พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,021 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขายสินค้าชำรุดในสัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย
จำเลยส่งสินค้าที่มีคุณภาพชำรุดบกพร่องทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธไม่ยอมรับซื้อสินค้าเป็นเหตุให้โจทก์ขายสินค้านั้นไม่ได้จำเลยต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องดังกล่าวโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา215,387,391และ472 ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา222คือคืนเงินราคาสินค้าที่จำเลยรับไปจากโจทก์ค่าที่โจทก์ได้ชำระค่าขนส่งสินค้าค่าวัสดุสำหรับบรรจุหีบห่อสินค้าที่โจทก์จัดซื้อแล้วส่งให้จำเลยและค่าโกดังเก็บสินค้าซึ่งถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษที่จำเลยควรจะคาดคิดล่วงหน้าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ค่าเช่าซื้อ แม้สัญญาถูกบอกเลิก ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คยังคงสำเร็จ
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าเช่าซื้อในขณะที่ออกเช็คและในขณะที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยยังคงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ตามสัญญาจึงเป็นเช็คที่ออกโดยมีมูลหนี้ที่มีผลผูกพันกันตามกฎหมายแม้ต่อมาโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้ออันจะมีผลทำให้จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างให้แก่โจทก์อีกต่อไปก็หาทำให้ความผิดอาญาที่เกิดขึ้นสำเร็จแล้วระงับไปไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขับไล่: การครอบครองปรปักษ์และการบอกเลิกสัญญาซื้อขายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการครอบครอง
ป.สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลย โดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 4 ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของ ป.ด้วยผลของกฎหมาย ไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของ ป. แต่ต่อมาวันที่ 31 ธันวาคม 2524 จำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจาก ป.แต่ถูกปฏิเสธ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับ ป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาท หาก ป.ต้องการให้ไปฟ้องเอา ดังนี้ แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่าง ป.กับจำเลยเลิกกันก็ตาม แต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อ ป.ว่า ไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไปตาม มาตรา 1381 ป.ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2525 การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจาก ป.เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2524 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตาม มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์หลังบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการขาดอายุความฟ้องคดี
ป. สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลยตามป.ที่ดินมาตรา4ทวิประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ข้อ2ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของป. ด้วยผลของกฎหมายไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามป.พ.พ.มาตรา1378การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของป. แต่ต่อมาเมื่อจำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจากป. กลับถูกปฏิเสธจำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาทหากป.ต้องการให้ไปฟ้องเอาดังนี้แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่างป. กับจำเลยเลิกกันก็ตามแต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อป. ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนป. ต่อไปอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปตามป.พ.พ.มาตรา1381การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจากป. เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตามป.พ.พ.มาตรา1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานหลังบอกเลิกสัญญาจ้างเหมา: ไม่จำกัดตามงวดงาน หากงานที่ทำมีค่าน้อยกว่าเงินที่รับไป
สัญญาจ้างเหมามีความว่าเมื่อผู้ว่าจ้างเห็นว่าหากให้ผู้รับจ้างดำเนินการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้ว่าจ้างผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใด ๆจากผู้ว่าจ้างทั้งสิ้นนั้นหมายถึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนเนื่องจากการบอกเลิกสัญญาเท่านั้นแต่ผู้รับจ้างหาสิ้นสิทธิได้รับการใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานที่ทำเพื่อกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมในกรณีอีกฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิเลิกสัญญาตามป.พ.พ.มาตรา391ไม่ ค่าแห่งการงานตามมาตรา391นั้นไม่จำต้องตีราคางานตรงตามงวดที่ระบุไว้ในสัญญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าแห่งการงานของผู้รับจ้างเมื่อผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างเหมา
สัญญาจ้างเหมามีความว่าเมื่อผู้ว่าจ้างเห็นว่าหากให้ผู้รับจ้างดำเนินการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ผู้ว่าจ้างผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนใดๆจากผู้ว่าจ้างทั้งสิ้นนั้นหมายถึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าทดแทนเนื่องจากการบอกเลิกสัญญาเท่านั้นแต่ผู้รับจ้างหาสิ้นสิทธิได้รับการใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานที่ทำเพื่อกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมในกรณีอีกฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391ไม่. ค่าแห่งการงานตามมาตรา391นั้นไม่จำต้องตีราคางานตรงตามงวดที่ระบุไว้ในสัญญา.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: ผลของการบอกกล่าวเลิกสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายและการปฏิเสธการรับหนังสือ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่จำเลยไม่ยกข้อต่อสู้เรื่องสิทธิบอกเลิกสัญญาในชั้นศาลชั้นต้น ทำให้ข้อนั้นตัดสิทธิการอุทธรณ์ตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หรือ ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียง 3 ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้ง ต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าต้องแจ้งให้ชำระค่าเช่าก่อน
เมื่อจำเลยค้างชำระค่าเช่าซึ่งตกลงชำระกันเป็นรายเดือนโจทก์จะต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรค 2 แต่โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อนตามบทกฎหมายดังกล่าว โจทก์กลับให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยทีเดียว การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่มีผล สัญญาเช่ายังไม่ระงับ โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4363/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินและการเลิกสัญญโดยปริยาย หากผู้ซื้อไม่ดำเนินการตามสัญญาและปล่อยเวลาล่วงเลย
จำเลยตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ซึ่งโจทก์ก็ตกลงซื้อ โดยจะขอกู้และเอาที่ดินดังกล่าวจำนองไว้กับธนาคารเพื่อนำเงิน มาซื้อที่ดินตามบันทึกข้อตกลงแม้บันทึกดังกล่าวจะเป็น สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทแต่เมื่อธนาคารได้ปฏิเสธไม่ยอมให้โจทก์ กู้เงินมาซื้อที่ดินพิพาทแล้วต่อมาจำเลยผู้ขายได้บอกเลิกสัญญา โดยมิได้บอกกล่าวให้โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควร ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 โดยโจทก์เองก็มิได้โต้แย้งการบอกเลิกสัญญาในขณะนั้น กลับเพิกเฉยปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเป็นเวลานานถึง 5 ปี พฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้ว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างสมัครใจ เลิกสัญญาต่อกันโดยปริยายโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขาย ที่ดินพิพาทตามสัญญาอีกไม่ได้