คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทุนทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3467/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมควรชดใช้ตามส่วนที่ชนะคดี ป้องกันการตั้งทุนทรัพย์เกินจริง
ค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะค่าขึ้นศาลนั้น ตามปกติควรจะกำหนดให้ฝ่ายแพ้คดีชดใช้เท่าที่โจทก์ชนะคดี มิฉะนั้นแล้วโจทก์อาจจะแกล้งตั้งทุนทรัพย์เรียกร้องเอาเป็นจำนวนสูงเกินกว่าที่ควร จำเลยย่อม เดือดร้อนซึ่งไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีละเมิดรวม พิจารณาตามทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละราย
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดโดยโจทก์ที่ 1 เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท โจทก์ที่ 2 เรียกค่าเสียหาย7,000 บาท ดังนี้ ถึงแม้จะฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน สิทธิอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องถือตามจำนวนทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนที่ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 ป.วิ.พ.
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่ประการใด แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนเข้ามาด้วยเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการเรียกค่าเช่าที่คำนวณเป็นค่าเสียหายเข้ามาด้วยอันเกี่ยวพันกันกับฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกนั้นไม่เกิน 50,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษาเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะในจำนวนเงินที่เรียกนั้นเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่า: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนอสังหาริมทรัพย์นั้นแต่ประการใด แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนเข้ามาด้วยเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาทก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการเรียกค่าเช่าที่คำนวณเป็นค่าเสียหายเข้ามาด้วยอันเกี่ยวพันกันกับฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์นั้นเอง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกนั้นไม่เกิน 50,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษาเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยเฉพาะในจำนวนเงินที่เรียกนั้นเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2933/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 50,000 บาท: ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดีซึ่งมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2933/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้มีการอ้างเหตุสุดวิสัย
การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดีซึ่งมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีแพ่ง: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายสัญญา
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว จ.ผู้ต้องหา 30,000 บาท และฟ้องเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว ฉ. ผู้ต้องหา 30,000 บาท โดยฟ้องจำเลยเรียกเงินดังกล่าวมาในฟ้องฉบับเดียวกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยชำระค่าปรับราย จ. 5,000 บาท และราย ฉ. 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ทุนทรัพย์ในคดีนี้ต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันแต่ละฉบับ เพราะค่าปรับตามสัญญาประกันทั้ง 2 ฉบับเป็นคนละรายแบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัดกัน เมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในคดีค่าปรับจากสัญญาประกันตัว เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว จ.ผู้ต้องหา 30,000 บาท และฟ้องเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว ฉ.ผู้ต้องหา 30,000 บาท โดยฟ้องจำเลยเรียกเงินดังกล่าวมาในฟ้องฉบับเดียวกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยชำระค่าปรับราย จ. 5,000 บาท และราย ฉ.20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยทุนทรัพย์ในคดีนี้ต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันแต่ละฉบับ เพราะค่าปรับตามสัญญาประกันทั้ง 2 ฉบับเป็นคนละรายแบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัดกัน เมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดทุนทรัพย์คดีแพ่ง, การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย, และขอบเขตการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 60,000 บาทต่อมาในวันสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันในเรื่องค่าเสียหายว่าหากโจทก์ชนะคดีจำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้ 40,000 บาทโจทก์พอใจรับค่าเสียหายตามที่ตกลงกัน ดังนี้ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีมี ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส. เป็นคนร้ายลักตาข่ายดักปลาของจำเลย จำเลยทั้งสองแอบซุ่มดูอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงถูกส. ถึงแก่ความตายโดย ส. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยทั้งสองแต่อย่างใดดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจฆ่า ส. ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีขายฝาก: คำนวณจากทุนทรัพย์เต็มจำนวน ไม่ใช่ยอดค้างชำระ แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ฟ้องว่าขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยเป็นเงิน 800,000 บาท โจทก์ชำระค่าไถ่ถอนแล้ว 400,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรับสิทธิไถ่ถอนที่ดินที่ขายฝากจากโจทก์ แล้วจดทะเบียนโอนที่ดินคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าไม่เคยรับเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์ไม่ไถ่ถอนที่ดินภายในกำหนด ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว ดังนี้ เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามราคาที่ดินที่พิพาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท 800,000 บาทไม่ใช่ 400,000 บาท ตามที่อ้างว่าค้างชำระ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน ต่อมาได้ขยายระยะเวลาให้อีก 15 วัน ก่อนครบกำหนดโจทก์ขอขยายระยะเวลาไปอีก 30 วัน อ้างเหตุว่าได้อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลแล้วในวันเดียวกับที่ยื่นคำร้อง เหตุผลในคำร้องขอขยายระยะเวลาของโจทก์ ดังนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์ได้
of 77