คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: ข้ออ้างใหม่ที่ศาลไม่รับพิจารณา หากไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า โจทก์ฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ไปต่างจังหวัดโดยมิได้รับอนุญาตจาก ผู้บังคับบัญชาทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายเพียง 45 บาท เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย จำเลยสามารถเลือกลงโทษโจทก์สถานใดสถานหนึ่งใน 7 สถาน แต่จำเลยกลับพิจารณาให้เลิกจ้างโจทก์เป็นโทษที่หนักเกินไป ไม่เหมาะสมกับการกระทำผิดถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เมื่อคำฟ้องโจทก์มิได้อ้างว่าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและศาลแรงาานกลางก็มิได้วินิจฉัยว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและ วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบใน ศาลแรงงานกลางต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและ วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องวางค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ที่กำหนดให้ ผู้อุทธรณ์นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์มิได้บังคับเฉพาะกรณีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีของศาลชั้นต้นเท่านั้น การอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับ คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยให้มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานต่อไป ผู้อุทธรณ์ก็ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์เช่นเดียวกัน เมื่อผู้อุทธรณ์ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขออุทธรณ์คดีโดยการดำเนินกระบวนพิจารณาในฐานะคนอนาถา ต้องพิสูจน์ความยากจนทางทรัพย์สิน
การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนอนาถา ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล ไม่ว่าจะเป็นค่าอ้างเอกสาร ค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้ายประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มาตรา 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องเป็นไปตามกฎหมายและเหตุผลที่สมควร มิอาจใช้ความผิดพลาดของผู้ร้องหรือคำสั่งศาลที่ผิดพลาดมาเป็นประโยชน์
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งแรกศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2542 จำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายในเวลาดังกล่าว ครั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 โดยมิได้อ้างเหตุสุดวิสัยแม้ศาลชั้นต้นได้รับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตแล้วก็เป็นการสั่งไปโดยผิดหลง หาเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายไม่ เพราะการใช้ดุลพินิจของศาลนั้นจะต้องใช้ดุลพินิจที่ยืนอยู่บนความถูกต้องตามกฎหมายมิใช่เป็นการสั่งไปโดยผิดหลง จึงถือไม่ได้ว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ ป. กับ ศ. มีสินสมรสคือ ที่ดินตาม น.ส. 3 ก. ต่อมา ป. ตาย ที่ดินจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท ต่อมา ศ. โอนที่ดินให้จำเลย จำเลยได้ไปขอออกโฉนด ขอให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกในส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับ จำเลยให้การไว้ว่า ศ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลย จำเลยได้ที่ดินพิพาทมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน คำให้การของจำเลยจึงขัดแย้งกันเอง เพราะการที่ ศ. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยย่อมเห็นได้ในเบื้องต้นว่าเป็นการให้โดยเสน่หาซึ่งไม่มีค่าตอบแทน หากจำเลยเสียค่าตอบแทนอย่างไรก็ต้องกล่าวไว้ในคำให้การให้ชัดแจ้ง คำให้การเช่นนี้จึงไม่มีประเด็นในเรื่องการรับโอนที่ดินพิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน เมื่อศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยก็มิได้คัดค้านว่าประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ไม่ครบถ้วน การที่จำเลยยกประเด็นข้อนี้ขึ้นอ้างในอุทธรณ์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว
ฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า ที่ดินพิพาทติดจำนอง จำเลยไถ่ถอนจำนองเอง ซึ่งเป็นการได้ที่ดินโดยเสียค่าตอบแทนและโจทก์ได้รับมรดกส่วนของตนไปแล้วนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาอุทธรณ์: เหตุสุดวิสัยต้องทำให้ไม่อาจยื่นคำขอขยายได้ทัน ไม่ใช่จากความบกพร่องภายใน
