงได้ขายเป็นเศษเหล็กแก่ ส. โดยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกทิ้งร้าง: ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร หากเชื่อว่าเจ้าของทอดทิ้ง
เครื่องยนต์ ฝาสูบ และหัวสูบน้ำ ของกลางเป็นทรัพย์ที่มีผู้นำมาใช้ทำเหมืองแร่และถูกเผาทิ้งอยู่ในบริเวณเหมืองร้างไม่มีผู้ใดดูแล จำเลยได้ขายเป็นเศษเหล็กให้แก่ ส. เมื่อจำเลยทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรของกลางดังกล่าว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันแสดงถึงความสุจริตของจำเลย โดยจำเลยเชื่อว่าของกลางดังกล่าวเจ้าของได้ทอดทิ้ง จำเลยจึงได้ขายเป็นเศษเหล็กแก่ ส. โดยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีหลังลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยเข้าไปเอาทรัพย์สินซึ่งเก็บรักษาอยู่ในบ้านได้แล้วออกจากบ้านวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพวกที่จอดรอดอยู่หลบหนีไปเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลังกระทำผิดลักทรัพย์: ไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องริบ
จำเลยทั้งสองเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายแล้วเปิดประตูระเบียง หน้าบ้านผู้เสียหายวิ่งไปนั่งซ้อน ท้าย รถจักรยานยนต์ซึ่งจอดรออยู่หลบหนีไป การกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้ววิ่งหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของกลางมิได้มีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงมิใช่ทรัพย์อันพึงริบตาม ป.อ. มาตรา 33(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลังการลักทรัพย์สำเร็จ: ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยเข้าไปเอาทรัพย์สินซึ่งเก็บรักษาอยู่ในบ้านได้แล้วออกจากบ้านวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพวกที่จอดรอดอยู่หลบหนีไปเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1).