คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บุกรุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีก่อนศาลยังไม่วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ การฟ้องใหม่ระบุรายละเอียดการบุกรุกชัดเจน ย่อมฟ้องได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใดและเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: การฟ้องแย่งครอบครองที่ดินหลังศาลเดิมยกฟ้องเนื่องจากขาดรายละเอียดการบุกรุก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน และพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยพยายามจะบุกรุกเมื่อใด และเมื่อจำเลยยังมิได้บุกรุกก็ไม่เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ขอศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนั้น ศาลไม่อาจสั่งให้ได้ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีใหม่ยืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทแน่นอนเมื่อใดเป็นเนื้อที่เท่าใด ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของใคร และจำเลยบุกรุกที่พิพาทจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในคดีหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องคดี: ศาลจำกัดการพิพากษาตามที่โจทก์ฟ้องและเสียค่าขึ้นศาล แม้ข้อเท็จจริงจะพิสูจน์ได้มากกว่า
ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดิน 4 ไร่ และเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 4 ไร่เท่านั้น แม้จะฟังได้ว่าที่ดินทั้ง 30 ไร่เป็นของโจทก์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ชนะได้เพียง 4 ไร่ เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์: การพิสูจน์การครอบครองและเจตนาทำลาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกนาของผู้เสียหายและถอนต้นข้าวที่ผู้เสียหายปลูกไว้ทิ้งเสีย เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังฟังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของผู้เสียหายดังที่โจทก์ฟ้องและตาม พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบกันมาก็เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่าย ยังเถียงการครอบครองกันอยู่เช่นนี้ การที่จำเลยเข้าไปในที่พิพาท จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าข้าวนั้นเป็นข้าวของผู้เสียหายปลูกไว้ซึ่งจำเลยก็รู้ การที่จำเลยถอนทำลายต้นข้าวที่เขาปลูกออกเสีย แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ย่อมเห็นได้ว่าทำให้ต้นข้าวที่ปลูกไว้นั้นเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีบุกรุก: ศาลฎีกายกประเด็นนอกเหนือการต่อสู้ในชั้นต้น-ให้สืบเพิ่มเติม
โจทก์ไม่สามารถยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นเนื่องจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้และศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะอ้างอิงปัญหานี้ขึ้นในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
เมื่อประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญในประเด็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกามีอำนาจให้โจทก์นำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์มาสืบเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม, 240(3)ประกอบด้วยมาตรา 247 แล้วให้จำเลยสืบแก้ รวมทั้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมีสิทธิระบุทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารเพิ่มเติมได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นจากการป้องกันตนเองและครอบครัว เมื่อถูกบุกรุกและข่มเหง
คืนเกิดเหตุ ม.พาผู้ตายมาบ้านจำเลยเพื่อเอาตัว ป.ภริยา ม. ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยไป ได้พากันขึ้นไปบนเรือนจำเลยซึ่งจำเลยกับพวกนอนกันแล้ว ม.เรียก ป.ให้เปิดประตู ป.ไม่เปิด ม.ก็ดันประตูจะเข้าไป จำเลยลุกขึ้นขัดขวาง ม.และผู้ตายขัดขืนจะเข้าไปเอาตัว ป. ให้ได้ ดันประตูเรือนจนไม้กลอนขัดประตูหัก นับว่า ม. และผู้ตายกระทำการมิชอบ ด้วยความอุกอาจปราศจากความยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นพ่อตาและเจ้าของบ้าน เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้น จึงยิงไปยัง ม.และผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองและทรัพย์สินในที่อยู่อาศัยเมื่อถูกบุกรุกจนเกิดเหตุทำร้ายถึงแก่ความตาย
คืนเกิดเหตุ ม. พาผู้ตายมาบ้านจำเลยเพื่อเอาตัว ป.ภริยา ม. ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยไป ได้พากันขึ้นไปบนเรือนจำเลยซึ่งจำเลยกับพวกนอนกันแล้ว ม. เรียก ป. ให้เปิดประตูป. ไม่เปิด ม. ก็ดันประตูจะเข้าไปจำเลยลุกขึ้นขัดขวาง ม. และผู้ตายขัดขืนจะเข้าไปเอาตัว ป. ให้ได้ ดันประตูเรือนจนไม้กลอนขัดประตูหัก นับว่า ม. และผู้ตายกระทำการมิชอบ ด้วยความอุกอาจปราศจากความยำเกรงจำเลยซึ่งเป็นพ่อตาและเจ้าของบ้านเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยบันดาลโทสะขึ้นในขณะนั้นจึงยิงไปยัง ม. และผู้ตายผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการยินยอมให้ผู้อื่นบุกรุก และอายุความค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายข้อเรียกร้องมาในฟ้อง ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากจำเลยที่ 2 ละเมิดอยู่ในบ้านพิพาทของโจทก์โดยความยินยอมของจำเลยที่ 1 โดยไม่มีสิทธิจะอ้างได้ตามกฎหมาย ในคำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาโดยบรรยายข้อเท็จจริงเข้ามาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น โดยละเอียดพอที่จำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดี ฟ้องของโจทก์หาเคลือบคลุมไม่
จำเลยที่ 1 เลิกสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 2 ครอบครองบ้านพิพาทต่อไปภายหลังเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์โดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมด้วย จำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ การที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 หาเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตไม่
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ฐานจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 ละเมิดอยู่บ้านพิพาท โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้เพียง 1 ปี ส่วนค่าเสียหายที่เกินกว่า 1 ปีขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเก็บจากจำเลยที่ 1 (อ้างฎีกาที่ 1273/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากละเมิดและการหมดอายุความค่าเสียหายจากการยินยอมให้ผู้อื่นบุกรุก
โจทก์บรรยายข้อเรียกร้องมาในฟ้อง ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากจำเลยที่ 2 ละเมิดอยู่ในบ้านพิพาทของโจทก์ โดยความยินยอมของจำเลยที่ 1 โดยไม่มีสิทธิจะอ้างได้ตามกฎหมายในคำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา โดยบรรยายข้อเท็จจริงเข้ามาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นโดยละเอียดพอที่จำเลยเข้าใจข้อหาของโจทก์ได้ดี ฟ้องของโจทก์หาเคลือบคลุมไม่
จำเลยที่ 1 เลิกสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 2 ครอบครองบ้านพิพาทต่อไปภายหลังเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมด้วย จำเลยที่ 1 ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ การที่โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 หาเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตไม่
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ฐานจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 ละเมิดอยู่บ้านพิพาทโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้เพียง 1 ปี ส่วนค่าเสียหายที่เกินกว่า 1 ปี ขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเก็บจากจำเลยที่ 1(อ้างฎีกาที่ 1273/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนป้องกันตัวจากการบุกรุกและทำร้ายร่างกายเพื่อลักทรัพย์ ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ
ข้อเท็จจริงได้ความว่าแถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลยจำเลยร้องทักว่าใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บเป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทำการลักทรัพย์ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกันจำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มากเห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
of 79