คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตัวแทน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย และความรับผิดของเจ้าของกิจการต่อลูกจ้างที่ตัวแทนจ้าง
ทนายความที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งให้เข้ามาดำเนินคดีแทนมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 การที่ศาลแรงงานกลางสอบถามข้อเท็จจริงจากทนายจำเลยในวันพิจารณาเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทและทนายจำเลยที่ 1 แถลงรับข้อเท็จจริงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งซึ่งอยู่ในอำนาจของทนายจำเลยที่ 1 ที่จะกระทำได้โดยชอบ คำแถลงหรือข้อเท็จจริงที่ทนายจำเลยที่ 1 แถลงรับต่อศาลจึงรับฟังได้
จำเลยที่ 1 เจ้าของกิจการเรือประมงได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ไต้ก๋งเรือดำเนินกิจการโดยให้มีอำนาจหน้าที่จัดหาหรือว่าจ้างลูกเรือหรือคนงาน จำเลยที่ 1 มีหน้าที่จ่ายค่าจ้าง ดังนี้เป็นการที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งจำเลยที่ 2 ให้เป็นผู้ดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นกรณีจำเลยที่ 2 รับเหมากิจการเรือประมงของจำเลยที่ 1 ไปดำเนินการ เมื่อจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์เป็นลูกเรือต้องถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะได้รับค่าจ้างสำหรับลูกเรือไปจากจำเลยที่ 1 แล้วไม่นำไปจ่ายให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิด
จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างครบถ้วนแล้วหรือไม่ไว้เป็นประเด็นในคำให้การ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการแถลงข้อเท็จจริง และความรับผิดของเจ้าของกิจการต่อลูกจ้างที่ตัวแทนจ้าง
ทนายความที่จำเลยแต่งตั้งให้เข้ามาดำเนินคดีแทนมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62การที่ศาลแรงงานกลางสอบถามข้อเท็จจริงจากทนายจำเลยในวันนัดพิจารณาเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นพิพาท และทนายจำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในอำนาจของทนายจำเลยที่จะกระทำได้โดยชอบ คำแถลงหรือข้อเท็จจริงซึ่งทนายจำเลย แถลงรับต่อศาลจึงรับฟังได้ จำเลยที่ 1 เจ้าของกิจการเรือประมงได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ไต้ก๋งเรือดำเนินกิจการโดยให้มีอำนาจหน้าที่จัดหาหรือว่าจ้างลูกเรือหรือคนงาน จำเลยที่ 1 มีหน้าที่จ่ายค่าจ้าง ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มิใช่จำเลยที่ 2 รับเหมากิจการเรือประมงของจำเลยที่ 1 ดำเนินการเมื่อจำเลยที่ 2 ว่าจ้างโจทก์เป็นลูกเรือ ต้องถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้าง ของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะได้รับค่าจ้างสำหรับลูกเรือไปจากจำเลยที่ 1 แล้วไม่นำไปจ่ายให้โจทก์จำเลยที่ 1 ก็ไม่พ้นความรับผิด จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างครบถ้วนแล้วหรือไม่ ให้เป็นประเด็นในคำให้การต้องถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะนายจ้าง-ลูกจ้าง: ค่าจ้างจากบริษัทอื่น จำเลยเป็นเพียงตัวแทนจ่าย ไม่เป็นนายจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหัวหน้าวงดนตรี มีโจทก์เป็นลูกวงเดิมบริษัท น.ร่วมกับจำเลยว่าจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างเล่นดนตรี โดยจำเลยรับเงินมาจากบริษัท น. แล้วนำมาจ่ายให้โจทก์ ต่อมาบริษัท น. และจำเลยได้สั่งให้โจทก์ไปเล่นดนตรีที่บริษัท ซ. จำกัด โดยโอนให้โจทก์ไปรับเงินเดือนจากบริษัท ซ. จำกัด มีจำเลยเป็นผู้รับแทนแล้วนำมาจ่ายให้โจทก์ ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเท่ากับยืนยันว่า ค่าจ้างที่โจทก์ได้รับนั้นเป็นเงินของบริษัท ซ. จำกัด ไม่ใช่ของจำเลย จำเลยเพียงเป็นตัวแทนของโจทก์ไปรับค่าจ้างจากบริษัท ซ. จำกัด มาจ่ายแก่โจทก์เท่านั้น จำเลยจึงไม่ใช่นายจ้างของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นตัวแทน สัญญาประกันภัย และอำนาจฟ้อง: ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทน, จำเลย และโจทก์ในการทำสัญญาประกันภัย
จำเลยที่1มีกิจการประกันภัยต่อกับบริษัทต่างๆทั้งที่มีชื่อเป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศหลายสิบแห่งจำเลยที่1มอบหมายหน้าที่ให้จำเลยที่2เป็นผู้ติดต่อกับต่างประเทศในด้านการทำประกันภัยต่อระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของจำเลยที่1โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของจำเลยที่1ควบคุมดูแลการทำงานของจำเลยที่2อย่างใกล้ชิดจำเลยที่2ได้ทำสัญญาโดยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนรับประกันภัยในประเทศฮอลแลนด์ ฯลฯแทนจำเลยที่1โดยจำเลยที่1รู้เห็นและไม่ทักท้วงเช่นนี้จำเลยที่2จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่1ในการทำสัญญาดังกล่าวกับโจทก์โจทก์กับจำเลยที่1จึงมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ตามข้อสัญญากำหนดให้ทั้งสองฝ่ายเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแต่ปรากฏตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่1ว่าจำเลยที่1ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆกับโจทก์จึงไม่มีกรณีที่จำเลยที่1จะยอมเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามจำเลยที่1ให้ชำระหนี้แล้วจำเลยที่1ไม่ชำระการกระทำของจำเลยที่1เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่1โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อนได้ จำเลยที่1ให้การเพียงว่าฟ้องขาดอายุความมิได้อ้างเหตุว่าขาดอายุความในกรณีใดบ้างเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของตัวการต่อการกระทำของตัวแทน, ค่าขาดไร้อุปการะ และความรับผิดร่วม
