พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้เช็คของผู้สั่งจ่าย ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้ แม้มีข้อตกลงภายในวงแชร์
จำเลยให้การรับว่าเป็นผู้ออกเช็คพิพาทและมิได้ปฏิเสธความเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบของโจทก์ เพียงแต่ให้การว่าเช็คดังกล่าวเกิดจากการเล่นแชร์และมีข้อตกลงกันเป็นพิเศษให้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เล่นแชร์ด้วยกัน แต่หัวหน้าวงแชร์กลับนำเช็คพิพาทไปชำระหนี้ส่วนตัวข้อตกลงดังกล่าวหากมีจริงก็ผูกพันเฉพาะหัวหน้าวงแชร์กับจำเลยเท่านั้น หามีผลถึงโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ คำให้การเช่นนี้จะถือว่าเป็นคำให้การต่อสู้ว่าหัวหน้าวงแชร์กับโจทก์ฉ้อฉลจำเลยไม่ได้จึงไม่มีประเด็นให้นำสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์สมบูรณ์เมื่อมีข้อตกลงและส่งมอบทรัพย์สิน แม้ยังมิได้แจ้งเปลี่ยนชื่อต่อผู้ให้เช่า
ระเบียบขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยไม่มีข้อห้ามการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ เพียงแต่จะให้ไปทำการเปลี่ยนชื่อผู้เช่าต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเท่านั้น เมื่อผู้เช่าสิทธิการเช่าโทรศัพท์ขายสิทธิให้แก่ผู้ร้อง การโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์จึงสมบูรณ์ตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงซื้อขายสิทธิการเช่าและส่งมอบเครื่องโทรศัพท์ให้ฝ่ายผู้รับโอนครอบครอง โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดสิทธิการเช่าดังกล่าว.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสภาพการจ้างและความรับผิดชอบจากอุบัติเหตุ พนักงานขับรถ
บริษัทจำเลยกำหนดให้พนักงานขับรถยนต์ส่วนกลางเข้าทำงานวันละ 24 ชั่วโมง หยุดพักวันรุ่งขึ้น 24 ชั่วโมง ต่อมาจำเลยดำริให้เปลี่ยนเป็นทำงานเป็นผลัด ผลัดละ 8 ชั่วโมง แต่พนักงานขับรถยนต์ของจำเลยขอให้กำหนดเวลาทำงานเช่นเดิมโดยอ้างว่าต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจำเลยก็ได้ตกลงยินยอมกำหนดเวลาทำงานของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ใช้บังคับได้ หาขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อโจทก์เข้าทำงานกับจำเลยในภายหลังก็ย่อมต้องถูกผูกพันตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าว การทำงานของโจทก์จึงมิใช่เป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกติอันจะมีสิทธิเรียกเอาค่าล่วงเวลาจากจำเลยได้
ระเบียบของจำเลยกำหนดว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุและได้รับการพิจารณาถึงที่สุด พขร.(พนักงานขับรถ)เป็นฝ่ายผิดพขร.ที่ทำหน้าที่ขับรถจะต้องรับผิดชอบร้อยละหกสิบ ส่วน พขร.ที่นั่งคู่จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบร่วมร้อยละสี่สิบดังนี้เมื่อ ส.ขับรถยนต์ของจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่อเกิดอุบัติเหตุทำให้จำเลยได้รับความเสียหายขณะที่โจทก์เป็นพนักงานขับรถที่นั่งคู่ จำเลยจึงมีสิทธิให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละสี่สิบของค่าเสียหายทั้งหมดได้ ตามระเบียบดังกล่าว และเมื่อโจทก์ได้ยินยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยผ่อนชำระให้แก่จำเลยจึงเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีสิทธิบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามได้.
ระเบียบของจำเลยกำหนดว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุและได้รับการพิจารณาถึงที่สุด พขร.(พนักงานขับรถ)เป็นฝ่ายผิดพขร.ที่ทำหน้าที่ขับรถจะต้องรับผิดชอบร้อยละหกสิบ ส่วน พขร.ที่นั่งคู่จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบร่วมร้อยละสี่สิบดังนี้เมื่อ ส.ขับรถยนต์ของจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่อเกิดอุบัติเหตุทำให้จำเลยได้รับความเสียหายขณะที่โจทก์เป็นพนักงานขับรถที่นั่งคู่ จำเลยจึงมีสิทธิให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายในอัตราร้อยละสี่สิบของค่าเสียหายทั้งหมดได้ ตามระเบียบดังกล่าว และเมื่อโจทก์ได้ยินยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยผ่อนชำระให้แก่จำเลยจึงเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีสิทธิบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกข้อตกลงประนีประนอม และผลกระทบต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยขายฝากให้แก่โจทก์ระหว่างพิจารณาคู่ความแถลงว่าคดีตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืนภายในเวลา 2 เดือน แล้วโจทก์จะถอน ฟ้องแต่เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินภายในกำหนด โจทก์แถลงว่านัดนี้จะไม่ให้เวลาจำเลยอีก ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาขับไล่จำเลย จึงไม่ชอบ ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมในคดีแพ่ง: การบอกเลิกข้อตกลงและการดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป
ในชั้นพิจารณาคู่ความแถลงว่าตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืน โดยจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ทั้งหมดภายในเวลา 2 เดือนแล้วโจทก์จะถอนฟ้องคดีนี้ แต่เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินภายในกำหนด และโจทก์แถลงว่าจะไม่ให้เวลาจำเลยอีก ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาขับไล่จำเลยจึงไม่ชอบ ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้ากันในศาล: ผลผูกพันตามข้อตกลง เงื่อนไขการสาบาน และผลต่อคู่ความ
คู่ความท้ากันโดยตกลงเอาการสาบานของจำเลยและ ส.เป็นเงื่อนไข กล่าวคือถ้าบุคคลทั้งสองยอมสาบานโจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ ส่วนการสาบานตนของ ส.เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้น การที่ ส.ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้น หาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยและส.ไปยังสถานที่กำหนดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบาน จำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้ากันในศาลมีผลผูกพันคู่ความได้ หากเงื่อนไขไม่เป็นไปตามตกลง
การท้ากันในศาลคือการยอมรับข้อเท็จจริงตามที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างโดยมีเงื่อนไขบังคับก่อน คู่ความท้ากันโดยตกลงเอาการสาบานของจำเลยและ ส. เป็นเงื่อนไข กล่าวคือถ้า บุคคลทั้งสองยอมสาบานโจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้า บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ส่วนการสาบานตนของ ส. เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้น การที่ ส. ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้นหาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยและ ส. ไปยังสถานที่กำหนดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง แม้ศาลอื่นจะมีอำนาจ
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: โจทก์ผูกพันต้องฟ้องตามข้อตกลง แม้จะมีเขตอำนาจอื่น
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา7โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตังและสาขาตรังให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานครโจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้.