คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็ค

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชำระหนี้ต้นเงินด้วยเช็ค ห้ามนำไปชำระดอกเบี้ย
การที่โจทก์ได้รับเช็คของ อ. ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่ 2จำนวน 37 ฉบับ ที่จำเลยที่ 1 นำไปมอบให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้และโจทก์ได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า "ข้าพเจ้าในนามบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทย จำกัด ได้รับเช็คจำนวน 37 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,875,557 บาท เพื่อชำระหนี้ต้นเงินทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.วิศวกรรมการสร้าง สำหรับดอกเบี้ยทางห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.วิศวกรรมการสร้างจะนำมาชำระให้ภายหลังโดยขอเวลาเจรจาอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง" นั้น เมื่อโจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าจะนำเช็ค 37 ฉบับไปหักต้นเงินเท่านั้นโจทก์ก็ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธินำเช็ค37 ฉบับไปชำระดอกเบี้ยแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาซื้อขายและการไม่มีสิทธิเรียกร้องเช็คหลังสัญญาเลิกสิ้นแล้ว
โจทก์ขายรถขุดแม็คโครให้จำเลยซึ่งจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ให้เช่าซื้ออีก โจทก์ส่งมอบรถขุดแม็คโครให้จำเลย จำเลยชำระเงินสดบางส่วนและสั่งจ่ายเช็ค 3 ฉบับให้โจทก์ ต่อมาจำเลยนำเงินสดไปแลกเช็คคืน 2 ฉบับ ส่วนฉบับที่ 3 ได้เปลี่ยนเช็คใหม่เป็นเช็คพิพาท สัญญาเช่าซื้อรถขุดแม็คโครระหว่างผู้ให้เช่าซื้อกับโจทก์ผู้เช่าซื้อยังไม่เปลี่ยนเป็นชื่อจำเลย จำเลยขาดส่งค่าเช่าซื้อให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ต่อมาโจทก์ได้ยึดรถขุดแม็คโครจากจำเลยไป ถือว่าโจทก์เลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระราคาตามเช็คพิพาทแม้เช็คนั้นจำเลยจะได้สั่งจ่ายไว้ก่อนสัญญาซื้อขายเลิกกัน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาซื้อขายมีผลให้ผู้ขายหมดสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายก่อนเลิกสัญญา
โจทก์ขายรถขุดซึ่งโจทก์เช่าซื้อจากบริษัทอ. ให้แก่จำเลยโดยจำเลยต้องชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งและต้องชำระค่าเช่าซื้อแก่ผู้ให้เช่าซื้อต่อไป โจทก์ส่งมอบรถขุดแก่จำเลย จำเลยชำระเงินสดและเช็คพิพาทลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2533 แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย แต่สัญญาเช่าซื้อยังไม่เปลี่ยนเป็นชื่อจำเลยจำเลยขาดส่งค่าเช่าซื้อแก่ผู้ให้เช่าซื้อ วันที่ 19 มิถุนายน 2533โจทก์กับพวกยึดรถขุดในความครอบครองของจำเลยไป ถือว่าโจทก์เลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยแล้ว ดังนี้ แม้เช็คพิพาทจำเลยจะได้สั่งจ่ายไว้ก่อนสัญญาซื้อขายเลิกกัน โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องเกี่ยวกับเช็คพิพาทที่ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินภายหลังที่สัญญาซื้อขายเลิกกันแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ผลต่อความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค และขอบเขตอำนาจศาลฎีกา
จำเลยที่ 2 ออกเช็คโดยไม่ลงวันออกเช็ค ย่อมถือว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำความผิด แม้ต่อมาจะมีการประทับตรายางวันที่ตามข้อตกลงกันก็มีผลทำให้เช็คนั้นสมบูรณ์มีรายการครบถ้วนตามกฎหมาย เพื่อใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หาทำให้กลับเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ไม่ แม้จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวฎีกา แต่การที่เช็คที่จำเลยร่วมกันออกไม่ลงวันที่ออกเช็คเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาให้มิต้องถูกลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการบริษัทลงลายมือชื่อเช็คเพื่อการลงทุน บริษัทเป็นผู้รับผิด ไม่ใช่กรรมการส่วนตัว
เจ้าหนี้มอบเงินให้บริษัทจำเลยที่ 1 เพื่อร่วมลงทุนแล้วจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทมอบให้เจ้าหนี้ไว้เพื่อเป็นหลักประกันเงินลงทุนของเจ้าหนี้ โดย ป. และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแม้จะไม่ได้ประทับตราของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อไว้โดยมิได้เขียนว่าทำการแทนก็ตาม แต่การลงลายมือชื่อของ ป.กับจำเลยที่ 2 ก็เป็นการลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงออกถึงความประสงค์ของนิติบุคคลโดยผู้แทนของนิติบุคคลดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 75 เดิม (มาตรา 70 ที่แก้ไขใหม่) การกระทำของ ป. กับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำในนามของจำเลยที่ 1 มิใช่การกระทำของตัวแทนที่ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินแทนตัวการ แต่มิได้เขียนแถลงว่ากระทำการแทนบุคคลอื่น ซึ่งบุคคลนั้นต้องรับผิดตามความในตั๋วเงินดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 901จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการบริษัทลงลายมือชื่อเช็คในฐานะผู้แทนบริษัท ไม่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินส่วนบุคคล