การที่โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาเป็นเหตุให้ไม่อาจ ทำอุทธรณ์ยื่นได้ภายในกำหนด ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 แต่ต้องยื่นขอก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนด โจทก์เพิกเฉยมิได้ยื่นคำขอขยายระยะเวลา เสียก่อนสิ้นระยะเวลาโดยอ้างว่าเข้าใจผิดอันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการตรวจดูคำสั่งศาลชั้นต้นของเสมียนทนายโจทก์ เหตุดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องความบกพร่องภายในของโจทก์เอง ยังไม่อาจถือได้ว่า เป็นเหตุสุดวิสัยตามความหมายของมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ชนะคดีในการรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยวางศาลเพื่อเป็นประกันค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้ว ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่ผู้อุทธรณ์วางไว้ได้โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี เมื่อศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์เป็นผู้ชนะคดีและให้จำเลยผู้อุทธรณ์รับผิดในค่าธรรมเนียมแล้วโจทก์มีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยวางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมที่จำเลยต้องใช้ให้แก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขออุทธรณ์ค่าธรรมเนียมศาลในฐานะคนยากจน จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ต่างจากเดิม
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งแม้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะติดจำนองอยู่แก่ธนาคารและจำเลยยังไม่มีเงินไถ่ถอน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว กลับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ตามคำร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ไม่ปรากฏว่าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องเป็นเหตุอื่นนอกเหนือไปจากที่เคยอ้างไว้เดิม ตามพฤติการณ์ย่อมเป็นที่เห็นได้อยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมไปจากที่ศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยแล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแก้ไขการประเมินภาษีที่ผิดพลาดได้ แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ การประเมินใหม่ไม่ถือเป็นการประเมินซ้ำซ้อน
ตาม ป. รัษฎากร ลักษณะ 2 หมวด 4 ส่วน 12 เรื่องอำนาจเจ้าพนักงานประเมินไม่มีบทบัญญัติใดห้ามมิให้เจ้าพนักงานประเมินแก้ไขการประเมินที่ผิดพลาดให้ถูกต้องได้ ถึงแม้ว่าการประเมินที่ผิดพลาดดังกล่าวจะอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ตาม โดยเฉพาะการประเมินใหม่โดยยกเลิกการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากเจ้าพนักงานประเมินมิได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย นอกจากนี้การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินในครั้งใหม่นั้น เจ้าพนักงานประเมินยังคงประเมินให้โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและเบี้ยปรับเท่าเดิม คงมีส่วนเงินเพิ่มเท่านั้นที่ประเมินให้โจทก์ชำระเพิ่มขึ้น ซึ่งเงินเพิ่มที่เพิ่มขึ้นก็หาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่ เนื่องจากบุคคลที่ไม่ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย บุคคลนั้นย่อมต้องเสียเงินเพิ่มจนถึงวันชำระหรือนำส่งภาษี ดังนั้น หากโจทก์ยังมิได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่จำเลยอย่างถูกต้องครบถ้วน โจทก์ย่อมมีหน้าที่เสียเงินเพิ่มให้แก่จำเลยอยู่แล้วตาม ป. รัษฎากร มาตรา 89/1 เมื่อการประเมินครั้งใหม่โดยยกเลิกการประเมินครั้งแรกนั้นมีผลทำให้โจทก์ต้องเสียภาษีเพียงครั้งเดียว การประเมินในครั้งหลังจึงหาใช่การประเมินซ้ำซ้อนหรือทำให้โจทก์ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนแต่ประการใดไม่
แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์การประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็หาทำให้โจทก์หมดสิทธินำคดีมาฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ เพราะการที่เจ้าพนักงานประเมินให้ผู้เสียภาษีอากรรับผิดเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มโดยไม่มีอำนาจหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทำให้ผู้เสียภาษีต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสียตามกฎหมาย ต้องถือเสมือนหนึ่งว่าไม่ได้มีการประเมินหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินในส่วนนั้นที่โจทก์ต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลขอให้เพิกถอนการประเมินในส่วนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงหมดพยานกับการดำเนินกระบวนพิจารณา: ศาลอุทธรณ์ต้องรับวินิจฉัยอุทธรณ์เพิกถอนกระบวนพิจารณา
ทนายจำเลยแถลงหมดพยาน กรณีมิใช่ทนายจำเลยแถลงขอเลื่อนคดีไปสืบพยานจำเลยต่อ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ถูกต้องแล้ว
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าทนายจำเลยแถลงหมดพยานมิใช่แถลงขอเลื่อนคดี เท่ากับศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาถูกต้องแล้ว แต่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อทนายจำเลยแถลงหมดพยานจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป จึงไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์นั้น เมื่อคดีนี้ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 และจำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผิดระเบียบ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยและพิพากษายกอุทธรณ์จึงเป็นการไม่ชอบ
of 349