คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานยังไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ อายุความจึงยังไม่เริ่มนับ
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คคำแจ้งความที่ว่ามาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อที่จะให้ดำเนินคดีแก่ผู้ต้องหาให้ถึงที่สุดแต่ในชั้นนี้ผู้แจ้งยังไม่ขอมอบคดีโดยจะขอไปติดตามทวงถามด้วยตนเองอีกถ้าได้รับการปฏเสธการใช้เงินจะกลับมามอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการถึงที่สุด.จึงขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานนั้นเห็นได้ว่าในวันที่มีการลงบันทึกประจำวันเป็นการแจ้งไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นบันทึกดังกล่าวจึงมิใช่คำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา2(7).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ค่าโฆษณาเริ่มต้นเมื่อครบกำหนดชำระ การอนุมัติโฆษณา และการพิสูจน์หลักฐาน
ใบแสดงรายการค่าใช้จ่ายในการที่จำเลยจ้างโจทก์โฆษณาสินค้าของจำเลยหรือใบแจ้งหนี้ลงวันที่31มกราคม2523มีข้อความระบุให้ชำระหนี้ภายใน45วันคือภายในวันที่16มีนาคม2523ซึ่งถือได้ว่าโจทก์ให้เวลาจำเลยในการชำระหนี้45วันก่อนครบระยะเวลาดังกล่าวโจทก์ย่อมจะใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องหนี้รายนี้จากจำเลยยังไม่ได้อายุความจึงต้องเริ่มนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนด45วันเป็นต้นไปตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา169บัญญัติไว้โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่16มีนาคม2525จึงยังไม่ขาดอายุความ.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน, การกระทำผิดกรรมเดียว, การประเมินหลักฐานการกระทำชำเรา
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไป หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงใน พร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัว และขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมา จำเลยที่ 1 จึงหลบหนีไป ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้น ส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่า โจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้าง มีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ 2 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว ด้านซ้ายยาวประมาณ 1 นิ้ว กว้างประมาณ 1/3 นิ้ว เจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่า ลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้ และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอ จำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผล จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี รายจ่ายที่พิสูจน์ไม่ได้ การนำสืบหลักฐานนอกฟ้อง และการแก้ไขคำวินิจฉัยอุทธรณ์
รายการค่าใช้จ่ายที่ไม่มีใบเสร็จรับเงินไม่มีชื่อผู้รับเงินมีแต่ใบสำคัญจ่ายแต่มิได้มีพยานหลักฐานนำสืบว่าได้จ่ายเงินไปจริงแม้เป็นจำนวนเงินเล็กน้อยก็จะรับฟังว่าเป็นความจริงหาได้ไม่ คำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวถึงค่าถมทรายในปี2516ข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาว่าเงินจำนวน1,705,287บาท45สตางค์เป็นรายรับของโจทก์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเจ้าพนักงานของจำเลยที่1ประเมินรายรับขึ้นใหม่ตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคาสิ่งปลูกสร้างของกรมโยธาธิการและเงินจำนวน53,390บาทเป็นรายจ่ายที่โจทก์ลงบัญชีไว้ว่าเป็นค่าขนส่งแสดงว่าโจทก์หาได้ฟ้องว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบเพราะความจริงโจทก์มีรายจ่ายค่าถมทรายไม่การที่โจทก์นำสืบว่าได้จ่ายค่าถมทรายไปจึงเป็นการนอกฟ้อง โจทก์เพิ่งกล่าวอ้างว่ามีรายจ่ายค่าถมทรายในปี2517จำนวนเงินใกล้เคียงกับที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ตรวจพบใบเสร็จฉบับแรกกรรมการโจทก์คนหนึ่งลงชื่อรับเงินฉบับที่2ไม่ปรากฏว่าผู้ใดรับเงินฉบับที่3ถึง5ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้รับเงินและฉบับที่6บุคคลภายนอกซึ่งมีอาชีพรับจ้างคัดเหล็กเป็นผู้รับเงินทั้งที่โจทก์มีลูกจ้างไปซื้อทรายจากเรือเร่มาได้อยู่แล้วพยานหลักฐานโจทก์จึงมีพิรุธรับฟังไม่ได้แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากที่ดินที่โจทก์สร้างศูนย์การค้าเป็นที่ลุ่มต้องถมทรายก่อนทำการก่อสร้างจึงน่าเชื่อว่ามีรายจ่ายค่าซื้อทรายถมที่ดินในปี2517จริงแต่ไม่เต็มตามที่อ้าง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้แก้ไขคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ถูกต้องโดยไม่จำเป็นต้องสั่งให้ทำการประเมินใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์จ้องปืนและเจตนาฆ่า: การประเมินหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไกปืน หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย จำเลยก็อาจยิงได้ทันทีโดยที่ไม่มีผู้ใดอาจห้ามได้ทัน เมื่อมีผู้เข้าไปจับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้ปากกระบอกปืนเบนขึ้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหาย สาเหตุโกรธเคืองที่โจทก์นำสืบก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงจะต้องฆ่ากัน การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น อาจเป็นการกระทำเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันก็ได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คลงวันที่เป็นหลักฐานผูกพัน ชำระหนี้ได้ แม้จะอ้างเป็นประกัน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยให้การว่าได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์มิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความรับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ และสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกัน ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่าไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเงินนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็คทั้งจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904,989 กรณี หาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209-1210/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอ้างการชำระหนี้นอกศาล ศาลมีอำนาจยกคำร้องถอนอายัดหากไม่ปรากฏหลักฐานการชำระหนี้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษา เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่ 2 เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว โดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ว่า การชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาล เมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้ว ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่ กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 เสียได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209-1210/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี การอายัดทรัพย์ และการชำระหนี้นอกศาล ศาลมีอำนาจยกคำร้องขอถอนอายัดได้หากยังไม่มีหลักฐานการชำระหนี้
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่2ตามคำพิพากษาเมื่อจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้โจทก์ย่อมจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยที่2เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้การที่จำเลยที่2ยื่นคำร้องว่าชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วโดยปรากฏตามคำร้องของจำเลยที่2ว่าการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการกระทำนอกศาลเมื่อโจทก์แถลงว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งในสำนวนก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วดังนี้จำเลยที่2จะอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการอายัดหาได้ไม่กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยที่2เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายเป็นหลักฐานสำคัญในการตัดสินคดีสัญญา
การที่ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยและพยานที่ลงชื่อไว้ต่อหน้าศาลและที่ลงชื่อไว้ในด้านหน้าของสัญญาจะซื้อขายเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของผู้ที่ลงชื่อไว้ในด้านหลังของสัญญาจะซื้อขายแล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อที่ตรวจทั้งสองแห่งไม่ใช่เป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกันความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจะมิได้มาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ก็เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ตามป.วิ.พ.มาตรา130.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ลายมือชื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการพิพากษาคดีสัญญาซื้อขาย การที่โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์การชำระเงินได้ ทำให้แพ้คดี
การที่ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยและพยานที่ลงชื่อไว้ต่อหน้าศาลและที่ลงชื่อไว้ในด้านหน้าของสัญญาจะซื้อขายเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของผู้ที่ลงชื่อไว้ในด้านหลังของสัญญาจะซื้อขายแล้วมีความเห็นว่าลายมือชื่อที่ตรวจทั้งสองแห่งไม่ใช่เป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกันความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจะมิได้มาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ก็เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา130.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 133