คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานตรวจแรงงานจำกัดเฉพาะการเตือน มิได้ชี้ขาดข้อพิพาทค่าแรง
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 และประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน มิได้ให้อำนาจแก่พนักงานตรวจแรงงานที่จะชี้ขาดข้อพิพาทเรื่องเงินค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง พนักงานตรวจแรงงานไม่มีอำนาจออกคำสั่งบังคับนายจ้างให้จ่ายเงินดังกล่าวได้ ในกรณีที่นายจ้างฝ่าฝืนประกาศกระทรวงมหาดไทยไม่จ่ายเงินดังกล่าวให้ลูกจ้าง นายจ้างย่อมมีความผิดทางอาญา ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ข้อ 6 และข้อ 8 การที่พนักงานตรวจแรงงานออกคำเตือนให้โจทก์ในฐานะนายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างภายในกำหนดเวลา เป็นอำนาจตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 77 ซึ่งมิใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดหรือคำสั่งที่มีผลบังคับทางกฎหมาย จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนคำเตือนดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2323/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจบังคับคดีขับไล่หลังการโอนสิทธิ - ยังคงมีผล
แม้โจทก์จะโอนขายกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทไปในระหว่างการบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์ก็คงยังมีอำนาจบังคับคดีให้จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาทตามคำพิพากษาให้ขับไล่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2072/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบและอำนาจของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการแรงงานสัมพันธ์ ลงวันที่ 16เมษายน 2515 ข้อ 24 มิได้มีข้อห้ามแต่งตั้งข้าราชการประจำ หรือข้าราชการบำนาญเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และมิได้กำหนดว่าคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ทั้งหมดจะต้องแต่งตั้งจากฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างแต่ประการใด บัญญัติเพียงว่าคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนและไม่เกินเก้าคน ต้องแต่งตั้งจากฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างอย่างน้อยฝ่ายละหนึ่งคนเท่านั้น ดังนั้นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีเก้าคน ประกอบด้วยกรรมการที่เป็นข้าราชการประจำ ข้าราชการบำนาญด้วย และกรรมการในฐานะผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้างฝ่ายละคน จึงเป็นกรรมการที่ถูกต้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวแล้ว
ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้อ 26 บัญญัติไว้เพียงว่าการประชุมคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุมมติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก มิได้กำหนดว่าจะต้องมีกรรมการที่เป็นผู้แทนฝ่ายฝ่ายจ้างและฝ่ายลูกจ้างร่วมประชุม หรือลงชื่อในคำชี้ขาดด้วยทุกครั้งไป ดังนั้นการที่ไม่มีกรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้างร่วมลงนามในคำชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน ไม่ทำให้คำชี้ขาดนั้นขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด
โจทก์ฎีกาว่า ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงไม่มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์นั้น เมื่อไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ และผลของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการสืบพยาน
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการไว้ 3 คน โดยไม่มีข้อจำกัดอำนาจ หุ้นส่วนผู้จัดการแต่ละคนจัดการห้างหุ้นส่วนได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1035 หุ้นส่วนผู้จัดการ 2 คนลงชื่อในใบแต่งทนายก็ใช้ได้หาจำเป็นต้องให้หุ้นส่วนผู้จัดการทั้งสามร่วมทำการแทนไม่
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานครั้งแรกอ้างว่าทนายความคนหนึ่งป่วยทนายความอีกคนหนึ่งไปเป็นพยานที่อื่น ครั้งที่สองและสามอ้างว่าจำเลยป่วยในวันสืบพยานทุกครั้งไม่มีพยานจำเลยมาศาล และจำเลยมิได้จัดการขอหมายเรียกพยานมาด้วย โดยเฉพาะในวันสืบพยานครั้งที่สองศาลสั่งว่าในนัดหน้าจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไม่ว่ากรณีใดๆ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยนั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงนามในเอกสารราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบไว้ว่าใบสุทธิและใบรับรองให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้นเป็นผู้ลงชื่อตัวชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่ง จำเลยเช่ากิจการโรงเรียนราษฎร์ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการจาก ส.ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ ระหว่างที่จำเลยเช่านั้นตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ ส.จึงยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและครูใหญ่ แต่ก่อนที่ทางการจะสั่ง ส.ได้ไปขอถอนเรื่องคืน ระหว่างที่ ส.