พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงปืน: ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันตัว
จำเลยถูก ส. ผู้เสียหายคนหนึ่งด่า จำเลยจึงกลับไปพาพวกมายังที่กลุ่มผู้เสียหายนั่งอยู่และตะโกนถามหาผู้ด่าจำเลย ส. และพวกอีกคนหนึ่งจะเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมาจ้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหาย ส.ซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ 2 เมตร ใช้เหล็กฉากขว้างจำเลยแต่ไม่ถูก ขณะนั้นพวกของส. พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงในลักษณะกราดไปมาป้องกันไม่ให้ใครเข้าหาจำเลยและไม่ให้ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก เช่นนี้ เหตุที่เกิดเพราะ ส. ไปด่าจำเลยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับจะเป็นสาเหตุให้จำเลยคิดฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาอาวุธปืนจ้องไปทางกลุ่มผู้เสียหายก็เพื่อแสดงอำนาจให้พวกผู้เสียหายเกรงกลัว และที่จำเลยยิงก็เป็นการตอบโต้ที่ถูกฝ่ายผู้เสียหายด่าและป้องกันไม่ให้ ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก ขณะที่ยิง จำเลยก็อยู่ห่าง ส. ประมาณ 2 เมตร และห่างกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 4 เมตร เท่านั้น กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกเพียงนิ้วเท้าของ ส. ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยยิงไปยังกลุ่มผู้เสียหายหรือในทิศทางที่กลุ่มผู้เสียหายวิ่งหนี พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือพวกของผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทที่โจทก์สมัครใจต่อสู้กับจำเลย ทำให้ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกายได้
การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและอาวุธที่ใช้เพื่อตัดสินว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย หรือพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดแบบเสือซ่อนเล็บยาวประมาณ 7 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 2 ที ที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายใกล้ ๆ รักแร้และที่บริเวณด้านหลัง แต่แผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกไม่มาก ใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายเพียงประสงค์ให้ผู้เสียหาย ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่า ผู้เสียหาย จำเลยต้องแทงรุนแรงกว่านี้ การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ประกอบด้วย มาตรา 340 ตรี ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่22 ปี 6 เดือน ถึง 30 ปี เป็นบทที่มีโทษเบากว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 80,52(1) ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษ ตามบทหนัก ศาลล่างปรับบทลงโทษจำเลยในความผิดที่มีโทษเบากว่า ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้ แต่เมื่อโจทก์มิได้ อุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อนี้ จึงพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ถูกทำร้ายที่พยายามช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียบที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับ ว. และ อ. พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออก ผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดย ว. ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง จำเลยที่ 1 กับ อ. ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย ผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตายหนีออกมาจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และ อ. ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายและทำร้ายผู้ที่เข้าช่วยเหลือ
ผู้ตายหยอดเหรียญที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลย ทั้งสองกับว.และอ.พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออกผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดยว.ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้งจำเลยที่ 1 กับอ.ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตายผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตาย หนีออกจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และอ.ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีทำร้ายร่างกาย: การกระทำไม่ร้ายแรงจนถึงขั้นเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
แม้ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย กำหนดห้ามมิให้ลูกจ้างก่อการวิวาท ทำร้ายร่างกาย พูดหยาบ ตลอดจนส่งเสียงอื้ออึงโดยไม่จำเป็นก็ตาม แต่ระเบียบดังกล่าวก็มิได้กำหนดว่าการฝ่าฝืนจะถือเป็นกรณีร้ายแรงประการใด การที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยชกต่อยลูกจ้างด้วยกัน ก็เนื่องจากคู่กรณีพูดให้ของลับโจทก์ก่อน และไม่ปรากฏว่าคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ จึงถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นกรณีร้ายแรง ที่จำเลยผู้เป็นนายจ้างจะมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการใช้ทำร้ายร่างกาย ศาลพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และความรับผิดชอบเรื่องการอนุญาต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนที่ติดตัวไปตีทำร้ายผู้เสียหาย แม้จะไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง แต่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนรับว่าไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน จึงลงโทษจำเลยในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ แต่ตามฟ้องของโจทก์มิได้ระบุว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีและพาไปเป็นอาวุธปืนที่มิได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย ทั้งโจทก์ก็นำสืบไม่ได้เช่นนั้น จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีตามกฎหมาย
ในกรณีข้างต้น เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 72 วรรคใด จึงไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุวรรคว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 72 วรรคสาม
ในกรณีข้างต้น เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้ระบุว่าให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 72 วรรคใด จึงไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุวรรคว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 72 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5847/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288,289ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฎีกาว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่นั้น เมื่อฎีกาโจทก์ต้องห้ามเสียแล้วคดีไม่อาจขึ้นสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงทำร้าย: พิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2 * 0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2 ครั้งแผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น