พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์และชิงทรัพย์เป็นกรรมเดียวเมื่อมีเจตนาต่อทรัพย์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
จำเลยขอกุญแจเปิดลิ้นชักโต๊ะจากผู้เสียหายแล้วหยิบอาวุธปืนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะขู่ผู้เสียหายให้มอบเงินให้ ดังนี้ การที่จำเลยลักอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับเอาทรัพย์อื่นอันเป็นการชิงทรัพย์ผู้เสียหายนั้น จำเลยได้กระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ทั้งหมดมาแต่ต้น จึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเดียว ความผิดกรรมเดียว ลักทรัพย์-ชิงทรัพย์ในคราวเดียวกัน
การที่จำเลยลักเอาอาวุธปืนของผู้เสียหายในลิ้นชักและใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับผู้เสียหายให้ส่งทรัพย์อื่นให้อีก ถือว่าจำเลยได้กระทำโดยมีเจตนาอันแท้จริงต่อผลเพียงอย่างเดียว คือมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ทั้งหมดแต่ต้น การที่จำเลยลักอาวุธปืนและชิง เอาทรัพย์อื่นของผู้เสียหายอีกจึงเป็นการกระทำในคราวเดียวกันอันเป็นความผิดกรรมเดียว แม้โจทก์จะบรรยายแยกการกระทำผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม ศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์-ชิงทรัพย์เป็นกรรมเดียว หากมีเจตนาต่อทรัพย์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
จำเลยขอกุญแจเปิดลิ้นชักโต๊ะจากผู้เสียหายแล้วหยิบอาวุธปืนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะขู่ผู้เสียหายให้มอบเงินให้ ดังนี้ การที่จำเลยลักอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับเอาทรัพย์อื่นอันเป็นการชิงทรัพย์ผู้เสียหายนั้น จำเลยได้กระทำโดยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ทั้งหมดมาแต่ต้น จึงเป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.
แม้จำเลยจะขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลชอบที่จะลดโทษให้แก่จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2095/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับซื้อทรัพย์สินที่ได้มาจากการลักทรัพย์โดยรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
ถังน้ำขององค์การสหประชาชาติที่ส่งมาเตรียมไว้เพื่อให้ชาวเขมรอพยพใช้ตัวถังพ่นสีเป็นชื่อย่อขององค์การอาหารโลกมีลักษณะพิเศษแตกต่างกับถังน้ำที่มีอยู่โดยทั่วไป ราคาใบละ 1,775 บาท แต่ไม่มีขายในท้องตลาด จำเลยรับซื้อไว้ในราคาเพียง 400 บาท ถูกกว่าราคาเดิมอย่างมาก พฤติการณ์รับฟังได้ว่าจำเลยรับถังน้ำของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2055/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอยผลมะม่วงในที่ดินพิพาท ไม่ถือเป็นลักทรัพย์ หากไม่มีเจตนาทุจริต
ต้นมะม่วงที่จำเลยสอยเอาผลปลูกอยู่ในที่ดินที่กำลังพิพาทในเรื่องสิทธิกันอยู่ระหวางจำเลยกับผู้เสียหาย โดยจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่ดินนั้น เมื่อมีผู้ไปห้ามจำเลยก็เถียงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย ดังนี้ จำเลยหามีเจตนาลักมะม่วงนั้นไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1857/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามลักทรัพย์: เจตนาชัดเจนแม้ยังไม่ทันได้ทรัพย์
จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็นร้านค้าขายของด้วยแล้วเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนอนของผู้เสียหายซึ่งเก็บเงินสด สร้อยคอทองคำและแหวนทองคำ ในขณะที่ผู้เสียหายกับภรรยาและบุตรกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านเช่นนี้ ชี้ให้เห็นเจตนาของจำเลยโดยชัดแจ้งว่าจำเลยประสงค์จะลักทรัพย์ของผู้เสียหาย แต่มีคนเข้ามาซื้อของ ผู้เสียหายจึงเห็นจำเลยหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนเสียก่อน จำเลยจึงเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ แม้จำเลยจะยังไม่ทันแตะต้องทรัพย์ของผู้เสียหาย ก็ถือว่าจำเลยลงมือกระทำความผิดเข้าขั้นพยายามลักทรัพย์แล้ว (ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางที่เป็นยานพาหนะใช้ในการลักทรัพย์ ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่เข้าข่ายต้องริบ หากใช้เพียงเพื่อเดินทางไป-กลับ
จำเลยทั้งห้าใช้เรือไม้และเครื่องยนต์เป็นยานพาหนะไปลักรังนกอีแอ่นบนเกาะ เมื่อลักรังนกอีแอ่นได้แล้ว ขณะกลับมาลงเรือของกลางก็ถูกจับ ดังนี้ เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยทั้งห้าใช้เดินทางไปมายังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์เท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
จำเลยใช้เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นพาหนะเดินทางไปยังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์ และนำทรัพย์ที่ลักกลับจากเกาะนั้นด้วยเรือไม้และเครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปมาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยานพาหนะที่ใช้ในการลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยทั้งห้าใช้เรือไม้และเครื่องยนต์เป็นยานพาหนะไปลักรังนกอีแอ่นบนเกาะเมื่อลักรังนกอีแอ่นได้แล้ว ขณะกลับมาลงเรือของกลางก็ถูกจับ ดังนี้ เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยทั้งห้าใช้เดินทางไปมายังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์เท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายลักทรัพย์ด้วยการใช้อุบาย แม้โจทก์ไม่ได้ฟ้อง แต่ศาลมีอำนาจลงโทษได้
จำเลยขอดูนาฬิกาที่ผู้เสียหายใส่อยู่ เมื่อผู้เสียหายถอดให้จำเลย จำเลยรับนาฬิกามาจากผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี การกระทำของจำเลยไม่เป็นการใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์ผู้เสียหายไป แต่เป็นการใช้อุบายให้ผู้เสียหายถอดนาฬิกาจากข้อมือส่งให้จำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์แต่เป็นการลักทรัพย์ด้วยการใช้อุบาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
แม้โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 แต่การลักทรัพย์เป็นการกระทำอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย.
แม้โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 แต่การลักทรัพย์เป็นการกระทำอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลฎีกาจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 334 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสุดท้าย.