โจทก์ฟ้องขอค่าขาดไร้อุปการะแม้จะไม่ได้บรรยายว่าโจทก์ควรได้เป็นรายเดือนรายปีเท่าไรเป็นเวลานานเท่าใดก็ตามเมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมาศาลก็พิจารณากำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควรไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยประกอบกิจการรถทัวร์รับส่งคนโดยสารได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาแล่นรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยซึ่งเสียอยู่การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลยโดยจำเลยเป็นผู้กำหนดและใช้ให้กระทำนั้นคนขับรถทัวร์จึงเป็นตัวแทนของจำเลยเมื่อตัวแทนของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา427ประกอบมาตรา425 การใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วยเมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่1ผู้ขอมีอายุ90ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน90,000บาทจึงสูงไปโจทก์ที่1ควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพียง45,000บาท เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคันทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างร่วมรับผิดด้วยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหนเท่าใดจำเลยทุกคนจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวอย่างลูกหนี้ร่วม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวแทน (ผู้จัดการธนาคาร) ต่อตัวการ (ธนาคาร) จากการกระทำนอกเหนืออำนาจและการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
จำเลยเป็นผู้จัดการธนาคารสาขาของโจทก์ได้อนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์การที่จำเลยรายงานยอดบัญชีไปให้โจทก์ทราบทุกสิ้นเดือนทุกหกเดือนและทุกสิ้นปีโดยแจ้งชื่อลูกหนี้และประเภทหนี้รวมทั้งการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีด้วยนั้นการรายงานดังกล่าวเป็นเพียงการรายงานตามที่โจทก์วางระเบียบไว้เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนรายงานกิจการที่ได้กระทำไปต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการแม้โจทก์ทราบการกระทำของจำเลยที่ผิดระเบียบแล้วไม่ทักท้วงคัดค้านก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ให้สัตยาบันในการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์ ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่าจำเลยเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์จำเลยกระทำการเกินอำนาจของผู้จัดการสาขามิได้ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์โดยเคร่งครัดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายนั้นเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนให้รับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการในการที่จำเลยกระทำการนอกเหนืออำนาจที่โจทก์มอบหมายตามป.พ.พ.มาตรา812มีอายุความ10 ปี.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้แทน หากไม่มีตัวแทนย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล จะต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงจะดำเนินคดีได้ ถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการไปต่างประเทศไม่อยู่ในขณะฟ้อง ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย และต้องถือว่าไม่มีตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้อง ศาลรับฟ้องไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
ห้างจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ร. มีอำนาจแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 ในกิจการเช่นสำรวจแร่ ทำเหมือง ฯลฯ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ พ.ศ.2514 ดังนี้ ห้างจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ ร. ดำเนินคดีแทนจำเลย ทั้งการมอบอำนาจให้ ร. เป็นเวลาภายหลังจากห้างจำเลยได้กระทำความผิดอาญาแล้ว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน ร. ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยการมอบอำนาจตามใบมอบอำนาจดังกล่าว การดำเนินคดีนี้ของ ร. จึงไม่ผูกพันห้างจำเลยและคำพิพากษาก็ไม่ผูกพันห้างจำเลย โจทก์จึงไม่อาจยึดทรัพย์ของห้างจำเลยมาชำระค่าปรับตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นตัวแทนดำเนินการ มิเช่นนั้นศาลรับฟ้องไม่ได้
การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล จะต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงจะดำเนินคดีได้ ถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการไปต่างประเทศไม่อยู่ในขณะฟ้อง ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย และต้องถือว่าไม่มีตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้อง ศาลรับฟ้องไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 165
ห้างจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ร. มีอำนาจแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 ในกิจการเช่นสำรวจแร่ ทำเหมือง ฯลฯ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ พ.ศ.2514ดังนี้ ห้างจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ ร.ดำเนินคดีแทนจำเลยทั้งการมอบอำนาจให้ร. เป็นเวลาภายหลังจากห้างจำเลยได้กระทำความผิดอาญาแล้ว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน ร. ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยการมอบอำนาจตามใบมอบอำนาจดังกล่าว การดำเนินคดีนี้ของ ร. จึงไม่ผูกพันห้างจำเลยและคำพิพากษาก็ไม่ผูกพันห้างจำเลย โจทก์จึงไม่อาจยึดทรัพย์ของห้างจำเลยมาชำระค่าปรับตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้แทน หากไม่มีตัวแทนเมื่อฟ้องคดี ศาลรับฟ้องไม่ได้
การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคลจะต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงจะดำเนินคดีได้ถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการไปต่างประเทศไม่อยู่ในขณะฟ้องต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายและต้องถือว่าไม่มีตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้องศาลรับฟ้องไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา165 ห้างจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ร.มีอำนาจแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ.2510ในกิจการเช่นสำรวจแร่ทำเหมืองฯลฯและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่พ.ศ.2514ดังนี้ห้างจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ร.ดำเนินคดีแทนจำเลยทั้งการมอบอำนาจให้ร.เป็นเวลาภายหลังจากห้างจำเลยได้กระทำความผิดอาญาแล้วพนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนร.ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยการมอบอำนาจตามใบมอบอำนาจดังกล่าวการดำเนินคดีนี้ของร.จึงไม่ผูกพันห้างจำเลยและคำพิพากษาก็ไม่ผูกพันห้างจำเลยโจทก์จึงไม่อาจยึดทรัพย์ของห้างจำเลยมาชำระค่าปรับตามคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606-2616/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน, ฟ้องซ้อน, ตัวแทนสัญญาจ้าง, ความรับผิดจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาจ้างแรงงานกับโจทก์แทนบริษัท ท. ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างประเทศ บริษัท ท. ผิดสัญญาจ้างแรงงานต่อโจทก์ ขอให้จำเลยคืนเงินค่าใช้จ่ายที่จำเลยรับไปจากโจทก์ ดังนี้เป็นคดีพิพาทด้วยนสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 (1) อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานส่วนจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในกรณีที่ทำสัญญาจ้างแรงงานกับโจทก์หรือไม่หรือรับผิดเท่าใดเป็นอีกกรณีหนึ่ง มิได้หมายความว่า เมื่อจำเลยปฏิเสธความรับผิดแล้ว คดีไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 วรรคสอง ห้ามโจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันต่อศาลอีกเฉพาะกรณีที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณา ปรากฏว่าขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อนไปแล้ว คดีนั้นจึงไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณา แม้จำเลยจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลแรงงานกลางที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องโดยมิได้สอบถามจำเลยก่อนก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จะถือว่าคดีนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาหาได้ไม่ ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้อน
จำเลยได้รับมอบอำนาจจากบริษัทตัวการซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างประเทศทำสัญญาจ้างแรงงานกับโจทก์แทนบริษัทตัวการ ไม่ว่าจำเลยจะได้รับมอบหมายอำนาจแต่เฉพาะการหรือรับมอบอำนาจทั่วไปก็ตาม จำเลยย่อมเป็นตัวแทนของบริษัทตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 การที่จำเลยได้รับอนุญาตให้เป็นผู้จัดหาคนงานตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ไม่ทำให้ฐานะของจำเลยเปลี่ยนเแปลงไปโดยไม่เป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไปได้
บริษัทตัวการไม่สามารถให้โจทก์ทำงานในต่างประเทศได้ตามปกติจนครบกำหนดตามสัญญาจ้างแรงงานโดยจัดให้โจทก์เข้าทำงานในเดือนแรก ส่วนเดือนต่อ ๆ มาโจทก์มิได้เข้าทำงานและมิได้รับค่าจ้างซึ่งมิใช่ความผิดของโจทก์ จะถือว่าบริษัทตัวการได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาจ้างแรงงานแล้วหาได้ไม่ เมื่อบริษัทตัวการผิดสัญญาต่อโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนในประเทศไทยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจ้างแรงงานแต่ลำพังตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824
of 119