คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลชั้นต้น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 926 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จ ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ต้องโต้แย้งทันที หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์/ฎีกาจะขาดเสีย
โจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จและอยู่ในระหว่างนัดฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก่อนศาลนั้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวในวันที่3 พฤศจิกายน 2524 และอ่านคำพิพากษาในวันที่ 18 เดือนเดียวกัน โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะโต้แย้งคำสั่งแล้วมิได้โต้แย้ง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อคดีอื่น: ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษคดีต่างๆ ติดต่อกัน ถือเป็นการแจ้งชัดแล้ว แม้มีการระบุหมายเลขคดีผิดพลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยและขอให้นับโทษต่อจากคดีดำคดีอื่น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้และในคดีดำคดีอื่นในวันเดียวกัน ถือได้ว่าความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งแล้วว่าคดีดำคดีอื่นนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์: การโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นยกข้อเท็จจริงต่าง ๆ ขึ้นวินิจฉัยแล้วสรุปว่าพยานหลักฐานยังไม่มั่นคงพอจะฟังว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดและพิพากษายกฟ้อง แล้วโจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาพร้อมกับยกข้อเท็จจริงซึ่งต่างไปจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยขึ้นอ้างนั้น เท่ากับเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงซึ่งศาลชั้นต้นหยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้องอยู่ในตัว จึงเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมดังกล่าวแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยก็ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นหรือหยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วขึ้นวินิจฉัยใหม่แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์: การโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นยกข้อเท็จจริงต่างๆ ขึ้นวินิจฉัยแล้วสรุปว่าพยานหลักฐานยังไม่มั่นคงพอจะฟังว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดและพิพากษายกฟ้อง. แล้วโจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาพร้อมกับยกข้อเท็จจริงซึ่งต่างไปจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยขึ้นอ้างนั้น เท่ากับเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงซึ่งศาลชั้นต้นหยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้องอยู่ในตัว. จึงเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมดังกล่าวแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยก็ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นหรือหยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วขึ้นวินิจฉัยใหม่แต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในประเด็นใหม่ที่มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้เป็นประโยชน์แก่จำเลย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้จำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยที่ค้างชำระและดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคำให้การของจำเลยมิได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การต่อสู้คดี พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัด โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามฟ้องเมื่อในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ ทั้งมิได้แก้อุทธรณ์ว่าคำให้การจำเลยมีประเด็นดังกล่าวดังนี้ ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ต้องชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลย และโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราที่โจทก์ขอ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่รับอุทธรณ์และการสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาคดี เมื่อเหตุผลในการไม่รับอุทธรณ์แตกต่างกันในแต่ละศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น แม้เหตุที่ยกขึ้นอ้างในการไม่รับอุทธรณ์จะต่างกัน คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งรับคำฟ้องได้หากพบภายหลังว่าไม่มีเขตอำนาจเหนือคดี
โจทก์เสนอคำฟ้องแต่แรกโดยระบุภูมิลำเนาของจำเลยผิดพลาดเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงผิดไปว่าโจทก์มีอำนาจเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นได้ แต่เมื่อความจริงเรื่องภูมิลำเนาของจำเลยปรากฏขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาของจำเลยเกิดขึ้นก่อนศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้ ศาลชั้นต้นจึงมิใช่ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือคดีนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้จึงผิดพลาด ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นแล้วมีคำสั่งใหม่ได้
ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบังคับให้ศาลจำต้องกำหนดเวลาให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ในกรณีที่สั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่ คำฟ้องต้องห้ามเรื่องเขตอำนาจศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟัง ทำให้จำเลยที่เคยชนะคดีต้องแพ้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้โจทก์เพียง 1,738.50 บาทโดยฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่ามีการ ชำระหนี้แล้ว30,000 บาท ซึ่งมีผลเท่ากับจำเลยชนะคดีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้หนี้เต็มจำนวนตามฟ้องซึ่ง เป็นเงินจำนวนมาก ทั้งเป็นการแก้ข้อสำคัญที่จำเลยชนะ ในศาลชั้นต้นให้แพ้ทั้งหมดจึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเกษียณอายุและการรับเงินบำเหน็จ ไม่ใช่เหตุยกเว้นการจ่ายค่าชดเชย หากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น
ปัญหาที่ว่าลูกจ้างมีคุณสมบัติต้องห้ามตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ฯ โดยมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และปัญหาที่ว่าลูกจ้างได้รับเงินบำเหน็จเป็นจำนวนมากกว่าค่าชดเชยไปโดยไม่ได้โต้แย้ง มีผลเท่ากับว่ายอมรับรองว่าได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วยแล้วนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้นเมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลแรงงานกลางจึงจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานโดยศาลชั้นต้นเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ และประเด็นสินค้าเคมีเหลวเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือไม่
ข้อเท็จจริงบางประเด็นตามฟ้องและคำให้การจำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ รับฟังเป็นยุติไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยการพิจารณา ต้องยกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
of 93