ยื่นเรื่องราวไว้นั้น จำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปโดยบางฉบับระบุว่าเป็นครูใหญ่ บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ ดังนี้เป็นการปลอมตนว่าเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ แม้ข้อความในใบสุทธินั้นเป็นความจริงก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้ สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงนามในเอกสารราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้วางระเบียบไว้ว่าใบสุทธิและใบรับรองให้ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการหรือผู้รักษาการแทนเท่านั้น เป็นผู้ลงชื่อสกุลพร้อมด้วยตำแหน่งจำเลยเช่ากิจการโรงเรียนราษฎร์ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการจาก ส. ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดทำการสอนนักเรียนได้ ระหว่างที่จำเลยเช่านั้นตำแหน่งครูใหญ่ว่างอยู่ ส. จึงยื่นเรื่องราวขอบรรจุจำเลยเป็นผู้จัดการและครูใหญ่แต่ก่อนที่ทางการจะสั่ง ส. ได้ไปขอถอนเรื่องคืนระหว่างที่ ส. ยื่นเรื่องราวไว้นั้นจำเลยได้ลงชื่อในใบสุทธิให้แก่นักเรียนไปโดยบางฉบับระบุว่าเป็นครูใหญ่ บางฉบับว่าอาจารย์ใหญ่ ดังนี้ เป็นการปลอมตนว่าเป็นผู้มีอำนาจลงนามในเอกสารนั้น เอกสารนี้จึงไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามผู้ที่มีอำนาจจะออกใบสุทธิได้ แม้ข้อความในใบสุทธินั้นเป็นความจริง ก็มิใช่ว่าเอกสารปลอมจะมีข้อความตรงกับความจริงมิได้สารสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยมีอำนาจลงนามในเอกสารนั้นได้หรือไม่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการจัดการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์: การเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์จากพระปรมาภิไธยเป็นสำนักงานทรัพย์สินฯ
พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2479มาตรา 4 ได้แบ่งทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์เป็น 3 ประเภทคือทรัพย์สินส่วนพระองค์ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินและทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาตรา 5 บัญญัติว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เว้นเครื่องอุปโภคบริโภค) ให้อยู่ในความดูแลรักษาและจัดหาประโยชน์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อที่ดินมีตราจองในคดีนี้ยังอยู่ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ในความดูแลของผู้ร้องแล้วจึงมีปัญหาว่าที่ดินตามตราจองนี้เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หรือไม่ การวินิจฉัยปัญหานี้เป็นอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัย เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจเปลี่ยนนามผู้ถือกรรมสิทธิ์ในตราจองมาเป็นนามผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเปลี่ยนนามผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตราจองจากพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ มาเป็นนามของผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ เพื่อผู้ร้องจะได้ดำเนินการขอเปลี่ยนจากตราจองเป็นโฉนดต่อไปได้
ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ร้องการที่ผู้ร้องขอให้ลงชื่อผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์นั้น เป็นการขอถือกรรมสิทธิ์แทนพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ในการจัดการทรัพย์สิน จึงไม่ใช่การจดทะเบียนสิทธิการได้มาซึ่งที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 เจ้าพนักงานที่ดินจะอาศัยบทกฎหมายดังกล่าวจดทะเบียนลงชื่อผู้ร้องหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขันพ.ศ.2488 มาตรา 4 ได้บัญญัติให้คณะกรรมการมีอำนาจวางระเบียบหรือห้ามการส่งออกไปนอกหรือนำเข้ามาในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งซึ่งสิ่งของควบคุมประกาศคณะกรรมการซึ่งได้วางระเบียบกำหนดการเคลื่อนย้ายโค กระบือหรือสุกรซึ่งมีชีวิตจากท้องที่อื่นๆ เข้าไปในเขตหรือการเคลื่อนย้ายออกนอกเขตแต่ละอำเภอจึงไม่นอกเหนือวัตถุประสงค์หรือขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินบนเป็นของ ผู้นำจับ เท่านั้น พนักงานอัยการไม่มีอำนาจร้องขอ
มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2466 เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องเอาโทษ แต่การชำระค่าสินบนตามมาตรา 3 พระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดแก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2477 ไม่ใช่โทษ ทั้งเป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินค่าสินบนขึ้นโดยเฉพาะหาอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 39 ไม่ จึงไม่ทำให้พนักงานอัยการมีอำนาจร้องขอสิทธิเรียกร้องเอาค่าสินบนในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 แห่งเงินค่าปรับ ย่อมเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้จับ ผู้นำจับ หรือแจ้งความจับเท่านั้นที่จะร้องขอต่อศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินบนเป็นของ ผู้นำจับ เท่านั้น พนักงานอัยการไม่มีอำนาจร้องขอ
มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2466 เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องเอาโทษ แต่การชำระค่าสินบนตามมาตรา 3 พระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2477 ไม่ใช่โทษทั้งเป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินค่าสินบนขึ้นโดยเฉพาะหาอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 39 ไม่ จึงไม่ทำให้พนักงานอัยการมีอำนาจร้องขอ สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินบนในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 แห่งเงินค่าปรับ ย่อมเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้จับผู้นำจับ หรือ แจ้งความจับเท่านั้นที่จะร้องขอต่อศาลได้
of 98