เจ้าหนี้มอบเงินให้จำเลยที่ 1 เพื่อร่วมลงทุน จำเลยที่ 1ออกเช็คพิพาทมอบให้เจ้าหนี้เพื่อเป็นหลักประกัน เช็คพิพาทมี ป.กับจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโดยมิได้ประทับตราของจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 มิได้เขียนว่ากระทำการแทน แต่การที่ ป. กับจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 เป็นการแสดงออกถึงความประสงค์ของนิติบุคคลโดยผู้แทนของนิติบุคคล จึงเป็นการกระทำในนามของจำเลยที่ 1 มิใช่การกระทำของตัวแทนที่ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินแทนตัวการ แต่มิได้เขียนแถลงว่ากระทำแทนบุคคลอื่น ซึ่งบุคคลนั้นต้องรับผิดตามความในตั๋วเงินนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 901 จำเลยที่ 2ไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คเพื่อประกันหนี้ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค หากไม่มีเจตนาให้เรียกเก็บเงิน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้แก่โจทก์ เพื่อแทนเช็คจำนวน 10 ฉบับ ที่จำเลยได้สั่งจ่ายชำระหนี้ค่ากระจกให้แก่โจทก์และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยมีข้อตกลงกันว่า เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดจำเลยจะนำเช็คใหม่หรือเงินสดมาแลกเช็คพิพาทไปจากโจทก์โดยไม่ให้โจทก์นำเช็คเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้แก่โจทก์โดยมีเจตนาเพื่อให้เป็นประกันการชำระหนี้ที่โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คทั้งสิบฉบับของจำเลยไม่ได้ หาได้มีเจตนาที่จะให้โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ตามวิธีการในทางแพ่งของกฎหมายลักษณะตั๋วเงินไม่ แม้ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คเพื่อประกันการชำระหนี้ ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เดิมจำเลยออกเช็ค 10 ฉบับชำระหนี้ค่ากระจกให้แก่โจทก์เมื่อเช็คทั้ง 10 ฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยจึงออกเช็คพิพาท3 ฉบับให้แทน โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดจำเลยจะนำเช็คใหม่หรือเงินสดมาแลกเช็คพิพาทไปจากโจทก์ โดยไม่ให้โจทก์นำเช็คเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาเพื่อให้เป็นประกันการชำระหนี้ที่โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คทั้ง 10 ฉบับไม่ได้ หาได้มีเจตนาให้โจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามวิธีการในทางแพ่งของกฎหมายลักษณะตั๋วเงินไม่ จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คเพื่อแลกเงินสด ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากไม่มีหนี้สินระหว่างกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 แต่ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามีกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 ออกมาใช้บังคับแทน ปรากฏว่าตามกฎหมายฉบับใหม่การออกเช็คจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทแลกเงินสดไปจากโจทก์ ขณะแลกทรัพย์สินระหว่างกันนั้น ผู้แลกต่างไม่มีหนี้ต่อกันมาก่อน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นความผิดดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยก็พ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ถือเช็คโดยชอบธรรมมีสิทธิฟ้องบังคับคดี แม้จะมีการโอนเช็คจากผู้ทรงคนก่อน โดยไม่มีเหตุฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คผู้ถือ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง และโจทก์เป็นผู้ถือเช็คพิพาท โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904และมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามเช็คได้ จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้ให้เช็คพิพาทแก่มารดาโจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้วเช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ เป็นคำให้การที่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับมารดาโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับมารดาโจทก์ เท่ากับไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขึ้นต่อสู้ จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดตามเนื้อความในเช็คโดยไม่ต้องวินิจฉัยว่าเช็คมีมูลหนี้หรือไม่
of 187